แท็ก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายสมัคร สุนทรเวช
สมเด็จพระนางเจ้าฯ
ทำเนียบรัฐบาล
ตึกสันติไมตรี
นายกรัฐมนตรี
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวมอบนโยบายในการประชุมสั่งการเรื่อง "การบูรณาการเพื่อการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐและการทำลายทรัพยากรป่าไม้"
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวมอบนโยบายในการประชุมสั่งการเรื่อง "การบูรณาการเพื่อการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐและการทำลายทรัพยากรป่าไม้" โดยมี ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันปราบปรามการบุกรุกที่ดินของรัฐ และการทำลายป่าไม้ จำนวน 12 หน่วยงาน เข้าร่วมการประชุม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายสรุปสาระสำคัญว่า ช่วงเวลาเกือบ 50 ปีที่ผ่านมาพื้นที่ป่าไม้ของไทยหายไปค่อนข้างมาก แต่ไม่หายไปรุนแรงนัก เพราะด้วยพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรักแผ่นดิน ทรงทำความแห้งแล้งให้เป็นความชุ่มชื้น และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีโครงการป่ารักษ์น้ำเป็นโครงการส่วนพระองค์ และทรงมีโครงการต่าง ๆ ทั่วประเทศทั้ง 5 ภาค ที่เรียกกันว่าเป็นโรงเรียนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ราษฎรได้ศึกษางานฝายแม้วหรือ Check Dam เป็นอ่างเก็บน้ำบนภูเขาสร้างความเขียวชอุ่มให้กับพืชพรรณไม้ เช่น ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริห้วยฮ่องไคร้ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ประสบความสำเร็จเป็นตัวอย่าง ซึ่งเป็นพระราชอุตสาหะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงทำไว้ให้กับแผ่นดิน จึงขอให้ทุกคนได้น้อมนำทั้งสองพระองค์เป็นแบบอย่างในการร่วมกันอนุรักษ์ป่าไม้ โดยหน่วยราชการต้องทำเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วน ทั้งการคงพื้นที่ป่าไม้และนำพื้นที่ที่ถูกบุกรุกกลับคืนมาฟื้นฟูให้ดีที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้ขึ้นฮ.ดูพื้นที่ป่าไม้ของภาคใต้ พบว่ามีคนถางป่าแบบตะแคง ที่ดูแล้วตำหนิไม่ลงเพราะเมื่อถางป่าแล้วมีการปลูกต้นยางทดแทน ทำให้ส่วนที่ถูกถางไปมีความเชียวชอุ่ม เช่นเดียวกันกับที่ประเทศมาเลเซียที่มีการปลูกต้นยาง ต้นปาล์มขึ้นมาทดแทน ซึ่งการปลูกต้นไม้ต่าง ๆ ขึ้นมาทดแทนนี้คิดว่าไม่มีใครตำหนิ แต่ส่วนที่ตำหนิคือไม่รู้จุดประสงค์ในการนำต้นไม้ไปใช้ และการถากถางป่าอย่างน่ากลัวด้วยการใช้เลื่อยไฟฟ้าสมัยใหม่ทำให้ตัดไม้ได้อย่างรวดเร็ว แตกต่างจากการตัดไม้ในสมัยก่อนที่ใช้ขวานทำให้ต้องใช้เวลาตัดไม้ค่อนข้างนาน จึงเห็นด้วยกับการควบคุมการนำเข้าเลื่อยไฟฟ้าเข้ามาในประเทศ
