นายกรัฐมนตรีระบุยังไม่ได้กำหนดวันหารือกับ 5 หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหาข้อสรุปการแก้รัฐธรรมนูญและไม่ห่วงกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเสนอข่าวการเลื่อนนัดหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นไปออกข่าวเรื่องนี้ ซึ่งขอเรียนว่าหลังจากกลับจากเยือนมาเลเซีย ยังไม่เคยบอกเลยว่าจะนัดพบกับ 5 หัวหน้าพรรคร่วมในวันที่ 28 เมษายน แต่มีการไปเขียนกันเอง เพราะเวลานี้ยังไม่รู้ว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กลับจากประเทศจีนหรือยัง และหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาก็ลาออกไป ตามกฎหมายต้องใช้เวลา 30 วัน แล้ววันนี้ก็มีงานทั้งวัน จึงได้บอกไปว่าจะขอเลื่อนไปก่อน แต่สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นกลับไปออกข่าวทำนองว่าการนัดหมายล้มแล้ว ซึ่งไม่เข้าท่า
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาฯ และพรรคที่จะไปดำเนินการ รัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคควรจะได้นัดพูดคุยและกินข้าวร่วมกัน ซึ่งก็เห็นด้วย ดังนั้น เมื่อเสร็จธุระจากการต้อนรับนายกรัฐมนตรีพม่าแล้ว ถึงจะนัดหมายอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรนักหนา หรือจะเป็นจะตายกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคยังมีความเห็นที่แตกต่างจะพูดคุยเบื้องต้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันเลยจะให้ความเห็นได้อย่างไร ส่วนนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ได้เจอกันตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 เม.ย.) แต่ยังไม่ได้คุย เพราะต้องการรอคุยทีเดียวพร้อมกันทั้ง 6 พรรค ซึ่งวัตถุประสงค์ที่จะคุยกันเพื่อจะฟังเสียงและให้รู้ว่าทิศทางว่าควรจะเป็นอย่างไร จะแก้ตรงไหน อย่างไร เพราะเป็นรัฐบาลร่วมกัน หมายความว่าเราต้องการ 316 เสียง รวมกับวุฒิสมาชิกถ้าไปทำไม่รู้ไม่ชี้ไปอวดศักดา เดี๋ยวจะขอแก้ไขไม่ได้ เราจึงต้องเจอกับหัวหน้าพรรคเพื่อที่จะไปพูดกันให้เกิดความเข้าใจกัน ส่วนจะทันกรอบเวลาที่วางไว้หรือไม่นั้น จะต้องไปกำหนดกรอบทำไม ถึงเวลาทำได้ก็ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงกระแสภายนอกหรือไม่ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ห่วงเรื่องนี้เลย แต่อยากถามว่าทำไมการแก้ไขรัฐธรรมนูญถึงต้องทำกันขนาดนี้ ไม่มีเหตุผลที่ใครจะมาทักท้วงหรือต่อต้าน เพราะเมื่อแก้เสร็จก็ต้องรอเลือกตั้งใหม่แล้วค่อยมาสู้กันใหม่ ครั้งนี้ก็สัญญากันไว้ตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งว่าจะแก้ไข แต่พอจะแก้จริงก็เกิดจะเป็นจะตายขึ้นมา ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับตนเพราะต้องรอ 4 ปี ให้พ้นออกไปเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ทั้ง 6 พรรคจะต้องมีมติไปในแนวทางเดียวกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีอะไร ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ถ้าเราแก้ได้ก็จะแก้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร ถึงต้องคุยกันระหว่าง 6 พรรคก่อน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องออกมาต่อต้านจะเป็นจะตาย จะเอาให้บ้านเมืองพังเพราะแก้รัฐธรรมนูญ แล้วทำไมพวกที่ฉีกรัฐธรรมนูญบ้านเมืองไม่พัง พวกที่บอกว่าต้องการ ส.ส.ร.แล้วเป็นอย่างไร แล้ว ส.ส.