นายกรัฐมนตรีระบุรัฐบาลจะเร่งดำเนินการบริหารจัดการเรื่องน้ำเรื่องป่าทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่นครราชสีมากำลังดำเนินการจัดสรรที่ดินสปก. 2 แสนไร่ เป็นที่ทำกิน ส่วนที่เหลือจะปลูกป่า
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
------------------------------------------
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ รายการสนทนาประสาสมัคร อย่างที่ผมขอให้เขาโฆษณาไว้ ส่วนมากเขาจะโทรศัพท์มาถามวันพุธว่าหัวข้อสนทนาวันนี้คืออะไร ผมก็ยังไม่หัวข้ออะไรนักหนา ผมก็บอกว่า บอกไปแล้วกันว่าขออภัยบรรดานักวิจารณ์ทั้งหลาย รายการสนทนาประสาสมัครยังคงมีอยู่เหมือนเดิม คือวิพากษ์วิจารณ์กันเหลือเกินนะครับว่ากล่าว เหมือนกับว่าถ้าเลิกรายการนี้เสียได้ นักวิจารณ์ทั้งหลายคงจะมีความสุข ผมก็ไม่มีโอกาสไปทำโพลล์ทำอะไรกับเขาตรวจสอบ แต่ว่าในโพลล์หาว่าผมพูดคำหยาบ จะตรงไหนละครับ ช่วยยืนยันมาหน่อยในรายการนี้ คำหยาบอยู่ตรงไหน
มาเลเซียปลูกปาล์มเพิ่มพื้นที่สีเขียว
วันนี้จะเริ่มรายการด้วยการเล่าให้ฟังถึงเรื่องไปมาเลเซีย ก็เป็นประเทศที่ 7 เหลืออีก 2 ประเทศยังไม่ได้ไปเยี่ยมเขา พอไปมาเลเซียแล้วก็เรื่องราชการงานเมืองธรรมดาไม่ต้องนั่นละครับ การต้อนรับก็เรียบร้อยดี แต่ที่น่าประทับใจของเขาคือตั้งแต่ก่อนเครื่องบินจะลง ก็ได้ดู ไม่น่าเชื่อ ทำไมเขียวชอุ่มไปหมด ลงไปใกล้ ๆ ก็เห็นเขียนว่าต้นปาล์ม สมัยก่อนไปมาเลเซียเขียวเพราะต้นยาง เดี๋ยวนี้ปาล์มครับ ประมาณสัก 70 กิโลเมตร เครื่องบินทอดลงไปแล้วดู เขียวชอุ่มหมดเลยครับ เขาปลูกปาล์มเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่เขียวเข้ามาในเมืองแล้ว เขาก็ยังเขียวอยู่ คุยกับรัฐมนตรีได้ความว่าป่าของเขาเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ ของเราเหลือ 17 เปอร์เซ็นต์ เห็นเขาแล้วก็เลยได้คุยกันเรื่องต้นน้ำลำธาร เขาเอาใจใส่ครับ เรื่องป่าเรื่องอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ชายเลนของเขา เขาทำเลยเขาดูแลหมดเลย ก็ได้ฟังของเขาแล้วก็มานั่งคิด ของเราเหลือ 17 เปอร์เซ็นต์ ของเขามี 50 เปอร์เซ็นต์ แต่เขายังทำอยู่ ยังป้องกันอยู่ ฉะนั้น ของเราเห็นแล้วก็นึกถึงว่าเรื่องป่าต้นน้ำลำธารได้คุยกับผู้คนต่าง ๆ ที่ได้รู้ว่าความแห้งแล้งเป็นอย่างไร ใส่ check dam ลงไป แล้วจะอย่างไร
นำที่ดิน สปก. มาจัดสรรเป็นที่ทำกินและปลูกป่า
กลับมาก็ได้คุยกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา (นายสุธี มากบุญ) เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) ผมไปโคราช ก็นั่งคุยกันถึงเรื่องป่าที่ได้รับทราบมา โคราชไม่มีป่าชายเลนหรอกครับ เรื่องป่าชายเลนเอาไว้คุยกับผู้ว่าฯ คนอื่น แต่ว่าตั้งใจว่าจะต้องดูแลถี่ถ้วนมากกว่าปกติ และต้นน้ำลำธารต่าง ๆ วันนี้ต้องคุยกันเรื่องน้ำเรื่องท่าต่าง ๆ ไม่ใช่วันนี้นะครับ ระยะนี้จะต้องจัดการคุยกันเรื่องนี้ ทีนี้เมื่อไปคุยกับผู้ว่าฯ โคราชก็ได้ความว่า จังหวัดโคราชเขาไม่ได้ถูกผ่า เพราะย่าโมทำให้จังหวัดใหญ่มหึมาอย่างนั้น ไม่ผ่า มีที่ทำกินกี่ล้านไร่ มีอะไรกี่ล้านไร่ ที่น่าสนใจคือเรื่องที่ดิน สปก. เขามีอยู่ประมาณ 2 แสนไร่ กำลังดำเนินการอยู่ ทาง สปก. ก็ดำเนินการ แน่นอนครับที่ดิน สปก. เขาเฉือนออกจากป่าสงวน ออกมาเป็นป่าธรรมดา แล้วใครที่ครอบครองอยู่ได้มากน้อยเท่าไร ต่อไปจะได้ 50 ไร่ตาม สปก. ท่านผู้ว่าฯ ก็ทำแข็งแรงครับ บอกที่เหลือทั้งหมดตรงไหนที่เป็นปัญหาไม่ได้แล้วก็จะปลูกป่า กำลังจะดำเนินการปลูกป่าในส่วนที่เหลือ เพราะฉะนั้น กำลังนี้จะให้ที่ทำกินก็ที่ทำกิน แต่ป่าก็จะต้องปลูก ทำพร้อมกันไปเลย เราไม่ใช่ป่าลึกชัดที่ไหนไม่ต้องไปเอากระสุนไปยิงอะไรกันที่ไหน เอากล้ามาเลยมาเตรียมการกันเลย ไม่ช้าไม่นานจะปลูกป่ากันที่โคราชด้วย และมีที่ทำกินด้วย ได้พูดกันถึงเรื่องอะไรต่าง ๆ คุยกันนานครับ เรื่องต้นหมากรากไม้ และเรื่องต้นน้ำลำธาร
คือคุยกับผู้ว่าฯ จะได้ประโยชน์ตรงนี้ว่า สิ่งที่ได้พูดไว้ดำเนินการไว้ กำลังจะดำเนินโครงการใหญ่นั้น ผู้ว่าฯ ต่าง ๆ นี่ละครับจะให้ข้อมูลท่านบอกอยู่ตรงนั้นมา อยู่ตั้งแต่เป็นรองผู้ว่าฯ เป็นนายอำเภอ จะบอกให้ฟังเลยว่าน้ำที่คิดจะเอามานั้น ท่านบอกถ้าถึงตรงนี้ได้ละก็ ถ้าเราเอาขึ้นไป ถามว่าท่านบอกมาเลยว่าเอาขึ้นมาสูงเท่าไร ที่จะสูบขึ้นไป คือสูบขึ้นไปเติมเท่าไร ท่านบอก 30 กว่าเมตร อย่างนี้ไม่เป็นปัญหา เครื่องสูบทันสมัยที่สุดเดี๋ยวนี้ได้ถึง 55 เมตร และที่สูบกลับสูบอะไรต่าง ๆ ถ้าส่งน้ำไปถึงตรงใกล้ลำตะคอง จะบอกได้ทันทีว่าน้ำที่จะผันมานั้น ถ้าใส่เติมลำตะคองจะช่วยเมืองโคราช และจะออกไปเป็นแขนงหนึ่งของแม่น้ำมูล แม่น้ำมูลลงมา 2 สาขา คุยกับท่านผู้ว่าฯ โคราชก็สนุกครับ ท่านให้ข้อมูลดี เพราะว่าท่านอยู่แถวนั้นละครับ
ต้องเร่งพัฒนาเมืองภูเก็ต
เมื่อคุยกันเรื่องป่าไม้เรื่องอะไรต่าง ๆ แล้ว ก็นึกถึง ผมไม่อ้างผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตนะครับ แต่ว่าคนสำคัญที่เมืองภูเก็ต 2 ท่านแวะมาเยี่ยมผม ไม่น่าเสีย ท่านผู้ฟังผู้ชมครับ เมืองภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวทำรายได้ให้บ้านเมืองไม่รู้เท่าไร ๆ แต่เรื่องนี้เกิดตั้งแต่สมัยผมเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง ก็เคยฟังเรื่องน่าชอกช้ำใจอย่างนี้ คือเมืองเขาทำเขาหารายได้ สมัยก่อนเขามีเหมือง เขาส่งค่าภาคหลวงค่าอะไรต่าง ๆ ต่อมากลายเป็นเมืองท่องเที่ยว เขาส่งรายได้ทั้งหมดเข้า แต่เวลากลับไปพัฒนาน่าช้ำใจตรงไหนรู้ไหมครับ น่าช้ำใจตรงที่ว่าเงินจะกลับไปจังหวัด เข้ามากองไว้หมด แล้วออก 45 เปอร์เซ็นต์ รายได้ 100 ส่งไปพัฒนาท้องถิ่น 45 ดูเหมือนมาก แต่ไปจัดไปซอยไปจัดกันเป็นรายหัวของผู้คน ตกลงคนที่อุตส่าห์ทำงานหนัก และส่งอะไรต่าง ๆ มาให้ กลับไปพอจะพัฒนารูปร่างตัวเองบ้าง ไม่ได้ครับ น้ำประปายังเป็นปัญหาอยู่ ขุมเหมืองที่มาทำไว้ก็ยังไม่เรียบร้อยดี แม้กระทั่งง่าย ๆ อย่างนี้ผมคุยให้ฟัง อบต.เข้าไป เดี๋ยวนี้มี อบต. อบจ.เข้าไป ก็แบ่งกันเป็นสัดเป็นส่วน แม้กระทั่งการคมนาคม รถยังออกไปตามหาดต่าง ๆ เข้าไปตรงนั้นตรงนี้ไม่ได้ ตรงนี้วิ่งต้องโซนนี้ ง่าย ๆ ว่าจะขอรถวิ่งมีอยู่ 10 เที่ยวจะขอเพิ่มเป็น 15 เที่ยว ต้องมากรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ จะพิจารณาช้าอย่างไรไม่ทราบ เขาถามว่าตกลงเมืองอย่างนี้ เมืองพัทยาไม่มีปัญหา รถสองแถว 5 บาท ขอประทานโทษถ้าตัวเลขผมผิด แต่ก่อน 5 บาท ไปไหนมาไหนก็ 5 บาท ยกป้ายไปทางทิศไหน วิ่งทิศไหนก็ 5 บาท สะดวก แต่ปรากฏว่าภูเก็ตไม่เป็นอย่างนั้น เขามีปัญหามาก คนที่มาคุยบอกว่าไม่ได้คิดเปลี่ยนแปลงอะไรหรอกครับ แต่น่าจะพัฒนาเมืองภูเก็ต ผู้ว่าฯ จะอยู่ตรงไหนสุดแท้แต่ แต่น่าจะมีคณะกรรมการบริหารเมือง เป็นทำนอง City Manager หรือมีกรรมการ เขาคิดให้ฟังคร่าว ๆ เขาบอกว่าถ้าหากว่าทางฝ่ายรัฐบาลกลางเอา 5 คน ส่วนภูมิภาค 5 คน ท้องถิ่น 5 คน 15 คนนี้เป็นบอร์ดแล้วพัฒนาเมือง มีปัญหาอะไรบอร์ดตัดสินได้ น่าคิดนะครับ จะเข้าระบบไหนสุดแท้แต่ ผมมีหน้าที่มาคุยเปิดทางไว้ ถ้าผมเจอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ผมเจอใครต่อใคร จะดูสิว่า มันต้องถึงเวลาแล้ว
คำหนึ่งที่ทั้ง 2 ท่าน สุภาพสตรีหนึ่ง สุภาพบุรุษหนึ่ง บอกผม คุณสมัครอย่าหาว่าผมพูดจาไม่ดีไม่งามอะไร แต่ถ้าจะให้เห็นว่าภูเก็ตเป็นอย่างไร เหมือนภูเก็ตเคยเป็นผู้หญิงสวยงาม และไปหากินแบบอย่างว่านั่นละครับ บัดนี้โทรมมากแล้ว อายุก็มากขึ้น รูปร่างก็โทรมมาก แต่จะขอหาเงินหาทองไปตบแต่งอะไรต่ออะไร เหมือนว่าพวกแมงดาเอาเงินไปหมด แล้วไม่มาให้ดูแลผู้หญิง น่าเห็นใจไหมครับ เป็นการเปรียบเทียบที่ ผมคิดว่าดีมากเลย คือมองเห็น ผมไม่เคยเป็นแมงดานะ ผมไม่เกี่ยวข้องวงการ แต่ฟังความหมดแล้ว ผู้หญิงหากินธรรมดาจะต้องโดนแมงดาควบคุม เอาไปหมดข่มขู่ เขาบอกเมืองภูเก็ตมันโทรมอย่างนี้ครับ แล้วต่างคนต่างทำ ทุกคนขีดอาณาเขตของตัวเอง ผมมีหน้าที่มาเปิดประเด็นเปิดรายการ และต้องพูดกันแน่นอน เมืองท่องเที่ยวเขาส่งรายได้ให้รัฐบาล แต่เขาจะตบแต่งพัฒนาเขาไปเข้าโครงการท้องถิ่นจัดการแบ่งปันไป ไม่ยุติธรรมนะครับ เรื่องน้ำท่าเรื่องไฟฟ้า เรื่องการคมนาคมขนส่งต่าง ๆ ไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร โฆษณาชื่อเสียงไปดังไป แต่คนที่เขาอยู่ที่นั่นเขารู้เลยว่ามันแย่ ถ้าไม่มีถึงพรรค์นี้จริง ก็เรียกว่าเป็นรายงานตรงเลยครับจากคนที่อยู่ที่นั่นมาถึงตัวนายกรัฐมนตรี
ผมจะเด้งกลับออกไปให้คนที่เกี่ยวข้องว่าคุยกันหรือยังเรื่องภูเก็ต จะเอากันหรือยัง น้ำท่า ตัวเลขของเขา เขาไม่ได้ทำการบ้านมาคุยนะครับ เขาบอกที่เขื่อนรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) ระยะทางจะห่างไกลเท่าไรอย่างไร แต่มูลค่าเพียง 1,300 ล้าน ที่จะเอาน้ำสด ๆ ที่เหลือที่เชี่ยวหลานส่งไปภูเก็ต พังงา กระบี่ ส่งไปช่วยเมืองตากอากาศอย่างนั้น เขาบอกวางท่อไปได้เลย น้ำเหลือแหล่ เห็นไหมครับ 1,300 ล้าน ผมจะต้องขอดูโครงการ ขอดูลักษณะท่อ ขอดูเส้นทางไป สำคัญที่สุดจะต้องดูระดับ ดู Elevation ว่าเชี่ยวหลานสูงเท่าไร ไปถึงแถวเขาหลัก เข้าไปถึงภูเก็ตเท่าไร ต้องแก้ไขให้เขา ต้องช่วยเขาดู เขาบอกฝนตกก็มี น้ำขุมเหมืองใช้ก็หมด ไม่ได้เท่าที่ควร การพัฒนาสมัยหนึ่งเพื่อนผมก็เคยอยู่ เพื่อนผมเขาไปทำมาหากินที่นั่น เคยทำงานท้องถิ่น เขาบอกมันแย่จริง ๆ จะขอทำนั่นไม่ได้ ขอทำนี่ไม่ได้ เพราะเงินมาตามสัดส่วน แต่มีเท่าไรส่งเข้าไป ๆ สมัยเมื่อ 40 ปีก่อนยังมีค่าภาคหลวงยังมีแร่เข้าไป ก่อนเรื่องแทนทาลั่มจะเผากัน เอาละครับคุยเรื่องที่เขามาร้องทุกข์ให้ฟัง แต่ท่านผู้ร้องโปรดนะครับ ผมจุดชนวนไว้ในหัวใจเท่านั้นละครับ และผมต้องตามไปดูให้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปอีก
รับฟังปัญหาชาวไร่อ้อย
เมื่อไปถึงเสร็จเรียบร้อยก็ไปคุยเรื่องชาวไร่อ้อย เมื่อวานไปพบชาวไร่อ้อย เขามีความทุกข์นะครับ ผมบังเอิญเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่เพราะเคยไปที่โน่นเคยไปเห็น บังเอิญผู้ใหญ่ฝา เมื่อวานนี้เจอหน้ากัน โทรมไปเยอะเหมือนกันครับ ตั้งแต่ยังหนุ่ม ๆ อยู่ แต่ก่อนอยู่กำแพงแสนอยู่เขต 6 เดี๋ยวนี้เป็นประธานสหพันธ์ชาวไร่อ้อย ไม่ทิ้งอาชีพเลยครับ เป็นตั้งแต่ผู้ใหญ่ฝา กำแพงแสน เดี๋ยวนี้ไปเจอบอกว่าเป็นประธานสหพันธ์รับหนังสือมา ความทุกข์ของเขา เมื่อวานพูดยาวพูดกับชาวไร่อ้อย 2 ชั่วโมง น่าเบื่อไหมครับ ไม่เบื่อหรอกครับ เพราะเรารู้ว่าปัญหาของเขาคืออะไร แล้วคุยให้ฟังเสร็จเรียบร้อยเลยว่า รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร ผมเคยเห็นมาตั้งแต่ 480 บาท เดี๋ยวนี้มา 600 กว่า เชื่อไหมครับคนปลูกอ้อย อ้อยก็คาบเกี่ยวคาบลูกคาบดอก 14 เดือน ปลูกข้าว 3-4 เดือน เดี๋ยวนี้ปลูกข้าว 95 วัน แต่ปลูกอ้อย 14 เดือน จะตัดจะเก็บแล้ว ฤดูหีบเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม มกราคม หีบ 3 เดือนเท่านั้น และต้องดูเรื่องความหวาน ดูเรื่องพันธุ์ ดูเรื่องปุ๋ย เขาบอกราคาปุ๋ย 400 กว่าบาทเมื่อไร เดี๋ยวนี้ 1,100 บาท ขึ้นอย่างนี้นะครับ เกือบ 3 เท่า และไหวไหมละครับ