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสนใจส่วนตัวในเรื่องระบบการทำป่าไม้ โดยได้ยกตัวอย่างระบบการทำป่าไม้ของต่างประเทศ ที่บริษัทผู้ได้รับสัมปทานป่าไม้มา 100 เปอร์เซ็นต์ จะไม่ตัดต้นไม้ทั้งหมด โดยมีการใช้เกณฑ์ 30 ปีหารพื้นที่ที่ได้รับสัมปทาน เฉลี่ยตัดไม้ไร่ละ 4 ต้น ถ้ามี 100 ไร่ ก็ตัด 400 ต้น โดยในแปลงสัมปทานที่ตัดไม้ไป 1 ต้นต้องปลูกทดแทน 10 ต้น ถ้าตัด 4 ต้นก็ปลูกทดแทน 40 ต้น และจะตัดไม้ทีละแปลงไปตามลำดับทุกปีจนกระทั่งถึงปีที่ 30 ถ้าได้สัมปทานต่อก็จะย้อนกลับไปแปลงที่ 1 ซึ่งในเวลา 30 ปีนี้ไม้ที่เติบโตแล้วก็จะสามารถตัดได้อีก โดยเป็นระบบที่แตกต่างจากของเราที่จะถากถางกันให้ได้ซึ่งดูแล้วน่าเจ็บใจ
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าที่ดินมี 3 ประเภท คือ 1. ที่ดินที่รัฐจัดสรรให้ 2. ที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ทำประโยชน์ 3. ที่ดินที่หน่วยงานต่าง ๆ เป็นเจ้าของอยู่ ทั้งนี้ ในส่วนของที่ดินที่ได้จัดสรรให้ราษฎรแล้วจะถูกพัฒนาแบบเป็นไร่นา ที่ยังไม่เป็นพื้นที่ป่า แต่ในที่ดินที่รกร้างว่างเปล่าสามารถนำไปทำมาหากินได้ ซึ่งที่ดินนั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของสิทธิ ผู้ที่จะไปหาผลประโยชน์กับพื้นที่ดังกล่าวก็ไปทำเอกสาร สค.1 นส.3 ทำกันเป็นพันไร่ ซึ่งไม่ถูกกฎหมาย โดยนำไปจำนำกับธนาคารแล้วปล่อยหลุดจำนำ รอธนาคารประกาศขายทอดตลาด แล้วผู้ที่จำนำใช้วิธีให้คนไปซื้อจากการขายทอดตลาด แล้วบอกว่าเป็นการครอบครองอย่างถูกกฎหมายโดยคิดว่าไม่มีใครรู้ทัน กรณีอย่างนี้ได้มีการร้องทุกข์เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ส่วนราชการยังไม่มีการดำเนินการ บัดนี้รัฐบาลนี้จะดำเนินการทันที ซึ่ง 3 เดือนที่รัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่ได้ดำเนินคดีความแล้วว่าจะต้องเอาที่ดินคืนมาให้ได้ทันที 1,300 ไร่ โดยเมื่อได้ที่ดินคืนกลับแล้วจะให้ดำเนินการปลูกป่าถวาย มีพื้นที่เท่าไรก็จะปลูกทั้งหมด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแนะนำว่าต้นไม้ที่เหมาะสมจะปลูกคือต้นตะกูที่เป็นต้นไม้ขนาดโต สามารถนำมาตัดใช้งานทำเฟอร์นิเจอร์ได้ในเวลาเพียง 5 ปี 10 ปี และหากมีการตัดไม้เพื่อนำมาใช้โดยมีการทยอยปลูกใหม่ทดแทน ก็จะทำให้เป็นส่วนป่าได้
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงรักป่า รักแผ่นดิน รักสัตว์ป่า ทรงทำโครงการส่วนพระองค์ต่าง ๆ ที่เป็นตัวอย่าง เป็นพระเดชพระคุณต่อบ้านเมือง ถ้าวันนี้ทุกคนจะเริ่มต้นทำงานสนองพระเดชพระคุณ ก็ไม่ช้าไม่สาย เกินไป
