นายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังกลับจากเยือนมาเลเซีย ย้ำต้องหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในการจะเสนอแก้รัฐธรรมนูญต่อสภา
เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) เวลา 21.30 น. ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเดินทางกลับจากการเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการถึงกรณีที่มีข่าวว่าหากแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะมีการเลือกตั้งใหม่ว่า ได้อธิบายไปแล้ว หากแก้แล้วจะมีบทเฉพาะกาลว่าจะใช้รัฐธรรมนูญเมื่อไร เช่น รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ประกาศใช้ก็ต่อเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลาออกไป นายชวน หลีกภัย ก็ได้โอกาสเข้ามาบริหารอีก 3 ปี โดยไม่ใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งเสียดาย เพราะถ้าใช้ตั้งแต่ตอนนั้น บ้านเมืองอาจไม่เป็นอย่างนี้ เพราะถ้าพรรคประชาธิปัตย์ใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ต้องดีแน่ แต่พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร กลับมาใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 เลยเกิดเรื่อง ทั้งนี้ ตอนนั่งเครื่องบินกลับมาก็หลับตาคิด ถ้าไม่มีคนชื่อทักษิณ ชินวัตร มาตั้งพรรคการเมือง บ้านเมืองเราก็คงไม่มีเรื่องอะไรยุ่งยากวุ่นวาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เดินทางไปประเทศจีน ก็ต้องรอนายบรรหารฯ แจ้งกลับมาอีกครั้ง และตนจะเป็นคนเลือกร้านอาหาร เพราะจะเป็นคนจ่ายเงินเอง แต่ไม่กินหูฉลาม เพราะไม่ชอบ แต่ความจริงคงไม่ต้องหารืออะไร เพราะพรรคพลังประชาชนเป็นผู้ริเริ่มแก้รัฐธรรมนูญ เราก็ชักชวนมาหารือเพื่อหาข้อสรุปทั้งหมด
"เราต้องหวังคะแนนที่จะบวกด้วย 233 เสียงแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ต้อง 316 เสียง และยังต้องหวังเสียงจากวุฒิสมาชิก 150 ต้องการ 30-40 เสียงก็แก้ได้ และจะย้ำว่าทำไมจึงต้องแก้ ถ้าหากไม่มีอะไรวอแวอยู่ด้วยกันธรรมดา ก็ไม่ต้องแก้ อยู่ไปอีก 3 เดือนจะไปค่อยแก้อย่างที่เคยพูดไว้ แต่เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาว่าจะเอาเรื่องนี้ ๆ ก็ต้องปรากฏว่าไม่ช้าไม่นานพรรคการเมืองต้องถูกยุบ ดังนั้น เมื่อเกิดอย่างนี้แล้วและมีเวลาเหลืออยู่ ถ้ารู้ตัวจะต้องตายวันข้างหน้า ทำไมไม่เขียนมรดกไว้ให้ลูกหลาน ก็เปรียบเทียบให้เห็นเท่านั้นเอง จึงอยากให้เข้าใจว่า เมื่อรู้ว่าตอนปลายจะเป็นอย่างไร ในขณะที่เรามีเวลาอยู่ มีสมาชิกมีเสียงเกิน ก็ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองไม่ได้หรือ ซึ่งเจ็บใจคนที่แสดงความคิดเห็นต่าง ๆ มันประหลาด ทั้งที่รู้กันอยู่ แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์เองก็รู้ว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญ แต่พอจะเริ่มแก้ ก็ออกมาค้าน และพยายามปลุกระดมกันเหมือนกับว่า ถ้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วบ้านเมืองจะบรรลัยวายวอด ใครจะคัดค้านก็ค้านไป ตบมือข้างเดียวดังไหม เพราะฉะนั้น ก็ทำไปธรรมดาเท่านั้นเอง แก้รัฐธรรมนูญไม่ถึงกับบรรลัยวายวอด แก้ให้ดี ไม่ใช่แก้ให้เลว แก้เพื่อประโยชน์ของคนวันข้างหน้า ไม่ใช่แก้เพื่อคนที่นั่งในสภาเวลานี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นคนละเรื่องกับการแก้ปัญหาของประชาชน ซึ่งขณะนี้คิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวนาได้อย่างไรทั้งเรื่องข้าว เรื่องปุ๋ย และภ้านายกรัฐมนตรีจะขอร้องให้ออกใบอนุญาตให้บริษัทนำเข้าปุ๋ยในราคายุติธรรมได้ไหม ซึ่งวันอาทิตย์นี้ (27 เม.