เรื่องน้ำตาลฟังแล้วชอกช้ำใจ ชอบคุยกัน คนคุยโรงงานน้ำตาลมีคณะกรรมการอ้อยน้ำตาล ปอนด์ละ 3 เซ็นต์ ชอบคุย น้ำตาลต้องคิดเป็นปอนด์ เงินคิดเป็นเซ็นต์อเมริกัน แต่น้ำตาลเป็นปอนด์อังกฤษ ปอนด์ละ 3 เซ็นต์ ปอนด์ละ 4 ปอนด์ละ 6 ปอนด์ละ 7 น้ำตาลเท่านั้นต้องเท่านี้ และสร้างระบบกันมีโควตา ก โควตา ข โควตา ค ยุ่งยากสับสนครับ ไม่ยุ่งยากตรงที่เราซื้อน้ำตาลมากิโลหนึ่งนั่งใส่ขวดไว้จนกว่าจะตักกิน ผมบังเอิญเป็นคนไม่กินกาแฟ ก็ไม่ค่อยจะยุ่งยากอะไรกับเขานัก และเป็นคนไม่ชอบหวานจัด ก็ไม่ค่อยยุ่งยากในชีวิต แต่ว่าคนยุ่งยากคือพวกไหน พวกทำขนม ยังไม่เท่ากับพวกน้ำอัดลม เรื่องนี้ครับผมต้องเล่าให้ชาวไร่อ้อยฟังว่า เรื่องทีนี้ทำไมจะไม่เข้าใจ ทำกันบีบกันคั้นกัน จนกระทั่งต้องการให้น้ำตาลกิโลกรัมละ 13 บาท ที่หน้าโรงงาน เดี๋ยวนี้ออกมา 14-15 บาท กว่าจะขึ้น 13-14 บาท และ14-15 บาท ก็ต้องมี 13-14, 14-15 ขึ้นบันไดได้หนเดียวครับ หน้าโรงงานและมาขาย 16.50 บาท จะเป็นจะตายกว่าจะขึ้นได้ เหมือนกับว่าน้ำตาลขึ้นมา 1 บาท ผู้บริโภคน้ำตาลจะตายลงไปในบัดดล ข้าวแต่ก่อนจานละหกสลึง เดี๋ยวนี้เป็นจานละ 3 บาท ก็ยังต้องขอร้องให้กินกันเพื่อให้ชาวนาอยู่ได้ หกสลึงเป็น 3 บาท 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าน้ำตาล 13 บาทกว่าจะเป็น 14-15 บาทแทบตาย ขายปลีก 16.50 บาท ต้องถูกบีบต้องถูกคั้น และเขาเป็นอย่างไร เขายังมีปัญหาอีกที่ไปพบเขาเมื่อวานนี้
อ้อยปีนี้ผลิตได้ 73 ล้านตันอ้อย ใช้ทำน้ำตาล 20 กว่า เหลืออีก 50 ทำอะไร เขาทำเอทานอล ทำแอลกอฮอล์ เขาทำจะเอาไปผสมเพื่อจะช่วยแก้ปัญหาน้ำมันแพง เขาว่ามีการไปล่อแล่เป็นทำนองเหมือนกับว่า ถ้าเป็นเหล้าผสมเหล้าเป็นแอลกอฮอล์เสียภาษีอีก 5.7 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าทำเอทานอลไม่เสียภาษี ก็มีปัญหากับกรมสรรพาสามิต จะไปล่อเขา เขาบอกเขาจะทำเอทานอลอย่างนี้ จะไปทำเหล้า ก็สุดแท้แต่ นี่เป็นเรื่องปลีกย่อย แต่ที่เรื่องสำคัญคือว่าจะปลูกอ้อย เขาต้องมีค่าอะไร สำนวนเขาผมไม่ได้จำมา มีมานานแล้ว ต้องมีความร่วมมือ ต้องมีว่าจะซื้อได้เท่าไร แล้วถ้าซื้อเท่านี้ไม่พอ ต้องเอามาเติม คราวนี้ต้องเท่าไร แล้วเติม 38 บาท ต้องกู้เงินมา ไม่น่าเชื่อนะครับ ไปหวังในอนาคตน้ำตาลได้ราคา กู้เงินมา เดี๋ยวนี้เงิน วงการน้ำตาลเป็นหนี้อยู่ 17,000 ล้านบาท ทำไมครับ ต้องกู้ ๆ มาเพื่อเอาเงินมาเติมให้ค่าอ้อยแพงขึ้น เติมเท่าไรเติมได้ 38 บาท 600 กว่าเติม 300 บาท ก็ 638 บาท แต่ชาวไร่บอกว่าปุ๋ย 400 บาท ขึ้นเป็น 1,100 บาท แล้วจะทำอย่างไร ขึ้นราคาอย่างไรก็ไม่ได้ ไปคิดราคามาเอาแบบชนิดว่าพออยู่ได้ ไม่ร่ำรวย 807 บาท ผมฟังความแล้วผมบอกได้ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เอา 807 บาท เป็นหลัก เข้าไปจนถึงราษฏรอีกกลุ่มดูที่ตีบันได 807 บาท เข้าไปข้างหน้าบอกว่าต้อง 1,000 บาทถึงจะพอเงยหน้าอ้าปาก บอกตกลง ก็รับฟังดู ไปถึงหน้าประตูจะเข้าไป ชาวไร่อ้อยอยู่ได้ขอ 1,200 บาท อยู่เป็นบันไดขั้น ๆ อย่างนั้น ต้องฟังหูไว้หูนะครับ นั่งคุยกับเขา 2 ชั่วโมง เขามีนะ คนนั้นตอบคำถาม คุณตอบคำถาม
ทำระบบน้ำหยดเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยต่อไร่
บางตัวอย่างผมยกตัวอย่างให้ฟัง บอกชาวนาเขาผ่อนข้าวเวลานี้ ถ้าเกิดสูงสุดเคยได้ไร่ละตัน คือชาวนาธรรมดามาตรฐาน 400 กิโลกรัม เดี๋ยวนี้ถึง 1 ตันคือ 1,000 กิโลกรัม เดี๋ยวนี้ข้าวโฮบริดจ์ที่เขาว่า 2,000 กิโลกรัมคือไร่หนึ่ง 2 ตัน เขาเพิ่มผลผลิตเท่าตัว อย่างนี้ราคาเขาต้องช่วยกันดีแน่ ถามอ้อยเพิ่มได้ไหม ยังจะต้องทำอย่างไรรู้ไหม ต้องไปเอาพันธุ์ก่อน ต้องทำระบบน้ำหยด บอกเอาละตอบมาทีสิว่าอ้อยพันธุดีแล้ว ความหวานมาตรฐาน เอาน้ำหยดที่ว่านี้ น้ำหยดจะต้องไปกู้เงินมาพันล้าน บอกว่าไม่ต้องเอาละ ทำเท่าไร เพิ่มได้เท่าไร ธรรมดาไร่หนึ่ง 6-7,000 1 ไร่ได้อ้อย 6,000-7,000 บอกพูดง่าย ๆ เลย ถ้าทำน้ำหยดพันธุ์ดีแล้วเท่าไร เพิ่มได้ครึ่งหนึ่ง คือสมมติถ้าเผื่อว่า 7 ก็เพิ่มไปอีก 3.5 ก็เป็น 10 กว่า ผมบอกถึง 8 บางคันตัดได้ 800 ถ้า 800 เพิ่มได้ครึ่งเท่า แปลว่าขึ้นอีก 400 ก็เป็น 1,200 อย่างนี้ถ้าหากว่าได้อีกครึ่งหนึ่ง เวลานี้ถ้าหากว่าเงินจริง ๆ ได้ 807 บาท ถ้าหากว่าอ้อยผลิตขึ้นมาแล้ว ได้มากกว่าที่เก่าอีกครึ่งหนึ่ง แสดงว่าได้ 1,200 อย่างที่ต้องการ ก็บอกว่าเหมือนกับตะเอาไว้ก่อน เอาละรับเรื่องนี้ทำอย่างไร แต่ผมรับรองบอกว่าชาวไร่มาบอกว่าผมจะต้องไปหาพันธุ์มา เอา 1 มาปลูกมาต่อ 10 เอา 10 ไปแจก บอกไม่ต้อง ตรงนี้หัวหน้ารัฐบาลจะรับเรื่องนี้ไปดูเลยว่า คุณเป็นชาวไร่ แต่ทางราชการต้องช่วยพัฒนาที่ดินต่าง ๆ อย่างกับที่ทหารอากาศ กำแพงแสน ทหารอากาศทำสนามบินใหญ่ ที่เหลือเขาให้ราษฎรเช่าปลูกอ้อย ผมบอกที่อย่างนี้มีมากมาย หน่วยราชการที่รับผิดชอบคุณต้องไปผลิตพันธุ์ เหมือนที่คลังข้าว ข้าวนี่กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว เขาผลิตข้าวพันธุ์ กี่แสนตัน ๆ เขามีเอาไว้ขายชาวนาเลยครับ ต้องผลิต อ้อยไม่มีการทำอย่างนี้ ให้ราษฎรไปทำเอง เห็นไหมครับ จะหยดไหมหยด จะทำอย่างไร ต้องเอาพันธุ์อ้อยที่ไปปลูกแล้วได้อีกครึ่งเท่า อย่างนี้ต้องรับ รับมาเลยครับบอกว่าเรื่องนี้ทางราชการทำ ทำเสร็จหมายความว่าพันธุ์อ้อยที่ปลูกแล้วได้อีกครึ่งเท่า อย่างนี้ราชการจะรับมาทำ แล้วได้อย่างเร็ว เพราะว่าเป็นการเพาะพันธุ์ แล้วเอาพันธุ์ไปปลูก
เห็นไหมครับ ระบบน้ำหยดที่ว่านั้นต้องเติมพันธุ์ เติมน้ำตรงนั้นตรงนี้ บอกว่าเป็นรายละเอียดเกินไป แต่รับฟังว่าการหาน้ำไปเข้า ระบบน้ำหยดก็ยังไม่ดูรายละเอียด แต่ฟังแล้วเข้าใจครับ ระบบน้ำหยดคือเขาจะมีสายออกไป ระบบน้ำหยดที่ผมเคยดูที่อิสราเอล สมัยก่อนอิสราเอลก็หาน้ำได้ เขาก็เอาไปใส่ เขาทำเป็น sprinkler ปลูกฉ่ำเลย ถึงเวลาเปิด อิสราเอลเสียดายน้ำ บอกอย่างนั้นไม่ได้ อย่างนี้ระเหิดหมด เขาทำอย่างไร ผมอยู่บนโรงแรมที่ไฮฟาร์ม มองลงไปเขียวหมด แต่ไม่มีคนรดน้ำต้นไม้ ต้องลงมาดูไปแหวกดูข้างล่าง เขาเดินสายเหมือนกับที่เขาเพาะปลูก และที่เขาทำต้นไม้ ต้นไม้ยืนต้นพอสมควร ไม้พุ่มไม้ต่าง ๆ เขาเดินสายเป็นสายพลาสติก สายสีดำหนานิดหนึ่ง เขาเอาสายวางไว้โคนต้น ระบบน้ำหยดคือว่าเขาเอาเหล็กที่รัดหัว เหมือนไขควงแต่หัวเป็นกลม ๆ เผาไฟให้แดง เสร็จแล้วสายเป็นยางพลาสติก จี้ลงไปก็จะเป็นรู ถ้าปล่อยน้ำ ๆ ก็พุ่ง เขาเอาดินไปเผาเหมือนตัวเกี้ยมอี๋ ขาวเป็นเกี้ยวอี๋ตัวอ้วน ๆ เผาเป็นเกี้ยมอี๋ตัวแดง ๆ เอามาซาวเล่นอย่างนั้นได้เลย แต่ตัวเกี้ยมอี๋โตกว่ารูที่เจาะไว้ เวลาเขาเจาะรูเสร็จ เขาเอาเกี้ยวอี๋เสียบ ต้องการน้ำดิ๊บ ๆ คือมันควบแน่น พอควบแน่นตัวมันลอยอยู่ข้างในท่อ อีกตัวอยู่ข้างนอก พอควบแน่นมันจะผ่านดินเผา ติ๋ง ๆ ๆ ตรงนี้ต้องการน้ำมากหน่อย เขาก็เสียบให้ 2 ตัว ต้องการน้ำเขาเสียบ 3 ตัว มันก็ติ๋ง ๆ 3 ตัว น้ำขนาดนั้น ก็จะอยู่ที่โคนต้นไม้ นี่คือระบบน้ำหยด ผมเองยังไม่ทราบว่าอ้อยจะต้องมีสายที่จะผ่าพันไปอย่างไร แต่ต้องช่วยได้แน่นอน คืออ้อยเขาปลูกเป็นกล้องเขามีเป็นโคนเป็นคันพวกเล็ก ๆ ตัวนี้ถ้าสายไม่แพงเกินไป และใช้ระบบน้ำหยด คือหมายความว่าอที่เขาเรียกว่าผลได้ ฝรั่งเขาเรียกว่า Yield ได้มาอีกครึ่งเท่า เพราะฉะนั้น เรื่องนี้รับปากได้ เราเคยเห็นมาแล้วว่างานอย่างนี้พอใช้ได้ วัสดุเป็นอย่างไร น้ำเป็นอย่างไร ต้นน้ำเป็นอย่างไร น้ำมันจะอยู่ ไม่ต้องปั๊มหรอกครับ เอาน้ำขึ้นไปให้สูงหน่อยเท่านั้นเอง เอาน้ำขึ้นไปให้สูงสูบไปใกล้ ๆ นิดเดียว สูงขึ้นไป 3-4 เมตรแล้วก็ปล่อย ถ้าตามไร่ ตามเส้น ๆ ระบบน้ำหยดเราเข้าใจเสร็จ รับปากบอกจะช่วยดูให้
แต่แบบที่ว่าจะต้องพูดจากัน ไปรับอาสาเขามา เป็นหน้าที่ของหัวหน้ารัฐบาลนะครับ ผมต้องอธิบายให้ท่านทั้งหลายฟังว่า เมื่อเวลาข้าว เขาลงแรงมากมาย สุดท้ายราคาข้าวแพงตามอุปสงค์อุปทาน กระสอบละ 2,200 บาท ขึ้นเป็น 2,500 บาท ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วน้ำตาลขึ้นได้ไหม ปุ๋ยก็แพง พันธุ์ก็แพง ทุกอย่างแพงหมด กินข้าวกันเหมือนกัน แต่ว่าถูกกดไว้อย่างนั้น ผมก็ต้องปรารภ นี่ส่วนตัวผมเองนะ และผมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมพูด และใครเตรียมจะด่านะครับ ก็ให้มีเหตุผลหน่อยในการด่า ผมจะบอกให้ฟัง ผมคุยกับชาวไร่อ้อย เพื่อปลอบประโลมให้เขารู้ว่าเรารับความทุกข์ของเขามา น้ำตาลแต่ก่อนนี้เล่าให้เขาฟังในอดีต 13 บาท หลักการของชาวไร่อ้อยคือถ้าน้ำตาลขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท ชาวไร่อ้อยได้ 20 ขึ้น 2 บาท ชาวไร่อ้อยได้ 40 ประคับประคองกันไม่ได้เหลือเกิน น้ำตาล 13 เป็น 14 บาท แทบตายเลย เดี๋ยวนี้ 14-15 กดหัวเขาไว้กันเขาไว้อย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เขากิน และเขาก็ปลูก เวลานี้เอาไปปลูกทำเอทานอล อ้อย 1 ตันได้ 80 ลิตรก็พอไหว คือราคาเคยขึ้นไป 20 กว่า เดี๋ยวนี้เหลือ 18-19 บาท เขาก็ยังได้ คือถ้าเทียบกับน้ำตาล เท่ากับขายน้ำตาลได้ราคาจาก 14 เป็น 19 ได้อีก5 บาท ทำเอทานอล ถ้าน้ำตาลจริง ๆ ที่ไปกดคอเขาไว้ ถามว่าการบริโภคน้ำตาล เขาบอกว่านายสมัคร เดี๋ยวเขาว่าพูดจาหยาบคาย คือเกินเหตุไหมครับ น้ำตาล 1 กิโล ซื้อมาใส่ขวดไว้ คนกินกาแฟเช้าก็ช้อนหนึ่ง กี่ช้อนจะหมดกิโล ทำกับข้าวก็ใส่ช้อนใส่ครึ่งช้อน ใช้น้ำตาลทราย ส่วนมากใช้น้ำตาลปี๊บ แพงขึ้น 1 บาท 2 บาท 3 บาท เป็นอย่างไรรู้ไหมครับ ไม่เป็นอย่างไรหรอกครับ แต่ต้องร้อง ต้องจะทนไม่ได้ คนทนไม่ได้ในอดีตคือใคร ไม่ใช่แม่ค้าขายข้าวเหนียวมูน ไม่ใช่แม่ค้าขายสังขยา ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง พวกนั้นก็บ่น แต่เขาก็ขึ้นราคาของเขา แต่คนบ่นคือคนขายน้ำอัดลม
สมัยหนึ่งที่ผมเล่าให้ชาวไร่อ้อยฟัง นี่เหตุเกิดมาเกือบ 30 ปีแล้ว น้ำอัดลมตอนนั้นอยากจะขึ้นน้ำตาลจาก 13 บาทเป็น 14 บาท เจ้าของน้ำอัดลมบอกผมตายแน่ ตายอย่างไร เขาบอกว่าเขาใช้น้ำตาลวันละ 5แสนกิโลกรัม ตอนนั้น 5 แสนเท่านั้น เขาบอกผมวันละ 5 แสน พูดอย่างกับว่าเสียเปล่า แต่ว่าถ้าเผื่อน้ำอัดลมขึ้น ผมยกตัวอย่างให้ฟังอย่างกำลังนี้ ถ้ากระป๋องหนึ่ง 12 บาท จะใส่น้ำตาล 1 กิโลออกไปอยู่กี่กระป๋อง ไม่ใช่น้ำตาล 1 กิโลอยู่ในกระป๋องเดียว เห็นไหมครับ ต้องเฉลี่ยไป ถ้าน้ำตาล 1 กิโลทำได้ 10 กระป๋อง ไม่ใช่ ต้องทำได้ 100 กระป๋อง เพราะฉะนั้น 13 บาท ถ้า 10 กระป๋องขึ้นเท่าไร ถ้าเผื่อว่า 10 เปอร์เซ็นต์คือ 1.30 บาท 1 เปอร์เซ็นต์คือ 13 สตางค์ ถ้าขึ้น 13 สตางค์ คุณขายน้ำอัดลมจาก 13 เป็น 14 บาท คุณยังได้กำไรไปอีก 86 บาท เสียไป 13 กับ 87 บาท เพราะว่าไม่มีเศษ 13 บาทไม่ขายต้องขาย 14 บาท ทำไมละครับ มันไม่ใช่ของจำเป็นแก่ร่างกาย ไม่ใช่ราคาควบคุม จะปรับจะขึ้น ก็ตามสมควรแก่เหตุ แพงเขาก็คงไม่กินกันเอง ถ้าพอสมควรก็กิน คุณกำไรน้อยหน่อย คุณก็ขายได้มาก คุณกำไรมากหน่อย คุณขายได้น้อย เขาบอกลองคิดดูสิครับ ขึ้นไป 3 บาท ผมโดนเข้าวันละ 1.5 ล้านบาท ก็ 1.5 ล้านบาทแล้วไปเฉลี่ยกับขวดของคุณ สมัยก่อนเป็นขวด ต้องไปเฉลี่ย ถ้าคิดเฉลี่ยแล้วขึ้นไปนิดเดียว
แต่ทว่าผมบอกว่านี่คุณฟังบรรดาชาวไร่ทั้งหลาย เวลานี้ได้ 807 บาท เขาอยากจะได้ 1,200 บาท แต่ถ้าสัก 100 บาท 1 บาทได้ตันละ 20 บาท ลองพูดกันง่าย ๆ เวลานี้พูดง่าย ๆ สมมติเขาขายอยู่ 16 บาท ถ้าเป็น 21 บาท เพิ่ม 5 บาท 21 บาทชาวไร้อ้อยได้ 100 บาท จาก 807 เป็น 907 บาท เขาต้องลืมตาอ้าปากได้ แต่คนบริโภคเคยซื้อน้ำตาล 16-16.50 บาท ซื้อ 21 บาท พวกเขียนคอลัมน์จับปากกากันแล้ว แต่ว่ามีเหตุผลไหมครับ เขาถูกกดอยู่ ชาวไร่อ้อยมีเท่าไรครับ ปลูกอ้อยกันทั่วบ้านทั่วเมือง ที่ผมกล้าพูดอย่างนี้เพราะอะไรรู้ไหมครับ เวลาน้ำตาลขาด ต้องสั่งน้ำตาลนอกเข้ามา เข้าแถวซื้อกันก็ราคาควบคุม เพราะสั่งน้ำตาลนอกเข้ามา แต่ทว่าถ้าแอบซื้อขายกัน 25 บาท แต่ก่อน 13 บาทซื้อ 25 บาท น่าตาเฉย ซื้อแล้วจะยกมือไหว้คนขายอีกด้วย ได้น้ำตาลไปกิโล ดีใจตัวสั่น 25 บาทซื้อเฉย ๆ เลย แต่ว่า 14 บาทกดเขาไว้ เรื่องอย่างนี้ละครับ ผมจะบอกให้ฟังว่าลองคิดดู ใครจะเขียนวิพากษ์วิจารณ์คิดดูให้ดีก่อนนะครับ จะอะไรกันนักหนา น้ำอัดลมร้องทุกข์ คุณก็ขึ้นราคาน้ำอัดลมไป กระทรวงพาณิชย์คงไม่ไปควบคุมเขาจะขึ้นขายเท่าไร คุณจะขายกระป๋องละ 100 บาทก็ตามใจคุณ ไม่มีใครเขากินคุณกันเท่านั้นเอง แต่ปัญหาคือว่าถ้า 13 บาท คุณขาย 14 บาท เขาก็ยังบริโภคคุณอยู่ คุณเสียค่าน้ำตาลเพิ่มขึ้น 13 สตางค์ คุณได้อีก 87 บาท มันทำเนืองอย่างนี้ต่างหากละครับ เพราะถ้าเราไม่อนุเคราะห์ไม่กันบ้าง ชาวนาขายได้ลองไปตรวจดูนะครับ ข้าวโพดแต่ก่อนเท่านี้เท่านี้ ขึ้นไป 3 เท่า มันสำปะหลังแต่ก่อน 50-60 สตางค์เดี๋ยวนี้ 2.50 บาท ทุกอย่างราคาขึ้นหมด แต่อ้อยถูกกดราคาไว้ นี่ไปหาเสียงกับชาวไร่อ้อย แต่สมัครรับเลือกตั้ง ผมบอกเลยว่าอย่ามานั่นเลย ผมมีหน้าที่จะต้องทำ ผมรับผิดชอบ ผมดูแลให้ มีความทุกข์มา 1,000 กว่าคนเมื่อวานนี้ทั่วประเทศ ไร่อ้อยกี่เขต ๆ ไปพูดกับเขาแล้ว ไม่ต้องหาเสียง ไม่ต้องหาดิบหาดี แต่ให้เขาเข้าใจว่าคุณต้องให้เวลาผมทำงานหน่อย ผมจะไปจัดการเรื่องนี้ทำอย่างนี้ ๆ