ร. 1 ที่ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ที่ชมว่าดีนักหนาแล้วเป็นอย่างไร ก็ไม่เชื่อกันแล้วต้องเปลี่ยนใหม่ ก็ไม่รู้อะไรกันนักหนา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ควรให้อิสระกับพรรคร่วมรัฐบาลในการตัดสินใจว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้เจอกัน แต่คงจะไปคาดโทษพรรคที่แตกแถวไม่ได้ แต่ที่สนใจคือทำไมคนที่มาฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งกลับไม่มีใครเดือดร้อน บ้านเมืองไม่พัง พอมีคนจะแก้กลับบอกว่าบ้านเมืองจะพัง ขอให้ช่วยคิดหน่อย คนเข้ามาแล้วจัดการฉีกรัฐธรรมนูญที่ว่าดีทิ้งไปเฉย แต่ก็เงียบกันหมดไม่มีเคลื่อนไหวอะไรเลย พอเขาเลือกตั้งกันมาและสัญญาว่าเข้ามาแล้วจะแก้ จะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายได้อย่างไร ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับยังไม่เป็นไร แต่จะแก้บางมาตรากลับบอกว่าทำให้เกิดปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงว่าจะให้สภาฯ หรือรัฐบาลเป็นคนแก้รัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลแก้ได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องของรัฐสภา รัฐบาลเริ่มต้นคิดได้แต่อยากให้พรรคการเมืองและราษฎรเขาเริ่ม รัฐธรรมนูญก็เปิดช่องไว้มาก เขาไม่ได้เขียนว่าห้ามปฏิวัติ แต่ดันมาปฏิวัติแล้วฉีกรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่เวลานั้นทำไมนายกรัฐมนตรีไม่ออกมาต่อต้าน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนจะต่อต้านทำไม ก็เขาปฏิวัติ แล้วคราวนี้เป็นอย่างไรถึงต้องมาต่อต้าน บ้านเมืองไม่มีปัญหาอะไรเลย ไม่มีใครมาถือปืนทำไมถึงออกมาต่อต้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เตรียมแผนรับมือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างไร เพราะดูเหมือนจะไม่ยอมลดราวาศอก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของพันธมิตรไม่ใช่เรื่องของนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดูทั้งทหาร ตำรวจ ส่วนที่เกิดความวุ่นวายในการชุมนุมเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมานั้น ก็อยู่นอกเหนือการดูแลของนายกรัฐมนตรี และคงไม่ได้ออกไปเดินจับมือห้ามใครต่อใคร เพราะได้บอกไปแล้วคนที่ฟังก็น่าจะเข้าใจได้ว่าการปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ควรจะปล่อยให้เขาปรบมือไปข้างเดียว แต่ไปร่วมปรบมือกับเขาก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร ก็ถือว่ายังเล็กน้อย และเป็นหน้าที่ของตำรวจซึ่งเชื่อว่าเขาดูแลอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ประกาศจะนัดชุมนุมคู่ขนานพร้อมกับกลุ่มพันธมิตรฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แล้วแต่คุณประชาฯ เมื่อเขาไม่ฟังเสียงตนแล้วจะไปทำอะไรเขาได้ แต่ธรรมดาควรจะฟัง หัวหน้าพรรคบอกไม่ให้ปรบมือ 2 ข้างแต่ไปปรบมือกับเขาทำไม เขาคงคิดว่าเขาทำดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมามีแรงต้านในตัวนายกรัฐมนตรีจากหลายฝ่ายรู้สึกอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ตนไปที่ไหนเขาต้อนรับดีทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครต่อต้าน ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเกมที่ทำให้เพลี้ยงพล้ำหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเกมอะไร ไม่เห็นจะมีอะไรจะเพลี้ยงพล้ำ และไม่ต้องไปรับมือกับฝ่ายที่คัดค้าน หนักหนาขนาดไหน ทำไมต้องไปรับมือ ไม่เห็นจะมีอะไรนักหนาเลย การที่มีกลุ่มต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหวไม่ให้รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องของเขา การที่พันธมิตรบอกว่าวันใดที่รัฐบาลยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญจะเคลื่อนไหวทันทีก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของนายกฯ เขาจะคัดค้านก็มีสิทธิ์ทำได้ แต่การลงคะแนนพันธมิตรไม่ได้ลง สภาฯ เขาลง อยากถามว่าเขาลงคะแนนกันข้างถนนหรือ เขาลงคะแนนกันในสภา รู้จักสภาฯหรือไม่ เลขที่ 