“ จะรักษาพื้นที่ส่วนที่ไม่ได้เป็นไร่นา พื้นที่ส่วนที่ไม่ได้ถูกทำลายมากนัก แล้วนำกลับคืนมาให้ได้ ถ้าวันนี้ทุกคนมีความตั้งใจจะทำถวายทั้งสองพระองค์ ให้ทั้งสองพระองค์ได้ทรงสบายพระราชหฤทัย อย่างน้อยที่สุดเราก็ตั้งตัวทันแม้จะช้าไปหน่อย ถือว่าไม่สายไป ขอยืนยันว่าถ้าเราเริ่มต้นกันวันนี้และเข้าใจทุกอย่าง ไม่ช้าเกินไปที่จะปลูกต้นไม้ให้เขียวชอุ่มได้ ถ้าเรารักษาป่าไว้ได้เท่าไรและเอาคืนมาได้จากที่คนที่มาเอาไป ก็ขอให้ทำเรื่องป่าอย่างเดียว ผมแน่ใจว่าวันนี้ไม่ช้าเกินไปที่จะเริ่มงาน ขอให้ทุกหน่วยงานที่มาในวันนี้ได้รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันทำงานถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแนะนำให้คนไทยที่แข็งแรงสามารถปลูกต้นไม้ได้ ช่วยกันปลูกต้นไม้คนละ 3 ต้นในวันเกิด ไม่ต้องรอปลูกในวันเข้าพรรษาที่เป็นวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ โดยขอให้ติดต่อกรมป่าไม้ว่าชอบต้นไม้อะไร แล้วปลูกต้นไม้ในบ้านตามพื้นที่ที่มี ถ้าไม่มีพื้นที่ปลูกก็ขอให้ไปปลูกที่วัด ทำให้เป็นความคุ้นเคยเหมือนกับการทำบุญใส่บาตร แต่เป็นการทำบุญด้วยการปลูกต้นไม้ให้บ้านเมือง โดยเริ่มต้นถือเป็นวาระแห่งชาติในวันนี้ และถ้านายกรัฐมนตรีได้อยู่บริหารบ้านเมืองต่อ วันที่ 14 พฤษภาคม ปีหน้า ขอให้กลับมาพบกันที่นี่อีกครั้ง เพื่อรับทราบรายงานความก้าวหน้าในที่ประชุม ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ยังไม่ได้ทำอะไรได้รู้ว่าควรจะทำ โดยนายกรัฐมนตรีอาสาจะเป็นผู้ติดตามงาน ให้งานนี้เป็นวาระแห่งชาติ ให้ป่า คงไว้ ปลูกป่าเพิ่มขึ้น รักษาสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ช่วยกันรักษาป่าไว้ในบ้านเมืองนี้และถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวมอบนโยบายในการประชุมสั่งการเรื่อง "การบูรณาการเพื่อการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐและการทำลายทรัพยากรป่าไม้" โดยมี ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันปราบปรามการบุกรุกที่ดินของรัฐ และการทำลายป่าไม้ จำนวน 12 หน่วยงาน เข้าร่วมการประชุม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายสรุปสาระสำคัญว่า ช่วงเวลาเกือบ 50 ปีที่ผ่านมาพื้นที่ป่าไม้ของไทยหายไปค่อนข้างมาก แต่ไม่หายไปรุนแรงนัก เพราะด้วยพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรักแผ่นดิน ทรงทำความแห้งแล้งให้เป็นความชุ่มชื้น และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีโครงการป่ารักษ์น้ำเป็นโครงการส่วนพระองค์ และทรงมีโครงการต่าง ๆ ทั่วประเทศทั้ง 5 ภาค ที่เรียกกันว่าเป็นโรงเรียนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ราษฎรได้ศึกษางานฝายแม้วหรือ Check Dam เป็นอ่างเก็บน้ำบนภูเขาสร้างความเขียวชอุ่มให้กับพืชพรรณไม้ เช่น ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริห้วยฮ่องไคร้ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ประสบความสำเร็จเป็นตัวอย่าง