จะให้ใบอนุญาตบริษัทผลิตปุ๋ยอินทรีย์
แม้กระทั่งเรื่องปุ๋ย วันก่อนพูดไว้จะคุยเรื่องปุ๋ยที่นี่ อย่างที่ว่านี่ละครับ ผมจะไม่อยากกระทบกระเทือนใครจะควบคุมราคา ใครจะตกลงทำได้ แต่ผมจะบอกไว้ตรงนี้เลยครับ ถ้าคุณจัดการราคากันได้อย่างนั้นเอง คุณก็จัดการของคุณไป ของต่างประเทศยืนยันว่า 9,000 คุณบอกว่า 16,000 ก็แตกต่างกันตั้ง 7,000 อย่างนี้ เพราะว่าอย่างไร คนที่อยากจะดำเนินการทำไม่ได้ เพราะไม่มีใบอนุญาตนำเข้า แล้ว 5 เสือก็นำเข้าอย่างนั้นแล้วกำหนดราคาได้เอง แล้วบ้านเมืองจะปล่อยไว้อย่างนี้ไหมครับ ผมไม่ปล่อยหรอกครับ ผมกำลังเลือกบริษัทที่เขาทำมาหากินสุจริต ที่เขาจะร่วมมือกับรัฐบาล ผมจะให้มีใบอนุญาตใบที่ 6 ให้มีใบที่ 7 และนำเข้า จะเจรจาความให้ด้วย รัฐบาลเปิดทางเจรจาให้ เขาอยากได้เราจะมีให้เขา เราอยากได้อะไรเขาจะมีให้เรา ปุ๋ย N-P-K ตัวยูเรียต่าง ๆ แม่ปุ๋ยต่าง ๆ เอาเข้ามาแล้ว และผมก็ไม่สนับสนุนให้ทำปุ๋ยเคมี ต้องการให้ทำปุ๋ย organic เวลานี้มีบริษัทที่เขาผลิตปุ๋ย organic เขาทำเป็นเม็ด ตัวอย่างง่าย ๆ ที่วันก่อนไม่ได้พูดให้ฟังนั้น เวลานี้อย่างปุ๋ยข้าว ตันหนึ่ง 10,800 บาท แล้วชาวไร่ชาวนาซื้อ 1 ตัน ซื้อครึ่งตันหรืออะไรก็ 10,800 บาท แต่เขาบอกว่าถ้าซื้อ 1 คันรถคือ 15 ตันเขาส่งถึงที่จะลงที่ไหนก็แล้วแต่ 8,000 บาท ดีไหมครับไม่ต้องไปยกมือไหว้เขาให้ลดราคา มีอัตราการขายกันอยู่คือขายส่งกับขายปลีก จะช่วยกันอย่างนี้คือว่ารวบรวมกันมาบอกสหกรณ์ตรงนี้ส่งที่นี้ เคยซื้อ 10,800 บาทก็ซื้อ 8,000 บาท ใครจะเอาครึ่งตันใครจะเอาเต็มตันก็ไปจัดการแบ่งปันกัน จะมาถ่ายทอดกันต่อไป อย่างนี้ง่าย ๆ ไหมครับ ภูเขาบังเส้นผม ไม่เห็นจะยากเย็นขายปลีกขาย 10,800 บาท แต่ขายส่งเขาขาย 8,000 บาท ก็ช่วยกันตรงนี้ครับให้บริษัทเขาขายส่ง ส่งถึงชมรมชาวนาที่นี่ ๆ ที่ไหนทั่วประเทศเขาส่ง 8,000 บาท นี่คือตัวอย่าง
แนะเกษตรกรใช้ปุ๋ย organic เพิ่มผลผลิตได้ดีกว่าปุ๋ยเคมี
ผมเลยรับปากกับชาวไร่อ้อยว่า คุณซื้ออยู่ 1,100 บาทเวลานี้ ไม่นานเมื่อก่อนหน้านี้ 400 บาท ผมจะตรวจสอบดูสิว่าปุ๋ยที่ใส่อ้อยสูตรอะไรอย่างไร เมื่อนำเข้ามาถึงแล้ว หรือจะมาผสม มาทำอย่างนี้อย่างไร ๆ ต้องถูกต้อง ต้องไม่ปลอม ดูถี่ถ้วนและต้องยุติธรรมกับผู้บริโภคคือคนที่เอาปุ๋ยไปใส่ เอาไปใส่อ้อย ไปใส่ข้าว ไปใส่พืชพันธุ์ทั้งหลาย เป็นความจำเป็นครับเพราะต้องใส่ แต่ว่าปุ๋ยที่เรียกกันว่าปุ๋ยอินทรีย์นั้น ก็ไปทำปลอมกันแบบชนิดกากอ้อยอะไรต่าง ๆ น่าเกลียดน่าชัง แต่นี่เขาทำสำเร็จ เขาใส่เป็นเม็ด แล้วพิสูจน์ได้ ตรวจสอบได้ เขาส่งออกขายเมืองนอกครับปุ๋ยอินทรีย์ แต่ชาวนาไทยบอกชอบปุ๋ยเคมี ใส่วันนี้ปั๊บพรุ่งนี้เขียว แต่ก่อนนี้ปุ๋ยพวกนี้ปุ๋ย organic ใส่ลงไปต้อง 10 วันถึงจะได้ เดี๋ยวนี้ 7 วันเขียว แล้วยืนยันว่าทำให้ดินดีขึ้นกว่าเก่าด้วย และที่เขาเรียกกันว่า yield คือผลได้จากการเพาะปลูกนั้น มากกว่าธรรมดา มากกว่าปุ๋ยเคมี ปุ๋ยเคมีทำลายดินแต่ปุ๋ย organic ไม่ทำลายดิน
เตรียมลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ดูการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในนาข้าว
ก็เป็นหน้าที่ของผมต้องมาชักชวนชาวไร่ชาวนา ผมไม่เคยปลูกข้าวหรอกแต่ผมฟังความเข้าใจแล้ว ฟังการอธิบาย ฟังคนที่เขาไปทำแล้ว ผมกำลังจะไปดูที่สุรินทร์ ขออนุญาตชาวขอนแก่นครับ ผู้แทนขอนแก่นบอกว่าเสร็จแล้วจะไปเยี่ยมก่อน ก็อ้อยเขามาตอนนี้ผมก็จำเป็น มีอะไรจำเป็นก่อนต้องขออภัย ไปขอนแก่นช้าหน่อยแต่ก็ไปแน่นอน แต่ว่าที่สุรินทร์เขาอยากให้ไปดูข้าวที่เขาปลูกด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เม็ดนี่ละครับ แล้วผลประโยชน์เป็นอย่างไร ได้ผลมากกว่าคุณภาพดีเท่าเทียมกัน
เรื่องอย่างนี้ถ้าหากว่าเป็นหัวหน้ารัฐบาลรู้แล้วไปนั่งอมไว้ ผมพูด ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ พวกที่เขียนหนังสือก็ด่าผม จำมาเขียนท่อง ๆ ๆ ผมไม่ต้องท่องหรอกครับผมจำได้ ทำไมเดือดร้อนใคร ผมจำได้ ผมพูดเรื่องข้าวผลิตเท่านั้นเท่านี้ หงุดหงิดครับ คนเขียนบทความหงุดหงิด บอกมาก็ท่อง ๆ ก็อธิบายความง่าย ๆ สั้น ๆ ปลูกข้าวเปลือก 31 ก็ใช้ 30 ล้านตันต่อไป ผลิตออกมาเป็นข้าวสารมีเศษเอาเป็น 20 ล้านตันต่อปี ขายไป 9 กิน 9 แล้วก็เก็บไว้ 2 กันสำหรับความมั่นคง ตัวเลขอย่างนี้ฟังเข้าใจ อธิบายเข้าใจ ถึงบอกประเทศไทยไม่ประกาศงดการส่งข้าวออก ไม่ประกาศ เสียเหลี่ยม เสียชื่อ
ปัจจุบันเกษตรกรไทยสามารถปลูกข้าวได้ปีละ 3 หน
จะอธิบายให้ฟังด้วยว่า ข้าวแต่ก่อนนี้ปีละหน ต่อมาปีละ 1 หน คือปลูกเดือนธันวาคมเสร็จก็ปลูกมกราคมไปถึงพฤษภาคมเกี่ยว ภาษาฝรั่งว่า 2 crop ทำข้าว 2 หนเพราะมีน้ำ แต่ก่อนเขื่อนภูมิพลไม่มี เขื่อนสิริกิติ์ไม่มี เดี๋ยวนี้มีครับ เพราะมีถึงได้ทำข้าว 2 หน และพอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ทำข้าว ทำอย่างไรครับ 5 หนใน 2 ปีก็นับว่าโก้ เดี๋ยวนี้เขาทำข้าว 3 หนครับ ใครจะทำไม 105 วัน เอา 3 คูณดูสิครับ ได้ 315 ลองหักลบเหลือ 50 — 51 51 เอางานได้ 17 วัน พอเกี่ยวเสร็จเรียบร้อย เขาใช้คนเกี่ยวไหมครับ เขาใช้เครื่องจักรเกี่ยวครับ คันหนึ่ง 2 ล้านบาท แล่นเกี่ยวใส่ถุงโยน ๆ เหมือนอุตสาหกรรมเลยครับ เสร็จเรียบร้อยแล้วภายใน 17 วันต้องไถต้องหว่านต้องทำ...คิดเองหรือ ไม่หรอกครับ เขาอยู่ที่โน่นที่ไร่ของโกพงษ์เขาซื้อมา 1,000 ไร่เขาตัดครึ่งทำ ที่นั่นหน้าน้ำ ๆ หลาก น้ำไม่มีน้ำติดอยู่ก้นคลอง นั่นละครับแม่น้ำที่ไม่ยอมให้ทำเขื่อนนั่นละครับ เขาซื้อมา 1,000 เขาเอา 500 เขาดันดินมาเป็นกำแพงสูง 4 เมตร เหมือนรถวิ่งอยู่ข้างบน และหน้าน้ำมาน้ำแช่อยู่ครึ่ง 2 เมตรเขาก็ปลูกข้าวได้ น้ำแล้งมาเขาก็สูบน้ำจากแม่น้ำยมเอาไปปลูกข้าว ปีละ 3 หนครับ ถ้าใครต่อใครทำอย่างที่โกพงษ์ทำมันก็ออกได้ปีละ 3 หน 3 เดือนออก ๆ แต่จริง ๆ แล้วข้าวที่บอกไม่ต้องประกาศนั้น ไม่ใช่อีก 4 เดือนออก อีก 3 เดือนออกครับ มันออกทุกวัน เกี่ยวทุกวันครับ วันไหนฝนตกก็หยุดเกี่ยว ฝนไม่ตกก็เกี่ยว ใช้เครื่องอะไร เครื่องใหญ่ ๆ ราคา 2.7 ล้านบาท — 2.8 ล้านบาท เขาทำ 850,000 บาท อาชีพรับจ้างเกี่ยวข้าว ตีนตะขาบสแตนเลส น้ำก็มีแต่เกี่ยวได้เดี๋ยวเอาไปตากข้างบน
ระบบชลประทานเก็บน้ำช่วยเพิ่มผลผลิตข้าว
ตามดูมาหมดแล้วครับ แต่ก่อนนี้ข้าวถ้าสีเหลือง ข้าวสีเหลืองอร่ามที่ทุ่งรวงทอง เดี๋ยวนี้ไม่มีครับ ธรรมดาถ้าเดือนมิถุนายนก็สีตองอ่อนตกกล้า เสร็จเรียบร้อยแล้วกล้าชี้เด่ไป ไม่ช้าหน่อยก็เขียวเข้มเดี๋ยวก็ข้าวตกท้อง แล้วก็ข้าวสีเหลือง ทั่วประเทศเป็นอย่างนั้นหมด เดี๋ยวนี้ไม่มีหรอกครับ สีมองจากเครื่องบินเหมือนช้ำเลือดช้ำหนอง ตรงนี้สีตองอ่อน ตรงสีเขียวอ่อน ตรงนี้สีเขียวเข้ม ตรงนี้กำลังตั้งท้อง ตรงนี้สีเหลืองแล้วจะเกี่ยวได้แล้ว มี 3 — 4 สีอยู่ในไร่นา เจ้าของเดียวกันนั่นละครับ เป็นตรงนี้เก็บตรงนี้ไถตรงนี้คราดตรงนี้ ทั่วประเทศทำกันอย่างนี้หมดครับ เพราะระบบชลประทานครับ ระบบที่เก็บน้ำเอาไว้ แต่ก่อนน้ำท่วมก็ไหลลงไปหมด ก็นั่งแล้งหน้าแหงรอฝนรอฟ้า ต้องปลูกข้าวยาว 1 เมตร หน้าน้ำมาข้าวหนีน้ำวันละ 1 เซ็นฯ นั่นละครับ เดี๋ยวนี้ไม่ต้อง เขาสูง 50 เซ็นฯ สูงหน่อย 60 เซ็นฯ และล่าสุดที่ผมเคยได้ยิน จาก 105 เหลือ 100 วัน เหลือ 95 วัน เหมือนที่เขาเลี้ยงไก่ แต่ก่อนเขาเลี้ยงใหม่ ๆ 56 วันจับ ต่อมา 45 วันจับ เดี๋ยวนี้ 35 วันจับครับ ข้าวก็เหมือนกันครับ แล้วผลผลิตก็ได้มากขึ้น
ยืนยันข้าวไม่ขาดตลาดประชาชนอย่าวิตก
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเราถึงว่าเราก็ดูตลอด กำลังนี้จะให้เขารายงานตลอดว่าทั้งหมดผู้ว่าราชการจังหวัดต้องรู้ทั้งจังหวัด นายอำเภอต้องรู้ทั้งอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้านรู้ทั้งตำบล จะต้องรู้เลยครับว่าในเวลาเท่าไรใครจะเกี่ยวเท่าไร จะเก็บเท่าไรแล้วจะพูดได้ ของพรรค์อย่างนี้ไม่ใช่ชั้น 1 ไม่ใช่ข้าวนาปี ข้าวนาปีนั้นส่งออกแน่นอน ข้าวนาปรังที่คุณภาพดีถ้าความชื้นไม่ถึง 14 เปอร์เซ็นต์ก็จัดการได้ ส่งออกได้ เขาต้องการ 25 เปอร์เซ็นต์ก็มี 5 เปอร์เซ็นต์ก็มี คือว่าหวังข้าวนาปีก็ทำสิครับ แต่เดี๋ยวนี้ข้าวนาปีไม่ต้อง 5 — 6 เดือนอย่างที่ว่าแล้ว ข้าวนาปีจะสั้นลงไปกว่า คือปลูกถี่ถ้วนกว่า การเก็บเกี่ยวมาตรฐานกว่า ทั้งหมดมีหลายระบบครับ เพราะฉะนั้นอย่างไรก็ไม่ขาด แต่นี่ไม่รู้จะเรียกว่าหน้าอะไร ไปซื้อกันจริงวิตกทุกข์ร้อนเคยซื้อ 1 ซื้อ 5 เคยซื้อ 2 ซื้อ 10 ดูมันโก้เก๋เหลือหลาย เอารถไปเข็นจับใส่ ๆ มีสตางค์ซื้อไปเก็บ ผมอยากให้ข้าวลงราคาให้ต่ำกว่า ดูสิจะอย่างไรไหม ซื้อไปตอนนี้ 200 กว่าบาท ถ้าออกมาเหลือ 150 บาทดูสิจะทำอย่างไร ไม่น่าจะต้องขนาดนี้เลยครับ ถ้าคนไทยเป็นอย่างนี้แล้วคนในโลกเขาจะทำอย่างไร
ถูกกล่าวหาว่าไม่รู้จักสำนวนการพูด
พูดถึงตรงนี้ก็มีคนว่ากล่าวผม ว่าพูดจาหยาบคาย ขอบพระคุณอาจารย์สุขุม นวลสกุล เมื่อเช้านี้ได้ยินท่าน ว่าคุณสมัครจะพูดอะไรไป แปลภาษาฝรั่งว่า you ผมใช้คำว่า มึง สำนวนคนธรรมดาเขาใช้คำว่า มึง ก็ว่าพูดจาหยาบคาย อาจารย์สุขุมฯ บอกว่าก็แปลว่า you คนไทยรู้สึกเดือดร้อน กลายว่าไม่รู้จักสำนวนการพูด ผมมือใหม่หัดขับครับ ไม่ได้เกิดมาเป็นนักการทูตมาแล้วเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นไม่รู้หรอกครับ สำเนียงการทูตก็เรียนลัด แต่ไปทำหน้าที่มาแล้วไปมาแล้ว 7 ประเทศ ยังจะไปอีก 2 ต่อไปจะต้องไปจีนไปญี่ปุ่น ต้องไปยุโรปจะไปอเมริกา ก็มือใหม่หัดขับครับ ผมขับคล่องเข้าก็คงไม่นั่นหรอกครับ แต่สำนวนโวหาร ถ้ามันขายน้ำมันกันบ้าเลือดดุเดือด เห็นไหมครับสำนวนใช้เขาเรียกว่า “มัน” ขายน้ำมันกันดุเดือดเลือดพล่าน
ผมมาลองนั่งคิดดูว่าถ้าผมจะตำหนิเลขาธิการสหประชาชาติที่พูดพาดพิงมาถึงเรา ตำหนิทางพวกประธาน World Bank แล้วจะบอกว่าถ้าคุณท่านขายน้ำมันกันอย่างนั้น แพงอย่างนั้น แล้วพวกผมจะทำอย่างไรครับ พวกผมก็ปลูกข้าวขายแพงบ้าง คุณท่านขึ้นราคาน้ำมันกัน แต่ก่อนนี้บาร์เรลละ 10 เหรียญสหรัฐฯ เดี๋ยวนี้บาร์เรลละ 117.62 เหรียญสหรัฐฯ แล้วคุณท่านขายกันอย่างนี้แล้วพวกกระผมจะทำอย่างไร ต้องพูดอย่างนี้หรือครับ เราจะตำหนิใครมานั่งพูดดัดจริตใช้ถ้อยคำอย่างนี้ ขอประทานโทษเขาบอกไม่อยากให้ผมพูดคำว่าดัดจริตบ่อย เอาละครับก็อยากจะบอกวันนี้ เขายกป้ายว่าเหลืออยู่ 10 กว่านาที ความจริงมีเรื่องอื่นอยู่แต่ผมคิดว่าคุยแล้วก็ให้ได้เรื่องได้ราวสักหน่อย เหลือเวลาตอบคำถามหน่อยเพราะว่าถูกต่อว่าไม่ตอบคำถาม
ASTV กล่าวหาพาดพิงนายกรัฐมนตรีกรณีช่อง 11 เสนอข่าวเนปาลเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์
ก่อนจะตอบคำถามเอาคำถามที่ผมตั้งใจจะมาตอบก่อน โดยไม่ต้องอ่าน โทรทัศน์ช่องที่ชื่อว่า ASTV ใครต่อใครก็ดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ก่อนนี้พูดจาทำอะไรได้ดี ศาลท่านก็คุ้มครองบอกว่าไม่ได้ ยังไม่ต้องเลิกทีวีนี้ ศาลท่านคุ้มครอง ท่านก็ออกอากาศกัน ระยะ 3 เดือนนี้ด่าผมทุกวัน ด่าหยาบด่าคายด่าเสียด่าหาย พูดจากันผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้างนั่งด่ากันทั้งวันครับ ที่สุดท้ายด่าว่าอย่างไร ด่าคุณจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกข้อกล่าวหาด้วย มาดูแลช่อง 11 ช่อง 11 นี้ประพฤติรายการเอาข่าวเกี่ยวกับเนปาล ซึ่งเขาเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วเขาก็เลือกตั้งกันใหม่ เอาข่าวมาลง มีดนตรีประกอบหน้าประกอบหลัง ตั้งข้อกล่าวหาเลยครับ ว่าสถานีช่องนี้เป็นอย่างไร ทำไมจะต้องเอาข่าวนี้มาเน้น มาพาดพิงมาถึงผม นายสมัครฯ เลือดสีน้ำเงิน อะไรกัน ดูจัดการว่าอย่างไร ผมก็ตรวจสอบไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ไม่ใช่โทรทัศน์ช่องนี้เขาทำ มันข่าวต่างประเทศ เขาทำของเขาก็ต้องมีดนตรีหน้าดนตรีหลัง เขาถือว่าเขาตื่นเต้น เขาก็ทำข่าวนี้มา ใครก็ใครก็ออกอากาศ ช่องออกอากาศไม่ดูมาดูช่อง 11 หาว่าช่อง 11 เน้นเรื่องข่าวล้มสถาบันพระมหากษัตริย์เนปาล ทำเป็นข่าว
