นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาล 3 เดือน
วันนี้ เวลา 14.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาล 3 เดือน สรุปดังนี้
รัฐบาลได้บริหารบ้านเมืองมาเป็นระยะเวลา 3 เดือน แต่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลไร้ผลงานและไม่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน โดยรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงเพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าใจและมั่นใจว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน จึงเข้าใจสถานการณ์ความทุกข์ยากของบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี รวมทั้งรับรู้ความเจ็บปวดร่วมกันของพี่น้องประชาชนในการเผชิญปัญหาบ้านเมืองที่วิกฤติทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลจึงมีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมที่จะปฏิบัติงานมาตลอดระยะเวลา 3 เดือน โดยได้ดำเนินงานในหลายๆ ส่วน ดังนี้
มาตรการภาษีของกระทรวงการคลัง โดยลดภาษีเงินได้เพื่อให้ประชาชนมีเงินสุทธิมากขึ้น เกิดความมั่นใจในการออมและการบริโภค ซึ่งเป็นนโยบายเพิ่มเงินในกระเป๋าของผู้มีเงินได้ แต่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า มาตรการนี้อาจไม่มีผลต่อพี่น้องประชาชนระดับรากหญ้า ดังนั้น ในระดับรากหญ้า รัฐบาลได้มีนโยบายต่างๆ เช่น 1) โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยนายกรัฐมนตรีได้กดปุ่มโอนเงินเมื่อปลายเดือนเมษายน 2551 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,385,300,000 ล้านบาท สำหรับ 5,881 หมู่บ้านที่ได้ทำประชาคมแล้วและอำเภอให้การรับรอง และภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2551 นี้ รัฐบาลจะโอนเงินอีกกว่า 7,000 ล้านบาท งบประมาณทุกบาททุกสตางค์จะถึงมือพี่น้องประชาชนในส่วนภูมิภาค 2) กองทุนหมู่บ้าน 1,600 กว่าหมู่บ้านที่เปิดใหม่ จะได้รับการจัดสรรงบประมาณหมู่บ้านละ 1,000,000 บาท รวมเป็นเงินงบประมาณ 1,600,000,000 ล้านบาท
สำหรับนโยบายเพื่อลูกหลาน รัฐบาลได้รื้อฟื้นโครงการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาของลูกหลานเยาวชน หลังจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมายกเลิกไป ซึ่งจะทำให้ลูกหลานได้มีเงินเพื่อการศึกษาในเปิดเทอมนี้ได้ทันที รวมทั้ง นโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งรัฐบาลประกาศมาตรการเด็ดขาดและกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
ส่วนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เป็นความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น เช่น เรื่องข้าว ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 นี้จะมีข้าวธงฟ้าออกมาจำหน่าย และเรื่องปุ๋ย รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 304.5 ล้านบาท สำหรับนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน
พร้อมกันนี้ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นและจริงใจในการแก้ไขปัญหา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปพบพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยจังหวัดนครราชสีมาเมื่อสุดสัปดาห์ แล้วนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคาร และประกาศเป็นวาระอ้อยแห่งชาติ
นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายเรื่องการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง โดยมีแนวคิดเรื่องรถไฟรางคู่ แนวคิดเรื่องรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีความคืบหน้าไปในระดับหนึ่ง โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ดูแลและกำกับนโยบายด้วยตนเอง
ทั้งนี้ การดำเนินงานต่างๆ ของรัฐบาลมีข้อจำกัดในเรื่องระเบียบการบริหารจัดการงบประมาณที่เกี่ยวพันกันในปีงบประมาณซึ่งผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ดังนั้น กระทรวงต่างๆ จึงต้องมีการปรับแผนงบประมาณ เพื่อใช้ในการบริหารงานตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศไว้ ในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับเรื่องปากท้องของประชาชน และการสร้างความสมานฉันท์ปรองดองของคนในชาติ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาล 3 เดือน สรุปดังนี้
รัฐบาลได้บริหารบ้านเมืองมาเป็นระยะเวลา 3 เดือน แต่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลไร้ผลงานและไม่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน โดยรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงเพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าใจและมั่นใจว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน จึงเข้าใจสถานการณ์ความทุกข์ยากของบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี รวมทั้งรับรู้ความเจ็บปวดร่วมกันของพี่น้องประชาชนในการเผชิญปัญหาบ้านเมืองที่วิกฤติทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลจึงมีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมที่จะปฏิบัติงานมาตลอดระยะเวลา 3 เดือน โดยได้ดำเนินงานในหลายๆ ส่วน ดังนี้
มาตรการภาษีของกระทรวงการคลัง โดยลดภาษีเงินได้เพื่อให้ประชาชนมีเงินสุทธิมากขึ้น เกิดความมั่นใจในการออมและการบริโภค ซึ่งเป็นนโยบายเพิ่มเงินในกระเป๋าของผู้มีเงินได้ แต่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า มาตรการนี้อาจไม่มีผลต่อพี่น้องประชาชนระดับรากหญ้า ดังนั้น ในระดับรากหญ้า รัฐบาลได้มีนโยบายต่างๆ เช่น 1) โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยนายกรัฐมนตรีได้กดปุ่มโอนเงินเมื่อปลายเดือนเมษายน 2551 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,385,300,000 ล้านบาท สำหรับ 5,881 หมู่บ้านที่ได้ทำประชาคมแล้วและอำเภอให้การรับรอง และภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2551 นี้ รัฐบาลจะโอนเงินอีกกว่า 7,000 ล้านบาท งบประมาณทุกบาททุกสตางค์จะถึงมือพี่น้องประชาชนในส่วนภูมิภาค 2) กองทุนหมู่บ้าน 1,600 กว่าหมู่บ้านที่เปิดใหม่ จะได้รับการจัดสรรงบประมาณหมู่บ้านละ 1,000,000 บาท รวมเป็นเงินงบประมาณ 1,600,000,000 ล้านบาท
สำหรับนโยบายเพื่อลูกหลาน รัฐบาลได้รื้อฟื้นโครงการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาของลูกหลานเยาวชน หลังจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมายกเลิกไป ซึ่งจะทำให้ลูกหลานได้มีเงินเพื่อการศึกษาในเปิดเทอมนี้ได้ทันที รวมทั้ง นโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งรัฐบาลประกาศมาตรการเด็ดขาดและกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
ส่วนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เป็นความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น เช่น เรื่องข้าว ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 นี้จะมีข้าวธงฟ้าออกมาจำหน่าย และเรื่องปุ๋ย รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 304.5 ล้านบาท สำหรับนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน
พร้อมกันนี้ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นและจริงใจในการแก้ไขปัญหา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปพบพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยจังหวัดนครราชสีมาเมื่อสุดสัปดาห์ แล้วนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคาร และประกาศเป็นวาระอ้อยแห่งชาติ
นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายเรื่องการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง โดยมีแนวคิดเรื่องรถไฟรางคู่ แนวคิดเรื่องรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีความคืบหน้าไปในระดับหนึ่ง โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ดูแลและกำกับนโยบายด้วยตนเอง
ทั้งนี้ การดำเนินงานต่างๆ ของรัฐบาลมีข้อจำกัดในเรื่องระเบียบการบริหารจัดการงบประมาณที่เกี่ยวพันกันในปีงบประมาณซึ่งผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ดังนั้น กระทรวงต่างๆ จึงต้องมีการปรับแผนงบประมาณ เพื่อใช้ในการบริหารงานตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศไว้ ในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับเรื่องปากท้องของประชาชน และการสร้างความสมานฉันท์ปรองดองของคนในชาติ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--