ซึ่งเป็นพระราชอุตสาหะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงทำไว้ให้กับแผ่นดิน จึงขอให้ทุกคนได้น้อมนำทั้งสองพระองค์เป็นแบบอย่างในการร่วมกันอนุรักษ์ป่าไม้ โดยหน่วยราชการต้องทำเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วน ทั้งการคงพื้นที่ป่าไม้และนำพื้นที่ที่ถูกบุกรุกกลับคืนมาฟื้นฟูให้ดีที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้ขึ้นฮ.ดูพื้นที่ป่าไม้ของภาคใต้ พบว่ามีคนถางป่าแบบตะแคง ที่ดูแล้วตำหนิไม่ลงเพราะเมื่อถางป่าแล้วมีการปลูกต้นยางทดแทน ทำให้ส่วนที่ถูกถางไปมีความเชียวชอุ่ม เช่นเดียวกันกับที่ประเทศมาเลเซียที่มีการปลูกต้นยาง ต้นปาล์มขึ้นมาทดแทน ซึ่งการปลูกต้นไม้ต่าง ๆ ขึ้นมาทดแทนนี้คิดว่าไม่มีใครตำหนิ แต่ส่วนที่ตำหนิคือไม่รู้จุดประสงค์ในการนำต้นไม้ไปใช้ และการถากถางป่าอย่างน่ากลัวด้วยการใช้เลื่อยไฟฟ้าสมัยใหม่ทำให้ตัดไม้ได้อย่างรวดเร็ว แตกต่างจากการตัดไม้ในสมัยก่อนที่ใช้ขวานทำให้ต้องใช้เวลาตัดไม้ค่อนข้างนาน จึงเห็นด้วยกับการควบคุมการนำเข้าเลื่อยไฟฟ้าเข้ามาในประเทศ
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสนใจส่วนตัวในเรื่องระบบการทำป่าไม้ โดยได้ยกตัวอย่างระบบการทำป่าไม้ของต่างประเทศ ที่บริษัทผู้ได้รับสัมปทานป่าไม้มา 100 เปอร์เซ็นต์ จะไม่ตัดต้นไม้ทั้งหมด โดยมีการใช้เกณฑ์ 30 ปีหารพื้นที่ที่ได้รับสัมปทาน เฉลี่ยตัดไม้ไร่ละ 4 ต้น ถ้ามี 100 ไร่ ก็ตัด 400 ต้น โดยในแปลงสัมปทานที่ตัดไม้ไป 1 ต้นต้องปลูกทดแทน 10 ต้น ถ้าตัด 4 ต้นก็ปลูกทดแทน 40 ต้น และจะตัดไม้ทีละแปลงไปตามลำดับทุกปีจนกระทั่งถึงปีที่ 30 ถ้าได้สัมปทานต่อก็จะย้อนกลับไปแปลงที่ 1 ซึ่งในเวลา 30 ปีนี้ไม้ที่เติบโตแล้วก็จะสามารถตัดได้อีก โดยเป็นระบบที่แตกต่างจากของเราที่จะถากถางกันให้ได้ซึ่งดูแล้วน่าเจ็บใจ
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าที่ดินมี 3 ประเภท คือ 1. ที่ดินที่รัฐจัดสรรให้ 2. ที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ทำประโยชน์ 3. ที่ดินที่หน่วยงานต่าง ๆ เป็นเจ้าของอยู่ ทั้งนี้ ในส่วนของที่ดินที่ได้จัดสรรให้ราษฎรแล้วจะถูกพัฒนาแบบเป็นไร่นา ที่ยังไม่เป็นพื้นที่ป่า แต่ในที่ดินที่รกร้างว่างเปล่าสามารถนำไปทำมาหากินได้ ซึ่งที่ดินนั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของสิทธิ ผู้ที่จะไปหาผลประโยชน์กับพื้นที่ดังกล่าวก็ไปทำเอกสาร สค.1 นส.3 ทำกันเป็นพันไร่ ซึ่งไม่ถูกกฎหมาย โดยนำไปจำนำกับธนาคารแล้วปล่อยหลุดจำนำ รอธนาคารประกาศขายทอดตลาด แล้วผู้ที่จำนำใช้วิธีให้คนไปซื้อจากการขายทอดตลาด แล้วบอกว่าเป็นการครอบครองอย่างถูกกฎหมายโดยคิดว่าไม่มีใครรู้ทัน