เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือในประเด็นความร่วมมือด้านการลงทุน ด้านการ ด้านพลังงาน และ ด้านการประมง โดยประเทศไทยยินดีถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการประมงสู่อินโดนีเซีย และร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอิบราฮิม ยูซุฟ (H.E. Mr. Ibrahim Yusuf) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในโอกาสอำลาตำแหน่ง มีการสนทนาสรุปดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตฯ พร้อมชื่นชมรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียที่ให้ความร่วมมือ กับรัฐบาลไทยตลอดมา นายกรัฐมนตรียังได้สอบถามประสบการณ์ตลอดระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตฯ ซึ่ง เอกอัครราชทูตฯ แสดงความประทับใจในประเทศไทยและวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างมาก
นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการร่วมลงทุนในสาขาประมง และ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการประมง โดยรัฐบาลไทยมีความยินดีที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการประมงของไทยสู่อินโดนีเซีย ในขณะที่เอกอัครราชทูตฯ ก็ได้กล่าวถึง "บันทึกความตกลงความร่วมมือด้านการประมง'' ในประเด็นซึ่งทั้งสองประเทศได้มีการประชุมหารือ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นว่าอาจจะแก้ไขบทบัญญัติบางประการในบันทึกความตกลงดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป ในเร็ว ๆ นี้
นายกรัฐมนตรียังได้ปรารภถึงแนวคิดที่จะให้บริษัทเอกชนชั้นนำของไทย เข้าไปร่วมมือในธุรกิจด้าน การผลิตอาหาร โดยเฉพาะการพัฒนาธุรกิจการแปรรูปพริกสด ในบริเวณ หมู่เกาะโมลุกกะ (Maluku Islands) ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงในด้านเครื่องเทศ
ระหว่างการหารือ เอกอัครราชทูตยังได้หยิบยกประเด็นความร่วมมือด้านพลังงาน โดยทั้งสองฝ่ายได้ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเรื่องการพัฒนาเส้นทางการขนส่งก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวว่า ทางรัฐบาลอินโดนีเซียได้หารือกับ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีความสนใจในการ ซื้อก๊าซธรรมชาติจากเมือง Papua และสนใจในการลงทุนด้านการขนส่ง รวมทั้งการลงทุนในการสร้างท่อส่งก๊าซ ไปยังประเทศมาเลเซียอีกด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้าใจอันดีของนานาประเทศต่อประเทศไทย และขอบคุณที่ตลอดระยะเวลาการทำงาน เอกอัครราชทูตฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถและหวังว่าจะได้มีการพบกันอีกในโอกาสต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอิบราฮิม ยูซุฟ (H.E. Mr. Ibrahim Yusuf) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในโอกาสอำลาตำแหน่ง มีการสนทนาสรุปดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตฯ พร้อมชื่นชมรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียที่ให้ความร่วมมือ กับรัฐบาลไทยตลอดมา นายกรัฐมนตรียังได้สอบถามประสบการณ์ตลอดระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตฯ ซึ่ง เอกอัครราชทูตฯ แสดงความประทับใจในประเทศไทยและวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างมาก
นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการร่วมลงทุนในสาขาประมง และ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการประมง โดยรัฐบาลไทยมีความยินดีที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการประมงของไทยสู่อินโดนีเซีย ในขณะที่เอกอัครราชทูตฯ ก็ได้กล่าวถึง "บันทึกความตกลงความร่วมมือด้านการประมง'' ในประเด็นซึ่งทั้งสองประเทศได้มีการประชุมหารือ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นว่าอาจจะแก้ไขบทบัญญัติบางประการในบันทึกความตกลงดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป ในเร็ว ๆ นี้
นายกรัฐมนตรียังได้ปรารภถึงแนวคิดที่จะให้บริษัทเอกชนชั้นนำของไทย เข้าไปร่วมมือในธุรกิจด้าน การผลิตอาหาร โดยเฉพาะการพัฒนาธุรกิจการแปรรูปพริกสด ในบริเวณ หมู่เกาะโมลุกกะ (Maluku Islands) ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงในด้านเครื่องเทศ
ระหว่างการหารือ เอกอัครราชทูตยังได้หยิบยกประเด็นความร่วมมือด้านพลังงาน โดยทั้งสองฝ่ายได้ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเรื่องการพัฒนาเส้นทางการขนส่งก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวว่า ทางรัฐบาลอินโดนีเซียได้หารือกับ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีความสนใจในการ ซื้อก๊าซธรรมชาติจากเมือง Papua และสนใจในการลงทุนด้านการขนส่ง รวมทั้งการลงทุนในการสร้างท่อส่งก๊าซ ไปยังประเทศมาเลเซียอีกด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้าใจอันดีของนานาประเทศต่อประเทศไทย และขอบคุณที่ตลอดระยะเวลาการทำงาน เอกอัครราชทูตฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถและหวังว่าจะได้มีการพบกันอีกในโอกาสต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--