1 ถนนอู่ทอง เขาลงและนับคะแนนกันที่นั่น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเสนอข่าวการเลื่อนนัดหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นไปออกข่าวเรื่องนี้ ซึ่งขอเรียนว่าหลังจากกลับจากเยือนมาเลเซีย ยังไม่เคยบอกเลยว่าจะนัดพบกับ 5 หัวหน้าพรรคร่วมในวันที่ 28 เมษายน แต่มีการไปเขียนกันเอง เพราะเวลานี้ยังไม่รู้ว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กลับจากประเทศจีนหรือยัง และหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาก็ลาออกไป ตามกฎหมายต้องใช้เวลา 30 วัน แล้ววันนี้ก็มีงานทั้งวัน จึงได้บอกไปว่าจะขอเลื่อนไปก่อน แต่สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นกลับไปออกข่าวทำนองว่าการนัดหมายล้มแล้ว ซึ่งไม่เข้าท่า
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาฯ และพรรคที่จะไปดำเนินการ รัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคควรจะได้นัดพูดคุยและกินข้าวร่วมกัน ซึ่งก็เห็นด้วย ดังนั้น เมื่อเสร็จธุระจากการต้อนรับนายกรัฐมนตรีพม่าแล้ว ถึงจะนัดหมายอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรนักหนา หรือจะเป็นจะตายกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคยังมีความเห็นที่แตกต่างจะพูดคุยเบื้องต้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันเลยจะให้ความเห็นได้อย่างไร ส่วนนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ได้เจอกันตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 เม.ย.) แต่ยังไม่ได้คุย เพราะต้องการรอคุยทีเดียวพร้อมกันทั้ง 6 พรรค ซึ่งวัตถุประสงค์ที่จะคุยกันเพื่อจะฟังเสียงและให้รู้ว่าทิศทางว่าควรจะเป็นอย่างไร จะแก้ตรงไหน อย่างไร เพราะเป็นรัฐบาลร่วมกัน หมายความว่าเราต้องการ 316 เสียง รวมกับวุฒิสมาชิกถ้าไปทำไม่รู้ไม่ชี้ไปอวดศักดา เดี๋ยวจะขอแก้ไขไม่ได้ เราจึงต้องเจอกับหัวหน้าพรรคเพื่อที่จะไปพูดกันให้เกิดความเข้าใจกัน ส่วนจะทันกรอบเวลาที่วางไว้หรือไม่นั้น จะต้องไปกำหนดกรอบทำไม ถึงเวลาทำได้ก็ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงกระแสภายนอกหรือไม่ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ห่วงเรื่องนี้เลย แต่อยากถามว่าทำไมการแก้ไขรัฐธรรมนูญถึงต้องทำกันขนาดนี้ ไม่มีเหตุผลที่ใครจะมาทักท้วงหรือต่อต้าน เพราะเมื่อแก้เสร็จก็ต้องรอเลือกตั้งใหม่แล้วค่อยมาสู้กันใหม่ ครั้งนี้ก็สัญญากันไว้ตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งว่าจะแก้ไข แต่พอจะแก้จริงก็เกิดจะเป็นจะตายขึ้นมา ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับตนเพราะต้องรอ 4 ปี ให้พ้นออกไปเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ทั้ง 6 พรรคจะต้องมีมติไปในแนวทางเดียวกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีอะไร ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ถ้าเราแก้ได้ก็จะแก้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร ถึงต้องคุยกันระหว่าง 6 พรรคก่อน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องออกมาต่อต้านจะเป็นจะตาย จะเอาให้บ้านเมืองพังเพราะแก้รัฐธรรมนูญ แล้วทำไมพวกที่ฉีกรัฐธรรมนูญบ้านเมืองไม่พัง พวกที่บอกว่าต้องการ ส.ส.ร.แล้วเป็นอย่างไร แล้ว ส.ส.