กรณีอย่างนี้ได้มีการร้องทุกข์เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ส่วนราชการยังไม่มีการดำเนินการ บัดนี้รัฐบาลนี้จะดำเนินการทันที ซึ่ง 3 เดือนที่รัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่ได้ดำเนินคดีความแล้วว่าจะต้องเอาที่ดินคืนมาให้ได้ทันที 1,300 ไร่ โดยเมื่อได้ที่ดินคืนกลับแล้วจะให้ดำเนินการปลูกป่าถวาย มีพื้นที่เท่าไรก็จะปลูกทั้งหมด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแนะนำว่าต้นไม้ที่เหมาะสมจะปลูกคือต้นตะกูที่เป็นต้นไม้ขนาดโต สามารถนำมาตัดใช้งานทำเฟอร์นิเจอร์ได้ในเวลาเพียง 5 ปี 10 ปี และหากมีการตัดไม้เพื่อนำมาใช้โดยมีการทยอยปลูกใหม่ทดแทน ก็จะทำให้เป็นส่วนป่าได้
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงรักป่า รักแผ่นดิน รักสัตว์ป่า ทรงทำโครงการส่วนพระองค์ต่าง ๆ ที่เป็นตัวอย่าง เป็นพระเดชพระคุณต่อบ้านเมือง ถ้าวันนี้ทุกคนจะเริ่มต้นทำงานสนองพระเดชพระคุณ ก็ไม่ช้าไม่สาย เกินไป
“ จะรักษาพื้นที่ส่วนที่ไม่ได้เป็นไร่นา พื้นที่ส่วนที่ไม่ได้ถูกทำลายมากนัก แล้วนำกลับคืนมาให้ได้ ถ้าวันนี้ทุกคนมีความตั้งใจจะทำถวายทั้งสองพระองค์ ให้ทั้งสองพระองค์ได้ทรงสบายพระราชหฤทัย อย่างน้อยที่สุดเราก็ตั้งตัวทันแม้จะช้าไปหน่อย ถือว่าไม่สายไป ขอยืนยันว่าถ้าเราเริ่มต้นกันวันนี้และเข้าใจทุกอย่าง ไม่ช้าเกินไปที่จะปลูกต้นไม้ให้เขียวชอุ่มได้ ถ้าเรารักษาป่าไว้ได้เท่าไรและเอาคืนมาได้จากที่คนที่มาเอาไป ก็ขอให้ทำเรื่องป่าอย่างเดียว ผมแน่ใจว่าวันนี้ไม่ช้าเกินไปที่จะเริ่มงาน ขอให้ทุกหน่วยงานที่มาในวันนี้ได้รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันทำงานถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแนะนำให้คนไทยที่แข็งแรงสามารถปลูกต้นไม้ได้ ช่วยกันปลูกต้นไม้คนละ 3 ต้นในวันเกิด ไม่ต้องรอปลูกในวันเข้าพรรษาที่เป็นวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ โดยขอให้ติดต่อกรมป่าไม้ว่าชอบต้นไม้อะไร แล้วปลูกต้นไม้ในบ้านตามพื้นที่ที่มี ถ้าไม่มีพื้นที่ปลูกก็ขอให้ไปปลูกที่วัด ทำให้เป็นความคุ้นเคยเหมือนกับการทำบุญใส่บาตร แต่เป็นการทำบุญด้วยการปลูกต้นไม้ให้บ้านเมือง โดยเริ่มต้นถือเป็นวาระแห่งชาติในวันนี้ และถ้านายกรัฐมนตรีได้อยู่บริหารบ้านเมืองต่อ วันที่ 14 พฤษภาคม ปีหน้า ขอให้กลับมาพบกันที่นี่อีกครั้ง เพื่อรับทราบรายงานความก้าวหน้าในที่ประชุม ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ยังไม่ได้ทำอะไรได้รู้ว่าควรจะทำ โดยนายกรัฐมนตรีอาสาจะเป็นผู้ติดตามงาน ให้งานนี้เป็นวาระแห่งชาติ ให้ป่า คงไว้ ปลูกป่าเพิ่มขึ้น รักษาสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ช่วยกันรักษาป่าไว้ในบ้านเมืองนี้และถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--