กลายเป็นคนสถานีนี้ไม่จงรักภักดี จักรภพ เพ็ญแขโดนเข้าไปด้วย ว่าง ๆ สินายคนหนึ่งไปเดือดร้อนเรื่อง ไปจัดการโยกย้ายกรรมการตรงโน้นเข้า เสียหาย หัวเถิกนั่นละครับ ออกข่าวแส่จริง ๆ กลายเป็นว่าเวลานี้ช่องนี้ไม่จงรักภักดี จักรภพฯ โดนคดีตำรวจไปแจ้งความ ไปพูดจาปาฐกถา ผมอ่านแล้วครับไม่มีอะไร หัวเถิกนี่เอาเดี๋ยวจัดการ ซ่อก ๆ แซ่ก ๆ ไปถึงโน่นถึงนี่ เดี๋ยวนี้ผมโดนเข้าด้วยแล้วครับ แต่ก่อนนายกฯ ทักษิณฯ ไม่จงรักภักดีพระราชวงศ์ เดี๋ยวนี้นายสมัครโดนด้วยแล้วครับ สถานีนี้ละครับ ASTV นี่รวบหัวรวบหางเหมากันแล้ว เหมากันตรงไหน เหมาตรงว่าผมช่วยดูแลนายกฯ ทักษิณฯ เพราะฉะนั้นนายสมัครก็ด้วย ถามเลยว่าเลือดสีน้ำเงินจริงหรือเปล่า จะอะไรกันนักกันหนาครับ ฆ่าเขาไม่ตาย ขายไม่ขาดจะเอาผมด้วยนะครับ เจ้าหัวเถิกนั่นละครับ แส่ไปตามโน่นตามนี่ ไปถามข่าวอีกแล้ว เริ่มเป่าข่าวอีกแล้ว ว่านายสมัครไม่จงรักภักดีพระราชวงศ์ จะต้องให้ท้าทายกันขนาดไหนครับ ตัวเองน่ะส่องกระจกดูตัวเองหรือเปล่า เข้าไปอยู่ใกล้ชิด เสร็จแล้วก็ทำอย่างไร เกลียดชังเสียหายผลประโยชน์ส่วนตัว
ผมไม่ออกชื่อครับ อย่างนี้ใช้ไม่ได้ บ้านเมืองไม่มีวันสงบหรอกครับถ้ามีคนพรรค์อย่างนี้อยู่ เดินหน้ามาถึงป่านนี้ ปฏิวัติรัฐประหารเลิกกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตกลงแล้วจะทำบ้านเมืองอย่างไร ทำกันจนถึงป่านนี้แล้วจะได้ตั้งหน้าตั้งตา ไม่ได้ ไม่ได้ละครับยังจะเอากันอีกแล้ว ตอนนี้จะเอานายสมัคร จะแซะออกด้วย อะไรกันนักหนาครับ ความเจ็บช้ำน้ำใจนักหนาผมไปทำอะไรอย่างไร คนอย่างผมนี่หรือครับไม่จงรักภักดีพระราชวงศ์ ก็ลองดูก็แล้วกันครับ ผมประกาศท้าทายเลยก็แล้วกัน เริ่มโครงการแล้วจะแซะผมเหมือนกับแซะทักษิณ เอาเลยลองดูต้องท้ากันเลยว่าเอาดูสิเป็นอย่างไรกัน ตัวเองนั้นส่องกระจกดูเสียก่อน พวกทั้งหลายทั้งปวง ตอบคำถามก่อนเดี๋ยวจะว่านั่นมากเกินไป
ตอบคำถามประชาชน
คำถาม ขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยเรื่องหนี้เกษตรกรว่ามีทางไหนจะช่วยผ่อนผันได้บ้าง
นายกรัฐมนตรี เขามีครับ เขามีปัญหากันอยู่ กระทรวงการคลังกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขากำลังจะไปช่วยจัดการแก้ไขกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็อยากจะเอาเรื่องนี้ไปดำเนินการ กระทรวงการคลังก็บอก กระทรวงการคลังไปดูนะ ผมจะไปดูให้ครับเรื่องหนี้เกษตรกรกระทรวงไหนจะเป็นคนทำ
คำถาม ให้ดูราคาอ้อยจาก 700 บาทต่อตันเพราะยังขาดทุน
นายกรัฐมนตรี ผมคุยให้ฟังแล้วเมื่อสักครู่นี้เรื่องอ้อย
คำถาม น้ำตกจังหวัดนครนายกสามารถจะเก็บไว้ในระบบชลประทาน ขอให้ใช้ประโยชน์ไม่ต้องขาดแคลนน้ำ
นายกรัฐมนตรี ผมทราบครับเรื่องนี้ แต่ก่อนนี้เขาเรียกว่าคลองท่าด่านครับ เดี๋ยวนี้ชื่อพระราชทานชื่อว่า เขื่อนขุนด่านปราการชล ไปดูแล้วครับ น้ำลงมาจากข้างบนจากน้ำตกเหวนรก 120 เมตรลงมาลงคลองท่าด่าน แต่คลองยาว 8 กิโลเมตรเท่านั้น หน้าก็กว้างไม่มาก แต่ว่าได้ยกเขื่อนขึ้นไปสูงมาก น้ำก็มาเก็บ เห็นด้วยครับที่จะต้องใช้น้ำที่นครนายกอย่างถี่ถ้วน
คำถาม ช่วยจัดการเรื่องค่าครองชีพหน่อย สูงมาก
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้กำลังดำเนินการอยู่ แต่ว่าไม่อยากพูด ดำเนินการแล้วให้ได้ประโยชน์เลย ผมพยายาม
คำถาม ถนนผสมโฟมที่เคยพูดไว้ 5 ปีก่อน
นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ผสมโฟมครับ เขาบอกว่าที่ที่มันเป็น soft spot แต่ก่อนนี้ที่ที่ใส่ลงไปแล้วหายดิน เอาทรายใส่ เอาอะไรใส่ เอาลูกรังใส่ มันปลิ้นไปหมด แต่ก่อนนี้เขาเอาขี้เถ้าแกลบปนกับปูนขาวทำใส่ลงไปแล้วไปอัดอยู่ น้ำหนักไม่มาก แต่มันกดไม่ลง แต่เดี๋ยวนี้ขี้เถ้าแกลบหายาก ปูนขาวก็หายาก ก็บอกว่าโฟมสุดท้ายที่ใครบอกไม่ละลายไม่เสียหาย ก็เอาไป crush ไปปั่นแล้วเอาโฟมใส่ ไปเทเป็นกระบะรอง เหมือนเป็นเรือครับ แล้วเอาโฟมลงไปอัด แล้วพวกลูกรัง ดิน ใส่ข้างบน พอหน้าแบนกดเท่าไรก็ไม่ลง อย่างนี้ soft spot ก็หายไป ถนนแบบนี้ไม่ใช่เอาโฟมไปสร้างถนนครับ เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเรื่อง soft spot
คำถาม แนวการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาครู นโยบายอย่างไร
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ขอให้ทางการศึกษาเขาคุยเองนะครับ ผมไม่เชี่ยวชาญและตอบคำถามอย่างนี้ไม่ได้ครับ
คำถาม ให้แสดงความเห็นเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หน้า ม.ธรรมศาสตร์
นายกรัฐมนตรี ผมคงไม่อยากแสดงเท่าไรครับเรื่องนี้ เพราะเหตุว่าที่เขาแสดงกัน คนที่เกี่ยวข้องทางฝ่ายผมที่เขาออกไปเย้ว ๆ เขาเป็น ส.ส. ด้วย ผมบอกให้ทางโน้นเขาทำ พรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส. ไปขึ้นเวทีด่าทอว่ากล่าว ก็ให้ว่าไป แต่ทางเราไม่เอาด้วย ก็อย่างนี้ครับ วันนี้ก็เกิดจะประชุมกันที่โรงแรมรอยัล เพื่อจะเอาชนะกัน ทางโน้นเขาประชุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ ทางนี้จะประชุมโรงแรมรอยัล เสร็จแล้วเวลาเขาประชุมทางนี้ก็ไปล่อ ๆ กัน แล้วก็ขว้างกันไปขว้างกันมาคิ้วแตก ไม่ทราบจะทำอย่างไรครับ แต่ว่าเนื้อหาที่มีการพูดจากันมีพาดพิงถึงใครต่อใคร คนดัง ๆ เชิญคนดัง ๆ ไปนั่งประดับครับ แล้วคนดัง ๆ ก็ขึ้นไปพูด คือพูดง่าย ๆ ว่าต้องการจะจุดชนวนอีก แล้วคิดว่าชนวนที่จุดนั้นทหารจะทำปฏิวัติอีก ก็คิดกันอย่างนั้น ก็คิดไปเถอะครับแต่ผมบอกว่าคงยาก ไม่มีเหตุหรอกครับ บ้านเมืองจะเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ดู ถ้าใครเป็นชาวพุทธ พระพุทธเจ้าบอกเลยว่าให้ดูที่ต้นเหตุ ถ้าความทุกข์ของท่านคือว่าพวกนี้ปลุกระดมกันไม่หยุด จ่อชนวนกันจะให้เกิดแล้วเอาข่าวออกไปอะไรต่าง ๆ นั้น ถ้าจะดับชนวนนี้ต้องไปดูว่าเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ คือการปลุกระดมนี่เอง แล้วเขาต้องการอะไร เห็นอยู่ชัด ๆ ครับ เห็นอยู่ชัด ๆ เลยว่าต้องการจะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนเสียหาย ความเกลียดชังนายกฯ ทักษิณฯ ยังไม่หมด สะสมกันมา ยังมีไกลกว่านั้นอีกครับ
มีคนถามผมบอกว่า นี่คุณสมัครแล้วตกลงเรื่องยุบพรรคคุณไปแค่ไหนอย่างไร ผมจะบอกให้ฟังนะครับ เรื่องยุบพรรคก็ทำไปเถอะครับ ยงยุทธ ติยะไพรัช โดนใบแดงใบที่ 1 ไปแล้ว จะต้องไปขึ้นศาลฎีกา บัดนี้คดีกำลังจะขึ้นศาลฏีกา ศาลฎีกาจะว่าอย่างไรยังไม่ทราบ แต่เขามีกันเหนียวครับ จะต้องโดนใบแดงใบที่ 2 ใบแดงใบที่ 2 เป็นอย่างไรครับ มีทหารเป็นพลเอกนะครับ ไม่ได้ลงเลือกตั้งไม่ได้เกี่ยวกับเลือกตั้ง อยู่กรุงเทพฯ ด้วย แต่ว่าไปฟ้อง กกต. บอกว่า ยงยุทธ ติยะไพรัช เวลาหาเสียงพูดจาไปพาดพิงกล่าวหาว่าทหารที่ในเชียงรายไปค้นบ้านราษฎร ไปทำอะไรราษฎร เขาตั้งข้อกล่าวหาว่าไปพูดจาอย่างนี้ทำให้ราษฎรเข้าใจผิดในการลงคะแนน กกต.มี 5 คนครับ คนที่มีหน้าที่ตรวจสอบส่งไปตรวจสอบ เป็นความจริง 1 — 2 — 3 — 4 — 5 มีการไปค้นจริง ไปอะไรกันจริง จริงตามที่พูด เขาก็เอามาปราศรัย ปรากฏว่าเขาก็รายงานกลับมา อนุกรรมการรายงานกลับมาว่าจริงตามที่เขาพูดเลย ไปค้นกันจริง ๆ คือไปจัดการทำอะไรให้ราษฎรตื่นเต้นเสียหาย เขาก็เอามาปราศรัย
ไม่น่าเชื่อครับ นี่ใบแดงใบที่ 2 ยงยุทธ ติยะไพรัช จะต้องโดนใบแดงใบที่ 2 เพราะว่าใบแรกอาจจะไม่สำเร็จ จะเอาใบนี้ให้ได้ นี่แปลว่าอย่างไรครับ แปลว่าต้องเอากันให้ตายนะครับ นี่ผมพูดตรงไปตรงมา และผมมีหน้าที่เพราะผมอยู่พรรคพลังประชาชน แล้วคนที่เป็นประธาน ประธานรัฐสภาเวลานี้ต้องไปขึ้นศาล ประธานรัฐสภาเป็นหัวหน้าของฝ่ายนิติบัญญัติ จะต้องไปขึ้นศาลเป็นจำเลยโดยฝ่ายตุลาการเป็นคนตัดสินดู ผมเองก็เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ก็สงสารเหมือนกันครับ กำลังนี้ทั้งบริหาร ทั้งนิติบัญญัติ ใครว่าถ่วงกันไปถ่วงกันมา ไม่ถ่วงหรอกครับ เพราะเขาจัดการทำให้ เอาไปส่งให้ศาลท่าน ถ้าศาลท่านพิจารณาตามกฎหมายที่ทำไว้ก็เสร็จครับ ก็แปลว่าเลือกตั้งมา ราษฎรเลือกตั้งมา เลือกมาเป็นหัวหน้าฝ่ายนิติบัญญัติก็ไปโดนคดีความที่เขาต้อนไว้ แล้วทางฝ่ายตุลาการก็ต้องวินิจฉัยตามที่เขาทำกฎหมายไว้ หัวหน้าฝ่าย ฝ่ายผมเป็นฝ่ายบริหาร ที่คุณชวนฯ (นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี)ท่านนินทานั่นหละครับ ก็คงไม่พ้นหรอกครับ ถ้าหากเป็นอย่างนี้ เพราะว่าหัวหน้าฝ่ายไม่มีอะไรคุ้มครองเพราะว่ากฎหมายเขาเขียนไว้ ถ้าขึ้นไป ถ้าศาลใช้ตามกฎหมาย ก็เสร็จ ก็ปรากฎว่าบ้านเมืองของเราเป็นอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร แล้วถ้าหากว่าไม่ปรารภเป็นอย่างไร หัวหน้าฝ่ายบริหารมีโอกาสคุย ผมต้องคุยตรงนี้ละครับ ใครจะว่าเอารัดเอาเปรียบอะไรต่าง ๆ เอาเอกชน คนมาเอาเอกชนด่าหัวหน้ารัฐบาลด่าได้ หัวหน้ารัฐบาลมีรายการออกโทรทัศน์ ท่านบอกไม่ได้ ใช้สถานีโทรทัศน์ไปว่าคนอื่น แต่คนอื่นใช้เอกชนด่าผมได้ ไม่ยุติธรรมหรอกครับ
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เล่าให้ฟังว่า งานของคนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น งานก็ทำครับ แต่ขณะเดียวกันปากไม่หุบอยู่เฉย ๆ หรอกครับ ต้องป้องกันครับ ต้องชี้แจงให้คนเห็น เป็นหัวหน้า 1 ใน 3 อำนาจ แต่ก็ต้องถูกอำนาจหนึ่งเป็นคนวินิจฉัย เพราะเขาสร้างขบวนการเอาไว้ให้ต้องเป็นอย่างนั้น เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารแต่ก็ต้องถูกอีกอำนาจหนึ่งจัดการวินิจฉัย เพราะเขียนไว้อย่างนั้น แต่สื่อสารมวลชนเขียน ทำผิดกฎหมายแก้กฎหมาย ถ้ากฎหมายผิดละครับ ไม่ร้องทุกข์ไม่บอกกัน ถ้ากฎหมายผิด คิดกันว่าทำผิดแล้วไปแก้กฎหมาย คนพวกนี้ประหลาดครับ ไปนั่งอ่านบทความเสร็จ วันก่อนบอกแล้วว่านั่งเครื่องบินมา เครื่องบิน 777 เครื่องดีแต่เกิดอาการอยากจะอ้วก เพราะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์มาทั้งปึก อ่านไป ๆ เครื่องบินดีแต่ที่อ้วกไม่มี ไม่ได้ดัดจริตพูดนะครับ ผมพูดจริง ๆ เลยว่า เขียนดุด่าว่ากล่าวกัน ต้องขออภัยบรรดานักวิจารณ์ทั้งหลายครับ รายการสนทนาประสาสมัคร ยังต้องมีอยู่ต่อไป ตราบใดยังเป็นหัวหน้ารัฐบาลอยู่ จะได้ทำไปอย่างไรสุดแท้แต่
สงสารนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปต่างประเทศ ไปคุยทำโรดโชว์อธิบาย ข่าวเอิกเกริกนี่ครับ ตกลงจะยุบไหม พรรคจะยุบไหม ตกลงว่าเป็นอย่างไร ปลุกระดมกันอีกแล้วหรือ ทหารจะปฏิวัติอีกแล้วหรือ ปลุกระดมจริงไหม จริงครับ ทหารจะปฏิวัติไหม ก็เขาแสดงว่าไม่ปฏิวัติ ออกข่าวกันอย่างโน้นอย่างนี้ คนนี้ ๆ คุม คนนี้ไม่ได้ ออกข่าวกันเลย คนนี้มีตำแหน่งแต่คุมไม่ได้ เพราะลูกน้องจะปฏิวัติ อย่างนี้ก็มีครับ ออกใบปลิวกันทำให้เสียหาย ว่ากล่าว แล้วทำอย่างไรครับบ้านเมืองอย่างนี้ ไม่มีวันจบ ครับ ยังไม่มีวันจบครับ วันอาทิตย์หน้า 08.30 น. ผมจะมาคุยอีก ทั้งเรื่องการงานที่ไปทำ เรื่องงานที่รับผิดชอบ และแน่นอนครับ ถ้าปัญหาของบ้านเมืองมีด้วยการปลุกระดมทำให้คนเข้าใจผิดกันอย่างนี้ เป็นหน้าที่ของผมต้องชี้แจงให้คนเข้าใจถูก บ้านเมืองเรายังดีครับ ยังเรียบร้อยยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่ลองคิดสิครับว่าใครที่ก่อเหตุทำให้บ้านเมืองยุ่งยาก ใครที่ต้องการเอาข่าวออกว่าปลุกระดมกันอีกแล้ว รัฐบาลเลวอีกแล้ว หัวหน้ารัฐบาลชื่อนายสมัคร สุนทรเวช เป็นคนไม่จงรักภักดีพระราชวงศ์มาอีกแล้วครับรายที่สอง ผมไม่ยอมหรอกครับ เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องสู้กัน สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