ร. 1 ที่ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ที่ชมว่าดีนักหนาแล้วเป็นอย่างไร ก็ไม่เชื่อกันแล้วต้องเปลี่ยนใหม่ ก็ไม่รู้อะไรกันนักหนา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ควรให้อิสระกับพรรคร่วมรัฐบาลในการตัดสินใจว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้เจอกัน แต่คงจะไปคาดโทษพรรคที่แตกแถวไม่ได้ แต่ที่สนใจคือทำไมคนที่มาฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งกลับไม่มีใครเดือดร้อน บ้านเมืองไม่พัง พอมีคนจะแก้กลับบอกว่าบ้านเมืองจะพัง ขอให้ช่วยคิดหน่อย คนเข้ามาแล้วจัดการฉีกรัฐธรรมนูญที่ว่าดีทิ้งไปเฉย แต่ก็เงียบกันหมดไม่มีเคลื่อนไหวอะไรเลย พอเขาเลือกตั้งกันมาและสัญญาว่าเข้ามาแล้วจะแก้ จะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายได้อย่างไร ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับยังไม่เป็นไร แต่จะแก้บางมาตรากลับบอกว่าทำให้เกิดปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงว่าจะให้สภาฯ หรือรัฐบาลเป็นคนแก้รัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลแก้ได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องของรัฐสภา รัฐบาลเริ่มต้นคิดได้แต่อยากให้พรรคการเมืองและราษฎรเขาเริ่ม รัฐธรรมนูญก็เปิดช่องไว้มาก เขาไม่ได้เขียนว่าห้ามปฏิวัติ แต่ดันมาปฏิวัติแล้วฉีกรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่เวลานั้นทำไมนายกรัฐมนตรีไม่ออกมาต่อต้าน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนจะต่อต้านทำไม ก็เขาปฏิวัติ แล้วคราวนี้เป็นอย่างไรถึงต้องมาต่อต้าน บ้านเมืองไม่มีปัญหาอะไรเลย ไม่มีใครมาถือปืนทำไมถึงออกมาต่อต้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เตรียมแผนรับมือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างไร เพราะดูเหมือนจะไม่ยอมลดราวาศอก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของพันธมิตรไม่ใช่เรื่องของนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดูทั้งทหาร ตำรวจ ส่วนที่เกิดความวุ่นวายในการชุมนุมเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมานั้น ก็อยู่นอกเหนือการดูแลของนายกรัฐมนตรี และคงไม่ได้ออกไปเดินจับมือห้ามใครต่อใคร เพราะได้บอกไปแล้วคนที่ฟังก็น่าจะเข้าใจได้ว่าการปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ควรจะปล่อยให้เขาปรบมือไปข้างเดียว แต่ไปร่วมปรบมือกับเขาก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร ก็ถือว่ายังเล็กน้อย และเป็นหน้าที่ของตำรวจซึ่งเชื่อว่าเขาดูแลอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ประกาศจะนัดชุมนุมคู่ขนานพร้อมกับกลุ่มพันธมิตรฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แล้วแต่คุณประชาฯ เมื่อเขาไม่ฟังเสียงตนแล้วจะไปทำอะไรเขาได้ แต่ธรรมดาควรจะฟัง หัวหน้าพรรคบอกไม่ให้ปรบมือ 2 ข้างแต่ไปปรบมือกับเขาทำไม เขาคงคิดว่าเขาทำดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมามีแรงต้านในตัวนายกรัฐมนตรีจากหลายฝ่ายรู้สึกอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ตนไปที่ไหนเขาต้อนรับดีทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครต่อต้าน ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเกมที่ทำให้เพลี้ยงพล้ำหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเกมอะไร ไม่เห็นจะมีอะไรจะเพลี้ยงพล้ำ และไม่ต้องไปรับมือกับฝ่ายที่คัดค้าน หนักหนาขนาดไหน ทำไมต้องไปรับมือ ไม่เห็นจะมีอะไรนักหนาเลย การที่มีกลุ่มต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหวไม่ให้รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องของเขา การที่พันธมิตรบอกว่าวันใดที่รัฐบาลยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญจะเคลื่อนไหวทันทีก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของนายกฯ เขาจะคัดค้านก็มีสิทธิ์ทำได้ แต่การลงคะแนนพันธมิตรไม่ได้ลง สภาฯ เขาลง อยากถามว่าเขาลงคะแนนกันข้างถนนหรือ เขาลงคะแนนกันในสภา รู้จักสภาฯหรือไม่ เลขที่ 1 ถนนอู่ทอง เขาลงและนับคะแนนกันที่นั่น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--