------------------------------------------
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ รายการสนทนาประสาสมัคร อย่างที่ผมขอให้เขาโฆษณาไว้ ส่วนมากเขาจะโทรศัพท์มาถามวันพุธว่าหัวข้อสนทนาวันนี้คืออะไร ผมก็ยังไม่หัวข้ออะไรนักหนา ผมก็บอกว่า บอกไปแล้วกันว่าขออภัยบรรดานักวิจารณ์ทั้งหลาย รายการสนทนาประสาสมัครยังคงมีอยู่เหมือนเดิม คือวิพากษ์วิจารณ์กันเหลือเกินนะครับว่ากล่าว เหมือนกับว่าถ้าเลิกรายการนี้เสียได้ นักวิจารณ์ทั้งหลายคงจะมีความสุข ผมก็ไม่มีโอกาสไปทำโพลล์ทำอะไรกับเขาตรวจสอบ แต่ว่าในโพลล์หาว่าผมพูดคำหยาบ จะตรงไหนละครับ ช่วยยืนยันมาหน่อยในรายการนี้ คำหยาบอยู่ตรงไหน
มาเลเซียปลูกปาล์มเพิ่มพื้นที่สีเขียว
วันนี้จะเริ่มรายการด้วยการเล่าให้ฟังถึงเรื่องไปมาเลเซีย ก็เป็นประเทศที่ 7 เหลืออีก 2 ประเทศยังไม่ได้ไปเยี่ยมเขา พอไปมาเลเซียแล้วก็เรื่องราชการงานเมืองธรรมดาไม่ต้องนั่นละครับ การต้อนรับก็เรียบร้อยดี แต่ที่น่าประทับใจของเขาคือตั้งแต่ก่อนเครื่องบินจะลง ก็ได้ดู ไม่น่าเชื่อ ทำไมเขียวชอุ่มไปหมด ลงไปใกล้ ๆ ก็เห็นเขียนว่าต้นปาล์ม สมัยก่อนไปมาเลเซียเขียวเพราะต้นยาง เดี๋ยวนี้ปาล์มครับ ประมาณสัก 70 กิโลเมตร เครื่องบินทอดลงไปแล้วดู เขียวชอุ่มหมดเลยครับ เขาปลูกปาล์มเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่เขียวเข้ามาในเมืองแล้ว เขาก็ยังเขียวอยู่ คุยกับรัฐมนตรีได้ความว่าป่าของเขาเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ ของเราเหลือ 17 เปอร์เซ็นต์ เห็นเขาแล้วก็เลยได้คุยกันเรื่องต้นน้ำลำธาร เขาเอาใจใส่ครับ เรื่องป่าเรื่องอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ชายเลนของเขา เขาทำเลยเขาดูแลหมดเลย ก็ได้ฟังของเขาแล้วก็มานั่งคิด ของเราเหลือ 17 เปอร์เซ็นต์ ของเขามี 50 เปอร์เซ็นต์ แต่เขายังทำอยู่ ยังป้องกันอยู่ ฉะนั้น ของเราเห็นแล้วก็นึกถึงว่าเรื่องป่าต้นน้ำลำธารได้คุยกับผู้คนต่าง ๆ ที่ได้รู้ว่าความแห้งแล้งเป็นอย่างไร ใส่ check dam ลงไป แล้วจะอย่างไร
นำที่ดิน สปก. มาจัดสรรเป็นที่ทำกินและปลูกป่า
กลับมาก็ได้คุยกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา (นายสุธี มากบุญ) เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) ผมไปโคราช ก็นั่งคุยกันถึงเรื่องป่าที่ได้รับทราบมา โคราชไม่มีป่าชายเลนหรอกครับ เรื่องป่าชายเลนเอาไว้คุยกับผู้ว่าฯ คนอื่น แต่ว่าตั้งใจว่าจะต้องดูแลถี่ถ้วนมากกว่าปกติ และต้นน้ำลำธารต่าง ๆ วันนี้ต้องคุยกันเรื่องน้ำเรื่องท่าต่าง ๆ ไม่ใช่วันนี้นะครับ ระยะนี้จะต้องจัดการคุยกันเรื่องนี้ ทีนี้เมื่อไปคุยกับผู้ว่าฯ โคราชก็ได้ความว่า จังหวัดโคราชเขาไม่ได้ถูกผ่า เพราะย่าโมทำให้จังหวัดใหญ่มหึมาอย่างนั้น ไม่ผ่า มีที่ทำกินกี่ล้านไร่ มีอะไรกี่ล้านไร่ ที่น่าสนใจคือเรื่องที่ดิน สปก. เขามีอยู่ประมาณ 2 แสนไร่ กำลังดำเนินการอยู่ ทาง สปก. ก็ดำเนินการ แน่นอนครับที่ดิน สปก. เขาเฉือนออกจากป่าสงวน ออกมาเป็นป่าธรรมดา แล้วใครที่ครอบครองอยู่ได้มากน้อยเท่าไร ต่อไปจะได้ 50 ไร่ตาม สปก. ท่านผู้ว่าฯ ก็ทำแข็งแรงครับ บอกที่เหลือทั้งหมดตรงไหนที่เป็นปัญหาไม่ได้แล้วก็จะปลูกป่า กำลังจะดำเนินการปลูกป่าในส่วนที่เหลือ เพราะฉะนั้น กำลังนี้จะให้ที่ทำกินก็ที่ทำกิน แต่ป่าก็จะต้องปลูก ทำพร้อมกันไปเลย เราไม่ใช่ป่าลึกชัดที่ไหนไม่ต้องไปเอากระสุนไปยิงอะไรกันที่ไหน เอากล้ามาเลยมาเตรียมการกันเลย ไม่ช้าไม่นานจะปลูกป่ากันที่โคราชด้วย และมีที่ทำกินด้วย ได้พูดกันถึงเรื่องอะไรต่าง ๆ คุยกันนานครับ เรื่องต้นหมากรากไม้ และเรื่องต้นน้ำลำธาร
คือคุยกับผู้ว่าฯ จะได้ประโยชน์ตรงนี้ว่า สิ่งที่ได้พูดไว้ดำเนินการไว้ กำลังจะดำเนินโครงการใหญ่นั้น ผู้ว่าฯ ต่าง ๆ นี่ละครับจะให้ข้อมูลท่านบอกอยู่ตรงนั้นมา อยู่ตั้งแต่เป็นรองผู้ว่าฯ เป็นนายอำเภอ จะบอกให้ฟังเลยว่าน้ำที่คิดจะเอามานั้น ท่านบอกถ้าถึงตรงนี้ได้ละก็ ถ้าเราเอาขึ้นไป ถามว่าท่านบอกมาเลยว่าเอาขึ้นมาสูงเท่าไร ที่จะสูบขึ้นไป คือสูบขึ้นไปเติมเท่าไร ท่านบอก 30 กว่าเมตร อย่างนี้ไม่เป็นปัญหา เครื่องสูบทันสมัยที่สุดเดี๋ยวนี้ได้ถึง 55 เมตร และที่สูบกลับสูบอะไรต่าง ๆ ถ้าส่งน้ำไปถึงตรงใกล้ลำตะคอง จะบอกได้ทันทีว่าน้ำที่จะผันมานั้น ถ้าใส่เติมลำตะคองจะช่วยเมืองโคราช และจะออกไปเป็นแขนงหนึ่งของแม่น้ำมูล แม่น้ำมูลลงมา 2 สาขา คุยกับท่านผู้ว่าฯ โคราชก็สนุกครับ ท่านให้ข้อมูลดี เพราะว่าท่านอยู่แถวนั้นละครับ
ต้องเร่งพัฒนาเมืองภูเก็ต
เมื่อคุยกันเรื่องป่าไม้เรื่องอะไรต่าง ๆ แล้ว ก็นึกถึง ผมไม่อ้างผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตนะครับ แต่ว่าคนสำคัญที่เมืองภูเก็ต 2 ท่านแวะมาเยี่ยมผม ไม่น่าเสีย ท่านผู้ฟังผู้ชมครับ เมืองภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวทำรายได้ให้บ้านเมืองไม่รู้เท่าไร ๆ แต่เรื่องนี้เกิดตั้งแต่สมัยผมเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง ก็เคยฟังเรื่องน่าชอกช้ำใจอย่างนี้ คือเมืองเขาทำเขาหารายได้ สมัยก่อนเขามีเหมือง เขาส่งค่าภาคหลวงค่าอะไรต่าง ๆ ต่อมากลายเป็นเมืองท่องเที่ยว เขาส่งรายได้ทั้งหมดเข้า แต่เวลากลับไปพัฒนาน่าช้ำใจตรงไหนรู้ไหมครับ น่าช้ำใจตรงที่ว่าเงินจะกลับไปจังหวัด เข้ามากองไว้หมด แล้วออก 45 เปอร์เซ็นต์ รายได้ 100 ส่งไปพัฒนาท้องถิ่น 45 ดูเหมือนมาก แต่ไปจัดไปซอยไปจัดกันเป็นรายหัวของผู้คน ตกลงคนที่อุตส่าห์ทำงานหนัก และส่งอะไรต่าง ๆ มาให้ กลับไปพอจะพัฒนารูปร่างตัวเองบ้าง ไม่ได้ครับ น้ำประปายังเป็นปัญหาอยู่ ขุมเหมืองที่มาทำไว้ก็ยังไม่เรียบร้อยดี แม้กระทั่งง่าย ๆ อย่างนี้ผมคุยให้ฟัง อบต.เข้าไป เดี๋ยวนี้มี อบต. อบจ.เข้าไป ก็แบ่งกันเป็นสัดเป็นส่วน แม้กระทั่งการคมนาคม รถยังออกไปตามหาดต่าง ๆ เข้าไปตรงนั้นตรงนี้ไม่ได้ ตรงนี้วิ่งต้องโซนนี้ ง่าย ๆ ว่าจะขอรถวิ่งมีอยู่ 10 เที่ยวจะขอเพิ่มเป็น 15 เที่ยว ต้องมากรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ จะพิจารณาช้าอย่างไรไม่ทราบ เขาถามว่าตกลงเมืองอย่างนี้ เมืองพัทยาไม่มีปัญหา รถสองแถว 5 บาท ขอประทานโทษถ้าตัวเลขผมผิด แต่ก่อน 5 บาท ไปไหนมาไหนก็ 5 บาท ยกป้ายไปทางทิศไหน วิ่งทิศไหนก็ 5 บาท สะดวก แต่ปรากฏว่าภูเก็ตไม่เป็นอย่างนั้น เขามีปัญหามาก คนที่มาคุยบอกว่าไม่ได้คิดเปลี่ยนแปลงอะไรหรอกครับ แต่น่าจะพัฒนาเมืองภูเก็ต ผู้ว่าฯ จะอยู่ตรงไหนสุดแท้แต่ แต่น่าจะมีคณะกรรมการบริหารเมือง เป็นทำนอง City Manager หรือมีกรรมการ เขาคิดให้ฟังคร่าว ๆ เขาบอกว่าถ้าหากว่าทางฝ่ายรัฐบาลกลางเอา 5 คน ส่วนภูมิภาค 5 คน ท้องถิ่น 5 คน 15 คนนี้เป็นบอร์ดแล้วพัฒนาเมือง มีปัญหาอะไรบอร์ดตัดสินได้ น่าคิดนะครับ จะเข้าระบบไหนสุดแท้แต่ ผมมีหน้าที่มาคุยเปิดทางไว้ ถ้าผมเจอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ผมเจอใครต่อใคร จะดูสิว่า มันต้องถึงเวลาแล้ว
คำหนึ่งที่ทั้ง 2 ท่าน สุภาพสตรีหนึ่ง สุภาพบุรุษหนึ่ง บอกผม คุณสมัครอย่าหาว่าผมพูดจาไม่ดีไม่งามอะไร แต่ถ้าจะให้เห็นว่าภูเก็ตเป็นอย่างไร เหมือนภูเก็ตเคยเป็นผู้หญิงสวยงาม และไปหากินแบบอย่างว่านั่นละครับ บัดนี้โทรมมากแล้ว อายุก็มากขึ้น รูปร่างก็โทรมมาก แต่จะขอหาเงินหาทองไปตบแต่งอะไรต่ออะไร เหมือนว่าพวกแมงดาเอาเงินไปหมด แล้วไม่มาให้ดูแลผู้หญิง น่าเห็นใจไหมครับ เป็นการเปรียบเทียบที่ ผมคิดว่าดีมากเลย คือมองเห็น ผมไม่เคยเป็นแมงดานะ ผมไม่เกี่ยวข้องวงการ แต่ฟังความหมดแล้ว ผู้หญิงหากินธรรมดาจะต้องโดนแมงดาควบคุม เอาไปหมดข่มขู่ เขาบอกเมืองภูเก็ตมันโทรมอย่างนี้ครับ แล้วต่างคนต่างทำ ทุกคนขีดอาณาเขตของตัวเอง ผมมีหน้าที่มาเปิดประเด็นเปิดรายการ และต้องพูดกันแน่นอน เมืองท่องเที่ยวเขาส่งรายได้ให้รัฐบาล แต่เขาจะตบแต่งพัฒนาเขาไปเข้าโครงการท้องถิ่นจัดการแบ่งปันไป ไม่ยุติธรรมนะครับ เรื่องน้ำท่าเรื่องไฟฟ้า เรื่องการคมนาคมขนส่งต่าง ๆ ไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร โฆษณาชื่อเสียงไปดังไป แต่คนที่เขาอยู่ที่นั่นเขารู้เลยว่ามันแย่ ถ้าไม่มีถึงพรรค์นี้จริง ก็เรียกว่าเป็นรายงานตรงเลยครับจากคนที่อยู่ที่นั่นมาถึงตัวนายกรัฐมนตรี
ผมจะเด้งกลับออกไปให้คนที่เกี่ยวข้องว่าคุยกันหรือยังเรื่องภูเก็ต จะเอากันหรือยัง น้ำท่า ตัวเลขของเขา เขาไม่ได้ทำการบ้านมาคุยนะครับ เขาบอกที่เขื่อนรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) ระยะทางจะห่างไกลเท่าไรอย่างไร แต่มูลค่าเพียง 1,300 ล้าน ที่จะเอาน้ำสด ๆ ที่เหลือที่เชี่ยวหลานส่งไปภูเก็ต พังงา กระบี่ ส่งไปช่วยเมืองตากอากาศอย่างนั้น เขาบอกวางท่อไปได้เลย น้ำเหลือแหล่ เห็นไหมครับ 1,300 ล้าน ผมจะต้องขอดูโครงการ ขอดูลักษณะท่อ ขอดูเส้นทางไป สำคัญที่สุดจะต้องดูระดับ ดู Elevation ว่าเชี่ยวหลานสูงเท่าไร ไปถึงแถวเขาหลัก เข้าไปถึงภูเก็ตเท่าไร ต้องแก้ไขให้เขา ต้องช่วยเขาดู เขาบอกฝนตกก็มี น้ำขุมเหมืองใช้ก็หมด ไม่ได้เท่าที่ควร การพัฒนาสมัยหนึ่งเพื่อนผมก็เคยอยู่ เพื่อนผมเขาไปทำมาหากินที่นั่น เคยทำงานท้องถิ่น เขาบอกมันแย่จริง ๆ จะขอทำนั่นไม่ได้ ขอทำนี่ไม่ได้ เพราะเงินมาตามสัดส่วน แต่มีเท่าไรส่งเข้าไป ๆ สมัยเมื่อ 40 ปีก่อนยังมีค่าภาคหลวงยังมีแร่เข้าไป ก่อนเรื่องแทนทาลั่มจะเผากัน เอาละครับคุยเรื่องที่เขามาร้องทุกข์ให้ฟัง แต่ท่านผู้ร้องโปรดนะครับ ผมจุดชนวนไว้ในหัวใจเท่านั้นละครับ และผมต้องตามไปดูให้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปอีก
รับฟังปัญหาชาวไร่อ้อย
เมื่อไปถึงเสร็จเรียบร้อยก็ไปคุยเรื่องชาวไร่อ้อย เมื่อวานไปพบชาวไร่อ้อย เขามีความทุกข์นะครับ ผมบังเอิญเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่เพราะเคยไปที่โน่นเคยไปเห็น บังเอิญผู้ใหญ่ฝา เมื่อวานนี้เจอหน้ากัน โทรมไปเยอะเหมือนกันครับ ตั้งแต่ยังหนุ่ม ๆ อยู่ แต่ก่อนอยู่กำแพงแสนอยู่เขต 6 เดี๋ยวนี้เป็นประธานสหพันธ์ชาวไร่อ้อย ไม่ทิ้งอาชีพเลยครับ เป็นตั้งแต่ผู้ใหญ่ฝา กำแพงแสน เดี๋ยวนี้ไปเจอบอกว่าเป็นประธานสหพันธ์รับหนังสือมา ความทุกข์ของเขา เมื่อวานพูดยาวพูดกับชาวไร่อ้อย 2 ชั่วโมง น่าเบื่อไหมครับ ไม่เบื่อหรอกครับ เพราะเรารู้ว่าปัญหาของเขาคืออะไร แล้วคุยให้ฟังเสร็จเรียบร้อยเลยว่า รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร ผมเคยเห็นมาตั้งแต่ 480 บาท เดี๋ยวนี้มา 600 กว่า เชื่อไหมครับคนปลูกอ้อย อ้อยก็คาบเกี่ยวคาบลูกคาบดอก 14 เดือน ปลูกข้าว 3-4 เดือน เดี๋ยวนี้ปลูกข้าว 95 วัน แต่ปลูกอ้อย 14 เดือน จะตัดจะเก็บแล้ว ฤดูหีบเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม มกราคม หีบ 3 เดือนเท่านั้น และต้องดูเรื่องความหวาน ดูเรื่องพันธุ์ ดูเรื่องปุ๋ย เขาบอกราคาปุ๋ย 400 กว่าบาทเมื่อไร เดี๋ยวนี้ 1,100 บาท ขึ้นอย่างนี้นะครับ เกือบ 3 เท่า และไหวไหมละครับ
เรื่องน้ำตาลฟังแล้วชอกช้ำใจ ชอบคุยกัน คนคุยโรงงานน้ำตาลมีคณะกรรมการอ้อยน้ำตาล ปอนด์ละ 3 เซ็นต์ ชอบคุย น้ำตาลต้องคิดเป็นปอนด์ เงินคิดเป็นเซ็นต์อเมริกัน แต่น้ำตาลเป็นปอนด์อังกฤษ ปอนด์ละ 3 เซ็นต์ ปอนด์ละ 4 ปอนด์ละ 6 ปอนด์ละ 7 น้ำตาลเท่านั้นต้องเท่านี้ และสร้างระบบกันมีโควตา ก โควตา ข โควตา ค ยุ่งยากสับสนครับ ไม่ยุ่งยากตรงที่เราซื้อน้ำตาลมากิโลหนึ่งนั่งใส่ขวดไว้จนกว่าจะตักกิน ผมบังเอิญเป็นคนไม่กินกาแฟ ก็ไม่ค่อยจะยุ่งยากอะไรกับเขานัก และเป็นคนไม่ชอบหวานจัด ก็ไม่ค่อยยุ่งยากในชีวิต แต่ว่าคนยุ่งยากคือพวกไหน พวกทำขนม ยังไม่เท่ากับพวกน้ำอัดลม เรื่องนี้ครับผมต้องเล่าให้ชาวไร่อ้อยฟังว่า เรื่องทีนี้ทำไมจะไม่เข้าใจ ทำกันบีบกันคั้นกัน จนกระทั่งต้องการให้น้ำตาลกิโลกรัมละ 13 บาท ที่หน้าโรงงาน เดี๋ยวนี้ออกมา 14-15 บาท กว่าจะขึ้น 13-14 บาท และ14-15 บาท ก็ต้องมี 13-14, 14-15 ขึ้นบันไดได้หนเดียวครับ หน้าโรงงานและมาขาย 16.50 บาท จะเป็นจะตายกว่าจะขึ้นได้ เหมือนกับว่าน้ำตาลขึ้นมา 1 บาท ผู้บริโภคน้ำตาลจะตายลงไปในบัดดล ข้าวแต่ก่อนจานละหกสลึง เดี๋ยวนี้เป็นจานละ 3 บาท ก็ยังต้องขอร้องให้กินกันเพื่อให้ชาวนาอยู่ได้ หกสลึงเป็น 3 บาท 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าน้ำตาล 13 บาทกว่าจะเป็น 14-15 บาทแทบตาย ขายปลีก 16.50 บาท ต้องถูกบีบต้องถูกคั้น และเขาเป็นอย่างไร เขายังมีปัญหาอีกที่ไปพบเขาเมื่อวานนี้
อ้อยปีนี้ผลิตได้ 73 ล้านตันอ้อย ใช้ทำน้ำตาล 20 กว่า เหลืออีก 50 ทำอะไร เขาทำเอทานอล ทำแอลกอฮอล์ เขาทำจะเอาไปผสมเพื่อจะช่วยแก้ปัญหาน้ำมันแพง เขาว่ามีการไปล่อแล่เป็นทำนองเหมือนกับว่า ถ้าเป็นเหล้าผสมเหล้าเป็นแอลกอฮอล์เสียภาษีอีก 5.7 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าทำเอทานอลไม่เสียภาษี ก็มีปัญหากับกรมสรรพาสามิต จะไปล่อเขา เขาบอกเขาจะทำเอทานอลอย่างนี้ จะไปทำเหล้า ก็สุดแท้แต่ นี่เป็นเรื่องปลีกย่อย แต่ที่เรื่องสำคัญคือว่าจะปลูกอ้อย เขาต้องมีค่าอะไร สำนวนเขาผมไม่ได้จำมา มีมานานแล้ว ต้องมีความร่วมมือ ต้องมีว่าจะซื้อได้เท่าไร แล้วถ้าซื้อเท่านี้ไม่พอ ต้องเอามาเติม คราวนี้ต้องเท่าไร แล้วเติม 38 บาท ต้องกู้เงินมา ไม่น่าเชื่อนะครับ ไปหวังในอนาคตน้ำตาลได้ราคา กู้เงินมา เดี๋ยวนี้เงิน วงการน้ำตาลเป็นหนี้อยู่ 17,000 ล้านบาท ทำไมครับ ต้องกู้ ๆ มาเพื่อเอาเงินมาเติมให้ค่าอ้อยแพงขึ้น เติมเท่าไรเติมได้ 38 บาท 600 กว่าเติม 300 บาท ก็ 638 บาท แต่ชาวไร่บอกว่าปุ๋ย 400 บาท ขึ้นเป็น 1,100 บาท แล้วจะทำอย่างไร ขึ้นราคาอย่างไรก็ไม่ได้ ไปคิดราคามาเอาแบบชนิดว่าพออยู่ได้ ไม่ร่ำรวย 807 บาท ผมฟังความแล้วผมบอกได้ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เอา 807 บาท เป็นหลัก เข้าไปจนถึงราษฏรอีกกลุ่มดูที่ตีบันได 807 บาท เข้าไปข้างหน้าบอกว่าต้อง 1,000 บาทถึงจะพอเงยหน้าอ้าปาก บอกตกลง ก็รับฟังดู ไปถึงหน้าประตูจะเข้าไป ชาวไร่อ้อยอยู่ได้ขอ 1,200 บาท อยู่เป็นบันไดขั้น ๆ อย่างนั้น ต้องฟังหูไว้หูนะครับ นั่งคุยกับเขา 2 ชั่วโมง เขามีนะ คนนั้นตอบคำถาม คุณตอบคำถาม
ทำระบบน้ำหยดเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยต่อไร่
บางตัวอย่างผมยกตัวอย่างให้ฟัง บอกชาวนาเขาผ่อนข้าวเวลานี้ ถ้าเกิดสูงสุดเคยได้ไร่ละตัน คือชาวนาธรรมดามาตรฐาน 400 กิโลกรัม เดี๋ยวนี้ถึง 1 ตันคือ 1,000 กิโลกรัม เดี๋ยวนี้ข้าวโฮบริดจ์ที่เขาว่า 2,000 กิโลกรัมคือไร่หนึ่ง 2 ตัน เขาเพิ่มผลผลิตเท่าตัว อย่างนี้ราคาเขาต้องช่วยกันดีแน่ ถามอ้อยเพิ่มได้ไหม ยังจะต้องทำอย่างไรรู้ไหม ต้องไปเอาพันธุ์ก่อน ต้องทำระบบน้ำหยด บอกเอาละตอบมาทีสิว่าอ้อยพันธุดีแล้ว ความหวานมาตรฐาน เอาน้ำหยดที่ว่านี้ น้ำหยดจะต้องไปกู้เงินมาพันล้าน บอกว่าไม่ต้องเอาละ ทำเท่าไร เพิ่มได้เท่าไร ธรรมดาไร่หนึ่ง 6-7,000 1 ไร่ได้อ้อย 6,000-7,000 บอกพูดง่าย ๆ เลย ถ้าทำน้ำหยดพันธุ์ดีแล้วเท่าไร เพิ่มได้ครึ่งหนึ่ง คือสมมติถ้าเผื่อว่า 7 ก็เพิ่มไปอีก 3.5 ก็เป็น 10 กว่า ผมบอกถึง 8 บางคันตัดได้ 800 ถ้า 800 เพิ่มได้ครึ่งเท่า แปลว่าขึ้นอีก 400 ก็เป็น 1,200 อย่างนี้ถ้าหากว่าได้อีกครึ่งหนึ่ง เวลานี้ถ้าหากว่าเงินจริง ๆ ได้ 807 บาท ถ้าหากว่าอ้อยผลิตขึ้นมาแล้ว ได้มากกว่าที่เก่าอีกครึ่งหนึ่ง แสดงว่าได้ 1,200 อย่างที่ต้องการ ก็บอกว่าเหมือนกับตะเอาไว้ก่อน เอาละรับเรื่องนี้ทำอย่างไร แต่ผมรับรองบอกว่าชาวไร่มาบอกว่าผมจะต้องไปหาพันธุ์มา เอา 1 มาปลูกมาต่อ 10 เอา 10 ไปแจก บอกไม่ต้อง ตรงนี้หัวหน้ารัฐบาลจะรับเรื่องนี้ไปดูเลยว่า คุณเป็นชาวไร่ แต่ทางราชการต้องช่วยพัฒนาที่ดินต่าง ๆ อย่างกับที่ทหารอากาศ กำแพงแสน ทหารอากาศทำสนามบินใหญ่ ที่เหลือเขาให้ราษฎรเช่าปลูกอ้อย ผมบอกที่อย่างนี้มีมากมาย หน่วยราชการที่รับผิดชอบคุณต้องไปผลิตพันธุ์ เหมือนที่คลังข้าว ข้าวนี่กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว เขาผลิตข้าวพันธุ์ กี่แสนตัน ๆ เขามีเอาไว้ขายชาวนาเลยครับ ต้องผลิต อ้อยไม่มีการทำอย่างนี้ ให้ราษฎรไปทำเอง เห็นไหมครับ จะหยดไหมหยด จะทำอย่างไร ต้องเอาพันธุ์อ้อยที่ไปปลูกแล้วได้อีกครึ่งเท่า อย่างนี้ต้องรับ รับมาเลยครับบอกว่าเรื่องนี้ทางราชการทำ ทำเสร็จหมายความว่าพันธุ์อ้อยที่ปลูกแล้วได้อีกครึ่งเท่า อย่างนี้ราชการจะรับมาทำ แล้วได้อย่างเร็ว เพราะว่าเป็นการเพาะพันธุ์ แล้วเอาพันธุ์ไปปลูก
เห็นไหมครับ ระบบน้ำหยดที่ว่านั้นต้องเติมพันธุ์ เติมน้ำตรงนั้นตรงนี้ บอกว่าเป็นรายละเอียดเกินไป แต่รับฟังว่าการหาน้ำไปเข้า ระบบน้ำหยดก็ยังไม่ดูรายละเอียด แต่ฟังแล้วเข้าใจครับ ระบบน้ำหยดคือเขาจะมีสายออกไป ระบบน้ำหยดที่ผมเคยดูที่อิสราเอล สมัยก่อนอิสราเอลก็หาน้ำได้ เขาก็เอาไปใส่ เขาทำเป็น sprinkler ปลูกฉ่ำเลย ถึงเวลาเปิด อิสราเอลเสียดายน้ำ บอกอย่างนั้นไม่ได้ อย่างนี้ระเหิดหมด เขาทำอย่างไร ผมอยู่บนโรงแรมที่ไฮฟาร์ม มองลงไปเขียวหมด แต่ไม่มีคนรดน้ำต้นไม้ ต้องลงมาดูไปแหวกดูข้างล่าง เขาเดินสายเหมือนกับที่เขาเพาะปลูก และที่เขาทำต้นไม้ ต้นไม้ยืนต้นพอสมควร ไม้พุ่มไม้ต่าง ๆ เขาเดินสายเป็นสายพลาสติก สายสีดำหนานิดหนึ่ง เขาเอาสายวางไว้โคนต้น ระบบน้ำหยดคือว่าเขาเอาเหล็กที่รัดหัว เหมือนไขควงแต่หัวเป็นกลม ๆ เผาไฟให้แดง เสร็จแล้วสายเป็นยางพลาสติก จี้ลงไปก็จะเป็นรู ถ้าปล่อยน้ำ ๆ ก็พุ่ง เขาเอาดินไปเผาเหมือนตัวเกี้ยมอี๋ ขาวเป็นเกี้ยวอี๋ตัวอ้วน ๆ เผาเป็นเกี้ยมอี๋ตัวแดง ๆ เอามาซาวเล่นอย่างนั้นได้เลย แต่ตัวเกี้ยมอี๋โตกว่ารูที่เจาะไว้ เวลาเขาเจาะรูเสร็จ เขาเอาเกี้ยวอี๋เสียบ ต้องการน้ำดิ๊บ ๆ คือมันควบแน่น พอควบแน่นตัวมันลอยอยู่ข้างในท่อ อีกตัวอยู่ข้างนอก พอควบแน่นมันจะผ่านดินเผา ติ๋ง ๆ ๆ ตรงนี้ต้องการน้ำมากหน่อย เขาก็เสียบให้ 2 ตัว ต้องการน้ำเขาเสียบ 3 ตัว มันก็ติ๋ง ๆ 3 ตัว น้ำขนาดนั้น ก็จะอยู่ที่โคนต้นไม้ นี่คือระบบน้ำหยด ผมเองยังไม่ทราบว่าอ้อยจะต้องมีสายที่จะผ่าพันไปอย่างไร แต่ต้องช่วยได้แน่นอน คืออ้อยเขาปลูกเป็นกล้องเขามีเป็นโคนเป็นคันพวกเล็ก ๆ ตัวนี้ถ้าสายไม่แพงเกินไป และใช้ระบบน้ำหยด คือหมายความว่าอที่เขาเรียกว่าผลได้ ฝรั่งเขาเรียกว่า Yield ได้มาอีกครึ่งเท่า เพราะฉะนั้น เรื่องนี้รับปากได้ เราเคยเห็นมาแล้วว่างานอย่างนี้พอใช้ได้ วัสดุเป็นอย่างไร น้ำเป็นอย่างไร ต้นน้ำเป็นอย่างไร น้ำมันจะอยู่ ไม่ต้องปั๊มหรอกครับ เอาน้ำขึ้นไปให้สูงหน่อยเท่านั้นเอง เอาน้ำขึ้นไปให้สูงสูบไปใกล้ ๆ นิดเดียว สูงขึ้นไป 3-4 เมตรแล้วก็ปล่อย ถ้าตามไร่ ตามเส้น ๆ ระบบน้ำหยดเราเข้าใจเสร็จ รับปากบอกจะช่วยดูให้
แต่แบบที่ว่าจะต้องพูดจากัน ไปรับอาสาเขามา เป็นหน้าที่ของหัวหน้ารัฐบาลนะครับ ผมต้องอธิบายให้ท่านทั้งหลายฟังว่า เมื่อเวลาข้าว เขาลงแรงมากมาย สุดท้ายราคาข้าวแพงตามอุปสงค์อุปทาน กระสอบละ 2,200 บาท ขึ้นเป็น 2,500 บาท ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วน้ำตาลขึ้นได้ไหม ปุ๋ยก็แพง พันธุ์ก็แพง ทุกอย่างแพงหมด กินข้าวกันเหมือนกัน แต่ว่าถูกกดไว้อย่างนั้น ผมก็ต้องปรารภ นี่ส่วนตัวผมเองนะ และผมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมพูด และใครเตรียมจะด่านะครับ ก็ให้มีเหตุผลหน่อยในการด่า ผมจะบอกให้ฟัง ผมคุยกับชาวไร่อ้อย เพื่อปลอบประโลมให้เขารู้ว่าเรารับความทุกข์ของเขามา น้ำตาลแต่ก่อนนี้เล่าให้เขาฟังในอดีต 13 บาท หลักการของชาวไร่อ้อยคือถ้าน้ำตาลขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท ชาวไร่อ้อยได้ 20 ขึ้น 2 บาท ชาวไร่อ้อยได้ 40 ประคับประคองกันไม่ได้เหลือเกิน น้ำตาล 13 เป็น 14 บาท แทบตายเลย เดี๋ยวนี้ 14-15 กดหัวเขาไว้กันเขาไว้อย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เขากิน และเขาก็ปลูก เวลานี้เอาไปปลูกทำเอทานอล อ้อย 1 ตันได้ 80 ลิตรก็พอไหว คือราคาเคยขึ้นไป 20 กว่า เดี๋ยวนี้เหลือ 18-19 บาท เขาก็ยังได้ คือถ้าเทียบกับน้ำตาล เท่ากับขายน้ำตาลได้ราคาจาก 14 เป็น 19 ได้อีก5 บาท ทำเอทานอล ถ้าน้ำตาลจริง ๆ ที่ไปกดคอเขาไว้ ถามว่าการบริโภคน้ำตาล เขาบอกว่านายสมัคร เดี๋ยวเขาว่าพูดจาหยาบคาย คือเกินเหตุไหมครับ น้ำตาล 1 กิโล ซื้อมาใส่ขวดไว้ คนกินกาแฟเช้าก็ช้อนหนึ่ง กี่ช้อนจะหมดกิโล ทำกับข้าวก็ใส่ช้อนใส่ครึ่งช้อน ใช้น้ำตาลทราย ส่วนมากใช้น้ำตาลปี๊บ แพงขึ้น 1 บาท 2 บาท 3 บาท เป็นอย่างไรรู้ไหมครับ ไม่เป็นอย่างไรหรอกครับ แต่ต้องร้อง ต้องจะทนไม่ได้ คนทนไม่ได้ในอดีตคือใคร ไม่ใช่แม่ค้าขายข้าวเหนียวมูน ไม่ใช่แม่ค้าขายสังขยา ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง พวกนั้นก็บ่น แต่เขาก็ขึ้นราคาของเขา แต่คนบ่นคือคนขายน้ำอัดลม
สมัยหนึ่งที่ผมเล่าให้ชาวไร่อ้อยฟัง นี่เหตุเกิดมาเกือบ 30 ปีแล้ว น้ำอัดลมตอนนั้นอยากจะขึ้นน้ำตาลจาก 13 บาทเป็น 14 บาท เจ้าของน้ำอัดลมบอกผมตายแน่ ตายอย่างไร เขาบอกว่าเขาใช้น้ำตาลวันละ 5แสนกิโลกรัม ตอนนั้น 5 แสนเท่านั้น เขาบอกผมวันละ 5 แสน พูดอย่างกับว่าเสียเปล่า แต่ว่าถ้าเผื่อน้ำอัดลมขึ้น ผมยกตัวอย่างให้ฟังอย่างกำลังนี้ ถ้ากระป๋องหนึ่ง 12 บาท จะใส่น้ำตาล 1 กิโลออกไปอยู่กี่กระป๋อง ไม่ใช่น้ำตาล 1 กิโลอยู่ในกระป๋องเดียว เห็นไหมครับ ต้องเฉลี่ยไป ถ้าน้ำตาล 1 กิโลทำได้ 10 กระป๋อง ไม่ใช่ ต้องทำได้ 100 กระป๋อง เพราะฉะนั้น 13 บาท ถ้า 10 กระป๋องขึ้นเท่าไร ถ้าเผื่อว่า 10 เปอร์เซ็นต์คือ 1.30 บาท 1 เปอร์เซ็นต์คือ 13 สตางค์ ถ้าขึ้น 13 สตางค์ คุณขายน้ำอัดลมจาก 13 เป็น 14 บาท คุณยังได้กำไรไปอีก 86 บาท เสียไป 13 กับ 87 บาท เพราะว่าไม่มีเศษ 13 บาทไม่ขายต้องขาย 14 บาท ทำไมละครับ มันไม่ใช่ของจำเป็นแก่ร่างกาย ไม่ใช่ราคาควบคุม จะปรับจะขึ้น ก็ตามสมควรแก่เหตุ แพงเขาก็คงไม่กินกันเอง ถ้าพอสมควรก็กิน คุณกำไรน้อยหน่อย คุณก็ขายได้มาก คุณกำไรมากหน่อย คุณขายได้น้อย เขาบอกลองคิดดูสิครับ ขึ้นไป 3 บาท ผมโดนเข้าวันละ 1.5 ล้านบาท ก็ 1.5 ล้านบาทแล้วไปเฉลี่ยกับขวดของคุณ สมัยก่อนเป็นขวด ต้องไปเฉลี่ย ถ้าคิดเฉลี่ยแล้วขึ้นไปนิดเดียว
แต่ทว่าผมบอกว่านี่คุณฟังบรรดาชาวไร่ทั้งหลาย เวลานี้ได้ 807 บาท เขาอยากจะได้ 1,200 บาท แต่ถ้าสัก 100 บาท 1 บาทได้ตันละ 20 บาท ลองพูดกันง่าย ๆ เวลานี้พูดง่าย ๆ สมมติเขาขายอยู่ 16 บาท ถ้าเป็น 21 บาท เพิ่ม 5 บาท 21 บาทชาวไร้อ้อยได้ 100 บาท จาก 807 เป็น 907 บาท เขาต้องลืมตาอ้าปากได้ แต่คนบริโภคเคยซื้อน้ำตาล 16-16.50 บาท ซื้อ 21 บาท พวกเขียนคอลัมน์จับปากกากันแล้ว แต่ว่ามีเหตุผลไหมครับ เขาถูกกดอยู่ ชาวไร่อ้อยมีเท่าไรครับ ปลูกอ้อยกันทั่วบ้านทั่วเมือง ที่ผมกล้าพูดอย่างนี้เพราะอะไรรู้ไหมครับ เวลาน้ำตาลขาด ต้องสั่งน้ำตาลนอกเข้ามา เข้าแถวซื้อกันก็ราคาควบคุม เพราะสั่งน้ำตาลนอกเข้ามา แต่ทว่าถ้าแอบซื้อขายกัน 25 บาท แต่ก่อน 13 บาทซื้อ 25 บาท น่าตาเฉย ซื้อแล้วจะยกมือไหว้คนขายอีกด้วย ได้น้ำตาลไปกิโล ดีใจตัวสั่น 25 บาทซื้อเฉย ๆ เลย แต่ว่า 14 บาทกดเขาไว้ เรื่องอย่างนี้ละครับ ผมจะบอกให้ฟังว่าลองคิดดู ใครจะเขียนวิพากษ์วิจารณ์คิดดูให้ดีก่อนนะครับ จะอะไรกันนักหนา น้ำอัดลมร้องทุกข์ คุณก็ขึ้นราคาน้ำอัดลมไป กระทรวงพาณิชย์คงไม่ไปควบคุมเขาจะขึ้นขายเท่าไร คุณจะขายกระป๋องละ 100 บาทก็ตามใจคุณ ไม่มีใครเขากินคุณกันเท่านั้นเอง แต่ปัญหาคือว่าถ้า 13 บาท คุณขาย 14 บาท เขาก็ยังบริโภคคุณอยู่ คุณเสียค่าน้ำตาลเพิ่มขึ้น 13 สตางค์ คุณได้อีก 87 บาท มันทำเนืองอย่างนี้ต่างหากละครับ เพราะถ้าเราไม่อนุเคราะห์ไม่กันบ้าง ชาวนาขายได้ลองไปตรวจดูนะครับ ข้าวโพดแต่ก่อนเท่านี้เท่านี้ ขึ้นไป 3 เท่า มันสำปะหลังแต่ก่อน 50-60 สตางค์เดี๋ยวนี้ 2.50 บาท ทุกอย่างราคาขึ้นหมด แต่อ้อยถูกกดราคาไว้ นี่ไปหาเสียงกับชาวไร่อ้อย แต่สมัครรับเลือกตั้ง ผมบอกเลยว่าอย่ามานั่นเลย ผมมีหน้าที่จะต้องทำ ผมรับผิดชอบ ผมดูแลให้ มีความทุกข์มา 1,000 กว่าคนเมื่อวานนี้ทั่วประเทศ ไร่อ้อยกี่เขต ๆ ไปพูดกับเขาแล้ว ไม่ต้องหาเสียง ไม่ต้องหาดิบหาดี แต่ให้เขาเข้าใจว่าคุณต้องให้เวลาผมทำงานหน่อย ผมจะไปจัดการเรื่องนี้ทำอย่างนี้ ๆ
จะให้ใบอนุญาตบริษัทผลิตปุ๋ยอินทรีย์
แม้กระทั่งเรื่องปุ๋ย วันก่อนพูดไว้จะคุยเรื่องปุ๋ยที่นี่ อย่างที่ว่านี่ละครับ ผมจะไม่อยากกระทบกระเทือนใครจะควบคุมราคา ใครจะตกลงทำได้ แต่ผมจะบอกไว้ตรงนี้เลยครับ ถ้าคุณจัดการราคากันได้อย่างนั้นเอง คุณก็จัดการของคุณไป ของต่างประเทศยืนยันว่า 9,000 คุณบอกว่า 16,000 ก็แตกต่างกันตั้ง 7,000 อย่างนี้ เพราะว่าอย่างไร คนที่อยากจะดำเนินการทำไม่ได้ เพราะไม่มีใบอนุญาตนำเข้า แล้ว 5 เสือก็นำเข้าอย่างนั้นแล้วกำหนดราคาได้เอง แล้วบ้านเมืองจะปล่อยไว้อย่างนี้ไหมครับ ผมไม่ปล่อยหรอกครับ ผมกำลังเลือกบริษัทที่เขาทำมาหากินสุจริต ที่เขาจะร่วมมือกับรัฐบาล ผมจะให้มีใบอนุญาตใบที่ 6 ให้มีใบที่ 7 และนำเข้า จะเจรจาความให้ด้วย รัฐบาลเปิดทางเจรจาให้ เขาอยากได้เราจะมีให้เขา เราอยากได้อะไรเขาจะมีให้เรา ปุ๋ย N-P-K ตัวยูเรียต่าง ๆ แม่ปุ๋ยต่าง ๆ เอาเข้ามาแล้ว และผมก็ไม่สนับสนุนให้ทำปุ๋ยเคมี ต้องการให้ทำปุ๋ย organic เวลานี้มีบริษัทที่เขาผลิตปุ๋ย organic เขาทำเป็นเม็ด ตัวอย่างง่าย ๆ ที่วันก่อนไม่ได้พูดให้ฟังนั้น เวลานี้อย่างปุ๋ยข้าว ตันหนึ่ง 10,800 บาท แล้วชาวไร่ชาวนาซื้อ 1 ตัน ซื้อครึ่งตันหรืออะไรก็ 10,800 บาท แต่เขาบอกว่าถ้าซื้อ 1 คันรถคือ 15 ตันเขาส่งถึงที่จะลงที่ไหนก็แล้วแต่ 8,000 บาท ดีไหมครับไม่ต้องไปยกมือไหว้เขาให้ลดราคา มีอัตราการขายกันอยู่คือขายส่งกับขายปลีก จะช่วยกันอย่างนี้คือว่ารวบรวมกันมาบอกสหกรณ์ตรงนี้ส่งที่นี้ เคยซื้อ 10,800 บาทก็ซื้อ 8,000 บาท ใครจะเอาครึ่งตันใครจะเอาเต็มตันก็ไปจัดการแบ่งปันกัน จะมาถ่ายทอดกันต่อไป อย่างนี้ง่าย ๆ ไหมครับ ภูเขาบังเส้นผม ไม่เห็นจะยากเย็นขายปลีกขาย 10,800 บาท แต่ขายส่งเขาขาย 8,000 บาท ก็ช่วยกันตรงนี้ครับให้บริษัทเขาขายส่ง ส่งถึงชมรมชาวนาที่นี่ ๆ ที่ไหนทั่วประเทศเขาส่ง 8,000 บาท นี่คือตัวอย่าง
แนะเกษตรกรใช้ปุ๋ย organic เพิ่มผลผลิตได้ดีกว่าปุ๋ยเคมี
ผมเลยรับปากกับชาวไร่อ้อยว่า คุณซื้ออยู่ 1,100 บาทเวลานี้ ไม่นานเมื่อก่อนหน้านี้ 400 บาท ผมจะตรวจสอบดูสิว่าปุ๋ยที่ใส่อ้อยสูตรอะไรอย่างไร เมื่อนำเข้ามาถึงแล้ว หรือจะมาผสม มาทำอย่างนี้อย่างไร ๆ ต้องถูกต้อง ต้องไม่ปลอม ดูถี่ถ้วนและต้องยุติธรรมกับผู้บริโภคคือคนที่เอาปุ๋ยไปใส่ เอาไปใส่อ้อย ไปใส่ข้าว ไปใส่พืชพันธุ์ทั้งหลาย เป็นความจำเป็นครับเพราะต้องใส่ แต่ว่าปุ๋ยที่เรียกกันว่าปุ๋ยอินทรีย์นั้น ก็ไปทำปลอมกันแบบชนิดกากอ้อยอะไรต่าง ๆ น่าเกลียดน่าชัง แต่นี่เขาทำสำเร็จ เขาใส่เป็นเม็ด แล้วพิสูจน์ได้ ตรวจสอบได้ เขาส่งออกขายเมืองนอกครับปุ๋ยอินทรีย์ แต่ชาวนาไทยบอกชอบปุ๋ยเคมี ใส่วันนี้ปั๊บพรุ่งนี้เขียว แต่ก่อนนี้ปุ๋ยพวกนี้ปุ๋ย organic ใส่ลงไปต้อง 10 วันถึงจะได้ เดี๋ยวนี้ 7 วันเขียว แล้วยืนยันว่าทำให้ดินดีขึ้นกว่าเก่าด้วย และที่เขาเรียกกันว่า yield คือผลได้จากการเพาะปลูกนั้น มากกว่าธรรมดา มากกว่าปุ๋ยเคมี ปุ๋ยเคมีทำลายดินแต่ปุ๋ย organic ไม่ทำลายดิน
เตรียมลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ดูการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในนาข้าว
ก็เป็นหน้าที่ของผมต้องมาชักชวนชาวไร่ชาวนา ผมไม่เคยปลูกข้าวหรอกแต่ผมฟังความเข้าใจแล้ว ฟังการอธิบาย ฟังคนที่เขาไปทำแล้ว ผมกำลังจะไปดูที่สุรินทร์ ขออนุญาตชาวขอนแก่นครับ ผู้แทนขอนแก่นบอกว่าเสร็จแล้วจะไปเยี่ยมก่อน ก็อ้อยเขามาตอนนี้ผมก็จำเป็น มีอะไรจำเป็นก่อนต้องขออภัย ไปขอนแก่นช้าหน่อยแต่ก็ไปแน่นอน แต่ว่าที่สุรินทร์เขาอยากให้ไปดูข้าวที่เขาปลูกด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เม็ดนี่ละครับ แล้วผลประโยชน์เป็นอย่างไร ได้ผลมากกว่าคุณภาพดีเท่าเทียมกัน
เรื่องอย่างนี้ถ้าหากว่าเป็นหัวหน้ารัฐบาลรู้แล้วไปนั่งอมไว้ ผมพูด ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ พวกที่เขียนหนังสือก็ด่าผม จำมาเขียนท่อง ๆ ๆ ผมไม่ต้องท่องหรอกครับผมจำได้ ทำไมเดือดร้อนใคร ผมจำได้ ผมพูดเรื่องข้าวผลิตเท่านั้นเท่านี้ หงุดหงิดครับ คนเขียนบทความหงุดหงิด บอกมาก็ท่อง ๆ ก็อธิบายความง่าย ๆ สั้น ๆ ปลูกข้าวเปลือก 31 ก็ใช้ 30 ล้านตันต่อไป ผลิตออกมาเป็นข้าวสารมีเศษเอาเป็น 20 ล้านตันต่อปี ขายไป 9 กิน 9 แล้วก็เก็บไว้ 2 กันสำหรับความมั่นคง ตัวเลขอย่างนี้ฟังเข้าใจ อธิบายเข้าใจ ถึงบอกประเทศไทยไม่ประกาศงดการส่งข้าวออก ไม่ประกาศ เสียเหลี่ยม เสียชื่อ
ปัจจุบันเกษตรกรไทยสามารถปลูกข้าวได้ปีละ 3 หน
จะอธิบายให้ฟังด้วยว่า ข้าวแต่ก่อนนี้ปีละหน ต่อมาปีละ 1 หน คือปลูกเดือนธันวาคมเสร็จก็ปลูกมกราคมไปถึงพฤษภาคมเกี่ยว ภาษาฝรั่งว่า 2 crop ทำข้าว 2 หนเพราะมีน้ำ แต่ก่อนเขื่อนภูมิพลไม่มี เขื่อนสิริกิติ์ไม่มี เดี๋ยวนี้มีครับ เพราะมีถึงได้ทำข้าว 2 หน และพอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ทำข้าว ทำอย่างไรครับ 5 หนใน 2 ปีก็นับว่าโก้ เดี๋ยวนี้เขาทำข้าว 3 หนครับ ใครจะทำไม 105 วัน เอา 3 คูณดูสิครับ ได้ 315 ลองหักลบเหลือ 50 — 51 51 เอางานได้ 17 วัน พอเกี่ยวเสร็จเรียบร้อย เขาใช้คนเกี่ยวไหมครับ เขาใช้เครื่องจักรเกี่ยวครับ คันหนึ่ง 2 ล้านบาท แล่นเกี่ยวใส่ถุงโยน ๆ เหมือนอุตสาหกรรมเลยครับ เสร็จเรียบร้อยแล้วภายใน 17 วันต้องไถต้องหว่านต้องทำ...คิดเองหรือ ไม่หรอกครับ เขาอยู่ที่โน่นที่ไร่ของโกพงษ์เขาซื้อมา 1,000 ไร่เขาตัดครึ่งทำ ที่นั่นหน้าน้ำ ๆ หลาก น้ำไม่มีน้ำติดอยู่ก้นคลอง นั่นละครับแม่น้ำที่ไม่ยอมให้ทำเขื่อนนั่นละครับ เขาซื้อมา 1,000 เขาเอา 500 เขาดันดินมาเป็นกำแพงสูง 4 เมตร เหมือนรถวิ่งอยู่ข้างบน และหน้าน้ำมาน้ำแช่อยู่ครึ่ง 2 เมตรเขาก็ปลูกข้าวได้ น้ำแล้งมาเขาก็สูบน้ำจากแม่น้ำยมเอาไปปลูกข้าว ปีละ 3 หนครับ ถ้าใครต่อใครทำอย่างที่โกพงษ์ทำมันก็ออกได้ปีละ 3 หน 3 เดือนออก ๆ แต่จริง ๆ แล้วข้าวที่บอกไม่ต้องประกาศนั้น ไม่ใช่อีก 4 เดือนออก อีก 3 เดือนออกครับ มันออกทุกวัน เกี่ยวทุกวันครับ วันไหนฝนตกก็หยุดเกี่ยว ฝนไม่ตกก็เกี่ยว ใช้เครื่องอะไร เครื่องใหญ่ ๆ ราคา 2.7 ล้านบาท — 2.8 ล้านบาท เขาทำ 850,000 บาท อาชีพรับจ้างเกี่ยวข้าว ตีนตะขาบสแตนเลส น้ำก็มีแต่เกี่ยวได้เดี๋ยวเอาไปตากข้างบน
ระบบชลประทานเก็บน้ำช่วยเพิ่มผลผลิตข้าว
ตามดูมาหมดแล้วครับ แต่ก่อนนี้ข้าวถ้าสีเหลือง ข้าวสีเหลืองอร่ามที่ทุ่งรวงทอง เดี๋ยวนี้ไม่มีครับ ธรรมดาถ้าเดือนมิถุนายนก็สีตองอ่อนตกกล้า เสร็จเรียบร้อยแล้วกล้าชี้เด่ไป ไม่ช้าหน่อยก็เขียวเข้มเดี๋ยวก็ข้าวตกท้อง แล้วก็ข้าวสีเหลือง ทั่วประเทศเป็นอย่างนั้นหมด เดี๋ยวนี้ไม่มีหรอกครับ สีมองจากเครื่องบินเหมือนช้ำเลือดช้ำหนอง ตรงนี้สีตองอ่อน ตรงสีเขียวอ่อน ตรงนี้สีเขียวเข้ม ตรงนี้กำลังตั้งท้อง ตรงนี้สีเหลืองแล้วจะเกี่ยวได้แล้ว มี 3 — 4 สีอยู่ในไร่นา เจ้าของเดียวกันนั่นละครับ เป็นตรงนี้เก็บตรงนี้ไถตรงนี้คราดตรงนี้ ทั่วประเทศทำกันอย่างนี้หมดครับ เพราะระบบชลประทานครับ ระบบที่เก็บน้ำเอาไว้ แต่ก่อนน้ำท่วมก็ไหลลงไปหมด ก็นั่งแล้งหน้าแหงรอฝนรอฟ้า ต้องปลูกข้าวยาว 1 เมตร หน้าน้ำมาข้าวหนีน้ำวันละ 1 เซ็นฯ นั่นละครับ เดี๋ยวนี้ไม่ต้อง เขาสูง 50 เซ็นฯ สูงหน่อย 60 เซ็นฯ และล่าสุดที่ผมเคยได้ยิน จาก 105 เหลือ 100 วัน เหลือ 95 วัน เหมือนที่เขาเลี้ยงไก่ แต่ก่อนเขาเลี้ยงใหม่ ๆ 56 วันจับ ต่อมา 45 วันจับ เดี๋ยวนี้ 35 วันจับครับ ข้าวก็เหมือนกันครับ แล้วผลผลิตก็ได้มากขึ้น
ยืนยันข้าวไม่ขาดตลาดประชาชนอย่าวิตก
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเราถึงว่าเราก็ดูตลอด กำลังนี้จะให้เขารายงานตลอดว่าทั้งหมดผู้ว่าราชการจังหวัดต้องรู้ทั้งจังหวัด นายอำเภอต้องรู้ทั้งอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้านรู้ทั้งตำบล จะต้องรู้เลยครับว่าในเวลาเท่าไรใครจะเกี่ยวเท่าไร จะเก็บเท่าไรแล้วจะพูดได้ ของพรรค์อย่างนี้ไม่ใช่ชั้น 1 ไม่ใช่ข้าวนาปี ข้าวนาปีนั้นส่งออกแน่นอน ข้าวนาปรังที่คุณภาพดีถ้าความชื้นไม่ถึง 14 เปอร์เซ็นต์ก็จัดการได้ ส่งออกได้ เขาต้องการ 25 เปอร์เซ็นต์ก็มี 5 เปอร์เซ็นต์ก็มี คือว่าหวังข้าวนาปีก็ทำสิครับ แต่เดี๋ยวนี้ข้าวนาปีไม่ต้อง 5 — 6 เดือนอย่างที่ว่าแล้ว ข้าวนาปีจะสั้นลงไปกว่า คือปลูกถี่ถ้วนกว่า การเก็บเกี่ยวมาตรฐานกว่า ทั้งหมดมีหลายระบบครับ เพราะฉะนั้นอย่างไรก็ไม่ขาด แต่นี่ไม่รู้จะเรียกว่าหน้าอะไร ไปซื้อกันจริงวิตกทุกข์ร้อนเคยซื้อ 1 ซื้อ 5 เคยซื้อ 2 ซื้อ 10 ดูมันโก้เก๋เหลือหลาย เอารถไปเข็นจับใส่ ๆ มีสตางค์ซื้อไปเก็บ ผมอยากให้ข้าวลงราคาให้ต่ำกว่า ดูสิจะอย่างไรไหม ซื้อไปตอนนี้ 200 กว่าบาท ถ้าออกมาเหลือ 150 บาทดูสิจะทำอย่างไร ไม่น่าจะต้องขนาดนี้เลยครับ ถ้าคนไทยเป็นอย่างนี้แล้วคนในโลกเขาจะทำอย่างไร
ถูกกล่าวหาว่าไม่รู้จักสำนวนการพูด
พูดถึงตรงนี้ก็มีคนว่ากล่าวผม ว่าพูดจาหยาบคาย ขอบพระคุณอาจารย์สุขุม นวลสกุล เมื่อเช้านี้ได้ยินท่าน ว่าคุณสมัครจะพูดอะไรไป แปลภาษาฝรั่งว่า you ผมใช้คำว่า มึง สำนวนคนธรรมดาเขาใช้คำว่า มึง ก็ว่าพูดจาหยาบคาย อาจารย์สุขุมฯ บอกว่าก็แปลว่า you คนไทยรู้สึกเดือดร้อน กลายว่าไม่รู้จักสำนวนการพูด ผมมือใหม่หัดขับครับ ไม่ได้เกิดมาเป็นนักการทูตมาแล้วเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นไม่รู้หรอกครับ สำเนียงการทูตก็เรียนลัด แต่ไปทำหน้าที่มาแล้วไปมาแล้ว 7 ประเทศ ยังจะไปอีก 2 ต่อไปจะต้องไปจีนไปญี่ปุ่น ต้องไปยุโรปจะไปอเมริกา ก็มือใหม่หัดขับครับ ผมขับคล่องเข้าก็คงไม่นั่นหรอกครับ แต่สำนวนโวหาร ถ้ามันขายน้ำมันกันบ้าเลือดดุเดือด เห็นไหมครับสำนวนใช้เขาเรียกว่า “มัน” ขายน้ำมันกันดุเดือดเลือดพล่าน
ผมมาลองนั่งคิดดูว่าถ้าผมจะตำหนิเลขาธิการสหประชาชาติที่พูดพาดพิงมาถึงเรา ตำหนิทางพวกประธาน World Bank แล้วจะบอกว่าถ้าคุณท่านขายน้ำมันกันอย่างนั้น แพงอย่างนั้น แล้วพวกผมจะทำอย่างไรครับ พวกผมก็ปลูกข้าวขายแพงบ้าง คุณท่านขึ้นราคาน้ำมันกัน แต่ก่อนนี้บาร์เรลละ 10 เหรียญสหรัฐฯ เดี๋ยวนี้บาร์เรลละ 117.62 เหรียญสหรัฐฯ แล้วคุณท่านขายกันอย่างนี้แล้วพวกกระผมจะทำอย่างไร ต้องพูดอย่างนี้หรือครับ เราจะตำหนิใครมานั่งพูดดัดจริตใช้ถ้อยคำอย่างนี้ ขอประทานโทษเขาบอกไม่อยากให้ผมพูดคำว่าดัดจริตบ่อย เอาละครับก็อยากจะบอกวันนี้ เขายกป้ายว่าเหลืออยู่ 10 กว่านาที ความจริงมีเรื่องอื่นอยู่แต่ผมคิดว่าคุยแล้วก็ให้ได้เรื่องได้ราวสักหน่อย เหลือเวลาตอบคำถามหน่อยเพราะว่าถูกต่อว่าไม่ตอบคำถาม
ASTV กล่าวหาพาดพิงนายกรัฐมนตรีกรณีช่อง 11 เสนอข่าวเนปาลเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์
ก่อนจะตอบคำถามเอาคำถามที่ผมตั้งใจจะมาตอบก่อน โดยไม่ต้องอ่าน โทรทัศน์ช่องที่ชื่อว่า ASTV ใครต่อใครก็ดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ก่อนนี้พูดจาทำอะไรได้ดี ศาลท่านก็คุ้มครองบอกว่าไม่ได้ ยังไม่ต้องเลิกทีวีนี้ ศาลท่านคุ้มครอง ท่านก็ออกอากาศกัน ระยะ 3 เดือนนี้ด่าผมทุกวัน ด่าหยาบด่าคายด่าเสียด่าหาย พูดจากันผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้างนั่งด่ากันทั้งวันครับ ที่สุดท้ายด่าว่าอย่างไร ด่าคุณจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกข้อกล่าวหาด้วย มาดูแลช่อง 11 ช่อง 11 นี้ประพฤติรายการเอาข่าวเกี่ยวกับเนปาล ซึ่งเขาเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วเขาก็เลือกตั้งกันใหม่ เอาข่าวมาลง มีดนตรีประกอบหน้าประกอบหลัง ตั้งข้อกล่าวหาเลยครับ ว่าสถานีช่องนี้เป็นอย่างไร ทำไมจะต้องเอาข่าวนี้มาเน้น มาพาดพิงมาถึงผม นายสมัครฯ เลือดสีน้ำเงิน อะไรกัน ดูจัดการว่าอย่างไร ผมก็ตรวจสอบไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ไม่ใช่โทรทัศน์ช่องนี้เขาทำ มันข่าวต่างประเทศ เขาทำของเขาก็ต้องมีดนตรีหน้าดนตรีหลัง เขาถือว่าเขาตื่นเต้น เขาก็ทำข่าวนี้มา ใครก็ใครก็ออกอากาศ ช่องออกอากาศไม่ดูมาดูช่อง 11 หาว่าช่อง 11 เน้นเรื่องข่าวล้มสถาบันพระมหากษัตริย์เนปาล ทำเป็นข่าว
กลายเป็นคนสถานีนี้ไม่จงรักภักดี จักรภพ เพ็ญแขโดนเข้าไปด้วย ว่าง ๆ สินายคนหนึ่งไปเดือดร้อนเรื่อง ไปจัดการโยกย้ายกรรมการตรงโน้นเข้า เสียหาย หัวเถิกนั่นละครับ ออกข่าวแส่จริง ๆ กลายเป็นว่าเวลานี้ช่องนี้ไม่จงรักภักดี จักรภพฯ โดนคดีตำรวจไปแจ้งความ ไปพูดจาปาฐกถา ผมอ่านแล้วครับไม่มีอะไร หัวเถิกนี่เอาเดี๋ยวจัดการ ซ่อก ๆ แซ่ก ๆ ไปถึงโน่นถึงนี่ เดี๋ยวนี้ผมโดนเข้าด้วยแล้วครับ แต่ก่อนนายกฯ ทักษิณฯ ไม่จงรักภักดีพระราชวงศ์ เดี๋ยวนี้นายสมัครโดนด้วยแล้วครับ สถานีนี้ละครับ ASTV นี่รวบหัวรวบหางเหมากันแล้ว เหมากันตรงไหน เหมาตรงว่าผมช่วยดูแลนายกฯ ทักษิณฯ เพราะฉะนั้นนายสมัครก็ด้วย ถามเลยว่าเลือดสีน้ำเงินจริงหรือเปล่า จะอะไรกันนักกันหนาครับ ฆ่าเขาไม่ตาย ขายไม่ขาดจะเอาผมด้วยนะครับ เจ้าหัวเถิกนั่นละครับ แส่ไปตามโน่นตามนี่ ไปถามข่าวอีกแล้ว เริ่มเป่าข่าวอีกแล้ว ว่านายสมัครไม่จงรักภักดีพระราชวงศ์ จะต้องให้ท้าทายกันขนาดไหนครับ ตัวเองน่ะส่องกระจกดูตัวเองหรือเปล่า เข้าไปอยู่ใกล้ชิด เสร็จแล้วก็ทำอย่างไร เกลียดชังเสียหายผลประโยชน์ส่วนตัว
ผมไม่ออกชื่อครับ อย่างนี้ใช้ไม่ได้ บ้านเมืองไม่มีวันสงบหรอกครับถ้ามีคนพรรค์อย่างนี้อยู่ เดินหน้ามาถึงป่านนี้ ปฏิวัติรัฐประหารเลิกกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตกลงแล้วจะทำบ้านเมืองอย่างไร ทำกันจนถึงป่านนี้แล้วจะได้ตั้งหน้าตั้งตา ไม่ได้ ไม่ได้ละครับยังจะเอากันอีกแล้ว ตอนนี้จะเอานายสมัคร จะแซะออกด้วย อะไรกันนักหนาครับ ความเจ็บช้ำน้ำใจนักหนาผมไปทำอะไรอย่างไร คนอย่างผมนี่หรือครับไม่จงรักภักดีพระราชวงศ์ ก็ลองดูก็แล้วกันครับ ผมประกาศท้าทายเลยก็แล้วกัน เริ่มโครงการแล้วจะแซะผมเหมือนกับแซะทักษิณ เอาเลยลองดูต้องท้ากันเลยว่าเอาดูสิเป็นอย่างไรกัน ตัวเองนั้นส่องกระจกดูเสียก่อน พวกทั้งหลายทั้งปวง ตอบคำถามก่อนเดี๋ยวจะว่านั่นมากเกินไป
ตอบคำถามประชาชน
คำถาม ขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยเรื่องหนี้เกษตรกรว่ามีทางไหนจะช่วยผ่อนผันได้บ้าง
นายกรัฐมนตรี เขามีครับ เขามีปัญหากันอยู่ กระทรวงการคลังกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขากำลังจะไปช่วยจัดการแก้ไขกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็อยากจะเอาเรื่องนี้ไปดำเนินการ กระทรวงการคลังก็บอก กระทรวงการคลังไปดูนะ ผมจะไปดูให้ครับเรื่องหนี้เกษตรกรกระทรวงไหนจะเป็นคนทำ
คำถาม ให้ดูราคาอ้อยจาก 700 บาทต่อตันเพราะยังขาดทุน
นายกรัฐมนตรี ผมคุยให้ฟังแล้วเมื่อสักครู่นี้เรื่องอ้อย
คำถาม น้ำตกจังหวัดนครนายกสามารถจะเก็บไว้ในระบบชลประทาน ขอให้ใช้ประโยชน์ไม่ต้องขาดแคลนน้ำ
นายกรัฐมนตรี ผมทราบครับเรื่องนี้ แต่ก่อนนี้เขาเรียกว่าคลองท่าด่านครับ เดี๋ยวนี้ชื่อพระราชทานชื่อว่า เขื่อนขุนด่านปราการชล ไปดูแล้วครับ น้ำลงมาจากข้างบนจากน้ำตกเหวนรก 120 เมตรลงมาลงคลองท่าด่าน แต่คลองยาว 8 กิโลเมตรเท่านั้น หน้าก็กว้างไม่มาก แต่ว่าได้ยกเขื่อนขึ้นไปสูงมาก น้ำก็มาเก็บ เห็นด้วยครับที่จะต้องใช้น้ำที่นครนายกอย่างถี่ถ้วน
คำถาม ช่วยจัดการเรื่องค่าครองชีพหน่อย สูงมาก
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้กำลังดำเนินการอยู่ แต่ว่าไม่อยากพูด ดำเนินการแล้วให้ได้ประโยชน์เลย ผมพยายาม
คำถาม ถนนผสมโฟมที่เคยพูดไว้ 5 ปีก่อน
นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ผสมโฟมครับ เขาบอกว่าที่ที่มันเป็น soft spot แต่ก่อนนี้ที่ที่ใส่ลงไปแล้วหายดิน เอาทรายใส่ เอาอะไรใส่ เอาลูกรังใส่ มันปลิ้นไปหมด แต่ก่อนนี้เขาเอาขี้เถ้าแกลบปนกับปูนขาวทำใส่ลงไปแล้วไปอัดอยู่ น้ำหนักไม่มาก แต่มันกดไม่ลง แต่เดี๋ยวนี้ขี้เถ้าแกลบหายาก ปูนขาวก็หายาก ก็บอกว่าโฟมสุดท้ายที่ใครบอกไม่ละลายไม่เสียหาย ก็เอาไป crush ไปปั่นแล้วเอาโฟมใส่ ไปเทเป็นกระบะรอง เหมือนเป็นเรือครับ แล้วเอาโฟมลงไปอัด แล้วพวกลูกรัง ดิน ใส่ข้างบน พอหน้าแบนกดเท่าไรก็ไม่ลง อย่างนี้ soft spot ก็หายไป ถนนแบบนี้ไม่ใช่เอาโฟมไปสร้างถนนครับ เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเรื่อง soft spot
คำถาม แนวการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาครู นโยบายอย่างไร
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ขอให้ทางการศึกษาเขาคุยเองนะครับ ผมไม่เชี่ยวชาญและตอบคำถามอย่างนี้ไม่ได้ครับ
คำถาม ให้แสดงความเห็นเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หน้า ม.ธรรมศาสตร์
นายกรัฐมนตรี ผมคงไม่อยากแสดงเท่าไรครับเรื่องนี้ เพราะเหตุว่าที่เขาแสดงกัน คนที่เกี่ยวข้องทางฝ่ายผมที่เขาออกไปเย้ว ๆ เขาเป็น ส.ส. ด้วย ผมบอกให้ทางโน้นเขาทำ พรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส. ไปขึ้นเวทีด่าทอว่ากล่าว ก็ให้ว่าไป แต่ทางเราไม่เอาด้วย ก็อย่างนี้ครับ วันนี้ก็เกิดจะประชุมกันที่โรงแรมรอยัล เพื่อจะเอาชนะกัน ทางโน้นเขาประชุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ ทางนี้จะประชุมโรงแรมรอยัล เสร็จแล้วเวลาเขาประชุมทางนี้ก็ไปล่อ ๆ กัน แล้วก็ขว้างกันไปขว้างกันมาคิ้วแตก ไม่ทราบจะทำอย่างไรครับ แต่ว่าเนื้อหาที่มีการพูดจากันมีพาดพิงถึงใครต่อใคร คนดัง ๆ เชิญคนดัง ๆ ไปนั่งประดับครับ แล้วคนดัง ๆ ก็ขึ้นไปพูด คือพูดง่าย ๆ ว่าต้องการจะจุดชนวนอีก แล้วคิดว่าชนวนที่จุดนั้นทหารจะทำปฏิวัติอีก ก็คิดกันอย่างนั้น ก็คิดไปเถอะครับแต่ผมบอกว่าคงยาก ไม่มีเหตุหรอกครับ บ้านเมืองจะเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ดู ถ้าใครเป็นชาวพุทธ พระพุทธเจ้าบอกเลยว่าให้ดูที่ต้นเหตุ ถ้าความทุกข์ของท่านคือว่าพวกนี้ปลุกระดมกันไม่หยุด จ่อชนวนกันจะให้เกิดแล้วเอาข่าวออกไปอะไรต่าง ๆ นั้น ถ้าจะดับชนวนนี้ต้องไปดูว่าเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ คือการปลุกระดมนี่เอง แล้วเขาต้องการอะไร เห็นอยู่ชัด ๆ ครับ เห็นอยู่ชัด ๆ เลยว่าต้องการจะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนเสียหาย ความเกลียดชังนายกฯ ทักษิณฯ ยังไม่หมด สะสมกันมา ยังมีไกลกว่านั้นอีกครับ
มีคนถามผมบอกว่า นี่คุณสมัครแล้วตกลงเรื่องยุบพรรคคุณไปแค่ไหนอย่างไร ผมจะบอกให้ฟังนะครับ เรื่องยุบพรรคก็ทำไปเถอะครับ ยงยุทธ ติยะไพรัช โดนใบแดงใบที่ 1 ไปแล้ว จะต้องไปขึ้นศาลฎีกา บัดนี้คดีกำลังจะขึ้นศาลฏีกา ศาลฎีกาจะว่าอย่างไรยังไม่ทราบ แต่เขามีกันเหนียวครับ จะต้องโดนใบแดงใบที่ 2 ใบแดงใบที่ 2 เป็นอย่างไรครับ มีทหารเป็นพลเอกนะครับ ไม่ได้ลงเลือกตั้งไม่ได้เกี่ยวกับเลือกตั้ง อยู่กรุงเทพฯ ด้วย แต่ว่าไปฟ้อง กกต. บอกว่า ยงยุทธ ติยะไพรัช เวลาหาเสียงพูดจาไปพาดพิงกล่าวหาว่าทหารที่ในเชียงรายไปค้นบ้านราษฎร ไปทำอะไรราษฎร เขาตั้งข้อกล่าวหาว่าไปพูดจาอย่างนี้ทำให้ราษฎรเข้าใจผิดในการลงคะแนน กกต.มี 5 คนครับ คนที่มีหน้าที่ตรวจสอบส่งไปตรวจสอบ เป็นความจริง 1 — 2 — 3 — 4 — 5 มีการไปค้นจริง ไปอะไรกันจริง จริงตามที่พูด เขาก็เอามาปราศรัย ปรากฏว่าเขาก็รายงานกลับมา อนุกรรมการรายงานกลับมาว่าจริงตามที่เขาพูดเลย ไปค้นกันจริง ๆ คือไปจัดการทำอะไรให้ราษฎรตื่นเต้นเสียหาย เขาก็เอามาปราศรัย
ไม่น่าเชื่อครับ นี่ใบแดงใบที่ 2 ยงยุทธ ติยะไพรัช จะต้องโดนใบแดงใบที่ 2 เพราะว่าใบแรกอาจจะไม่สำเร็จ จะเอาใบนี้ให้ได้ นี่แปลว่าอย่างไรครับ แปลว่าต้องเอากันให้ตายนะครับ นี่ผมพูดตรงไปตรงมา และผมมีหน้าที่เพราะผมอยู่พรรคพลังประชาชน แล้วคนที่เป็นประธาน ประธานรัฐสภาเวลานี้ต้องไปขึ้นศาล ประธานรัฐสภาเป็นหัวหน้าของฝ่ายนิติบัญญัติ จะต้องไปขึ้นศาลเป็นจำเลยโดยฝ่ายตุลาการเป็นคนตัดสินดู ผมเองก็เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ก็สงสารเหมือนกันครับ กำลังนี้ทั้งบริหาร ทั้งนิติบัญญัติ ใครว่าถ่วงกันไปถ่วงกันมา ไม่ถ่วงหรอกครับ เพราะเขาจัดการทำให้ เอาไปส่งให้ศาลท่าน ถ้าศาลท่านพิจารณาตามกฎหมายที่ทำไว้ก็เสร็จครับ ก็แปลว่าเลือกตั้งมา ราษฎรเลือกตั้งมา เลือกมาเป็นหัวหน้าฝ่ายนิติบัญญัติก็ไปโดนคดีความที่เขาต้อนไว้ แล้วทางฝ่ายตุลาการก็ต้องวินิจฉัยตามที่เขาทำกฎหมายไว้ หัวหน้าฝ่าย ฝ่ายผมเป็นฝ่ายบริหาร ที่คุณชวนฯ (นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี)ท่านนินทานั่นหละครับ ก็คงไม่พ้นหรอกครับ ถ้าหากเป็นอย่างนี้ เพราะว่าหัวหน้าฝ่ายไม่มีอะไรคุ้มครองเพราะว่ากฎหมายเขาเขียนไว้ ถ้าขึ้นไป ถ้าศาลใช้ตามกฎหมาย ก็เสร็จ ก็ปรากฎว่าบ้านเมืองของเราเป็นอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร แล้วถ้าหากว่าไม่ปรารภเป็นอย่างไร หัวหน้าฝ่ายบริหารมีโอกาสคุย ผมต้องคุยตรงนี้ละครับ ใครจะว่าเอารัดเอาเปรียบอะไรต่าง ๆ เอาเอกชน คนมาเอาเอกชนด่าหัวหน้ารัฐบาลด่าได้ หัวหน้ารัฐบาลมีรายการออกโทรทัศน์ ท่านบอกไม่ได้ ใช้สถานีโทรทัศน์ไปว่าคนอื่น แต่คนอื่นใช้เอกชนด่าผมได้ ไม่ยุติธรรมหรอกครับ
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เล่าให้ฟังว่า งานของคนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น งานก็ทำครับ แต่ขณะเดียวกันปากไม่หุบอยู่เฉย ๆ หรอกครับ ต้องป้องกันครับ ต้องชี้แจงให้คนเห็น เป็นหัวหน้า 1 ใน 3 อำนาจ แต่ก็ต้องถูกอำนาจหนึ่งเป็นคนวินิจฉัย เพราะเขาสร้างขบวนการเอาไว้ให้ต้องเป็นอย่างนั้น เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารแต่ก็ต้องถูกอีกอำนาจหนึ่งจัดการวินิจฉัย เพราะเขียนไว้อย่างนั้น แต่สื่อสารมวลชนเขียน ทำผิดกฎหมายแก้กฎหมาย ถ้ากฎหมายผิดละครับ ไม่ร้องทุกข์ไม่บอกกัน ถ้ากฎหมายผิด คิดกันว่าทำผิดแล้วไปแก้กฎหมาย คนพวกนี้ประหลาดครับ ไปนั่งอ่านบทความเสร็จ วันก่อนบอกแล้วว่านั่งเครื่องบินมา เครื่องบิน 777 เครื่องดีแต่เกิดอาการอยากจะอ้วก เพราะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์มาทั้งปึก อ่านไป ๆ เครื่องบินดีแต่ที่อ้วกไม่มี ไม่ได้ดัดจริตพูดนะครับ ผมพูดจริง ๆ เลยว่า เขียนดุด่าว่ากล่าวกัน ต้องขออภัยบรรดานักวิจารณ์ทั้งหลายครับ รายการสนทนาประสาสมัคร ยังต้องมีอยู่ต่อไป ตราบใดยังเป็นหัวหน้ารัฐบาลอยู่ จะได้ทำไปอย่างไรสุดแท้แต่
สงสารนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปต่างประเทศ ไปคุยทำโรดโชว์อธิบาย ข่าวเอิกเกริกนี่ครับ ตกลงจะยุบไหม พรรคจะยุบไหม ตกลงว่าเป็นอย่างไร ปลุกระดมกันอีกแล้วหรือ ทหารจะปฏิวัติอีกแล้วหรือ ปลุกระดมจริงไหม จริงครับ ทหารจะปฏิวัติไหม ก็เขาแสดงว่าไม่ปฏิวัติ ออกข่าวกันอย่างโน้นอย่างนี้ คนนี้ ๆ คุม คนนี้ไม่ได้ ออกข่าวกันเลย คนนี้มีตำแหน่งแต่คุมไม่ได้ เพราะลูกน้องจะปฏิวัติ อย่างนี้ก็มีครับ ออกใบปลิวกันทำให้เสียหาย ว่ากล่าว แล้วทำอย่างไรครับบ้านเมืองอย่างนี้ ไม่มีวันจบ ครับ ยังไม่มีวันจบครับ วันอาทิตย์หน้า 08.30 น. ผมจะมาคุยอีก ทั้งเรื่องการงานที่ไปทำ เรื่องงานที่รับผิดชอบ และแน่นอนครับ ถ้าปัญหาของบ้านเมืองมีด้วยการปลุกระดมทำให้คนเข้าใจผิดกันอย่างนี้ เป็นหน้าที่ของผมต้องชี้แจงให้คนเข้าใจถูก บ้านเมืองเรายังดีครับ ยังเรียบร้อยยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่ลองคิดสิครับว่าใครที่ก่อเหตุทำให้บ้านเมืองยุ่งยาก ใครที่ต้องการเอาข่าวออกว่าปลุกระดมกันอีกแล้ว รัฐบาลเลวอีกแล้ว หัวหน้ารัฐบาลชื่อนายสมัคร สุนทรเวช เป็นคนไม่จงรักภักดีพระราชวงศ์มาอีกแล้วครับรายที่สอง ผมไม่ยอมหรอกครับ เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องสู้กัน สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--