ย.) จะอธิบายให้ชาวนาฟังในรายการสนทนาประสาสมัครว่า ชาวนาจะต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดจะสั่งให้มีการออกตรวจสินค้าข้าวว่าเป็นอย่างไร เพื่อจะมาอธิบายให้ฟังถึงสถานการณ์ข้าวในประเทศว่าเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะชุมนุมใหญ่วันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) โดยหยิบยกประเด็นที่รัฐบาลจะเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จะออกมาเคลื่อนไหว ไม่ใช่เรื่องของนายกรัฐมนตรี และจะห้ามไม่ให้ฝ่ายรัฐบาลออกมาเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้นจะต้องคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้ทราบว่าอะไรเป็นอะไร เพื่อให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคกรุณาไปบอกผู้เกี่ยวข้องไปตกลงกัน เพราะไม่ได้หมายความว่าพรรคพลังประชาชนเอาอย่างนี้ แล้วทุกพรรคต้องเห็นด้วย ทำอย่างนั้นไม่ได้ ต้องเอาทั้งหมด 6 พรรค แต่มีบางคนบอกว่าไม่อยากร่วมแก้รัฐธรรมนูญด้วย ก็ไม่ต้องร่วม แต่คนที่พูดต้องคิดให้ดีที่ประกาศไม่ร่วม
"เวลานี้ที่ผมรำคาญใจ คือว่า คนที่เขียนบทความต่อว่าผมใช้คำว่า “ตะแบง” ขณะที่นั่งเครื่องบินมาไม่เคยรู้สึกจะอาเจียนเลย แต่เมื่อสักครู่อยากจะอาเจียน เขียนกันเหลือเกิน ดูถูกดูแคลน เหมือนนายกฯ หน้าโง่ ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักทำอะไรเลย ผมขอย้ำให้ฟังว่า ผมไม่เคยรู้สึกตัวซีดตัวสั่นอยากเป็นนายกฯ แต่ผมรับหน้าที่มาแล้ว ถวายสัตย์ปฏิญาณมาแล้ว ก็มีหน้าที่ต้องบริหารบ้านเมืองนี้ ผมคิดว่าทำได้ เพราะฉะนั้น จะเขียนก็เขียนไป แต่จะอยู่นานแค่ไหนก็แล้วแต่ แต่จะทำงานให้บ้านเมืองนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) เวลา 21.30 น. ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเดินทางกลับจากการเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการถึงกรณีที่มีข่าวว่าหากแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะมีการเลือกตั้งใหม่ว่า ได้อธิบายไปแล้ว หากแก้แล้วจะมีบทเฉพาะกาลว่าจะใช้รัฐธรรมนูญเมื่อไร เช่น รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ประกาศใช้ก็ต่อเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลาออกไป นายชวน หลีกภัย ก็ได้โอกาสเข้ามาบริหารอีก 3 ปี โดยไม่ใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งเสียดาย เพราะถ้าใช้ตั้งแต่ตอนนั้น บ้านเมืองอาจไม่เป็นอย่างนี้ เพราะถ้าพรรคประชาธิปัตย์ใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ต้องดีแน่ แต่พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร กลับมาใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 เลยเกิดเรื่อง ทั้งนี้ ตอนนั่งเครื่องบินกลับมาก็หลับตาคิด ถ้าไม่มีคนชื่อทักษิณ ชินวัตร มาตั้งพรรคการเมือง บ้านเมืองเราก็คงไม่มีเรื่องอะไรยุ่งยากวุ่นวาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เดินทางไปประเทศจีน ก็ต้องรอนายบรรหารฯ แจ้งกลับมาอีกครั้ง และตนจะเป็นคนเลือกร้านอาหาร เพราะจะเป็นคนจ่ายเงินเอง แต่ไม่กินหูฉลาม เพราะไม่ชอบ แต่ความจริงคงไม่ต้องหารืออะไร เพราะพรรคพลังประชาชนเป็นผู้ริเริ่มแก้รัฐธรรมนูญ เราก็ชักชวนมาหารือเพื่อหาข้อสรุปทั้งหมด
"เราต้องหวังคะแนนที่จะบวกด้วย 233 เสียงแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ต้อง 316 เสียง และยังต้องหวังเสียงจากวุฒิสมาชิก 150 ต้องการ 30-40 เสียงก็แก้ได้ และจะย้ำว่าทำไมจึงต้องแก้ ถ้าหากไม่มีอะไรวอแวอยู่ด้วยกันธรรมดา ก็ไม่ต้องแก้ อยู่ไปอีก 3 เดือนจะไปค่อยแก้อย่างที่เคยพูดไว้ แต่เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาว่าจะเอาเรื่องนี้ ๆ ก็ต้องปรากฏว่าไม่ช้าไม่นานพรรคการเมืองต้องถูกยุบ ดังนั้น เมื่อเกิดอย่างนี้แล้วและมีเวลาเหลืออยู่ ถ้ารู้ตัวจะต้องตายวันข้างหน้า ทำไมไม่เขียนมรดกไว้ให้ลูกหลาน ก็เปรียบเทียบให้เห็นเท่านั้นเอง จึงอยากให้เข้าใจว่า เมื่อรู้ว่าตอนปลายจะเป็นอย่างไร ในขณะที่เรามีเวลาอยู่ มีสมาชิกมีเสียงเกิน ก็ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองไม่ได้หรือ ซึ่งเจ็บใจคนที่แสดงความคิดเห็นต่าง ๆ มันประหลาด ทั้งที่รู้กันอยู่ แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์เองก็รู้ว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญ แต่พอจะเริ่มแก้ ก็ออกมาค้าน และพยายามปลุกระดมกันเหมือนกับว่า ถ้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วบ้านเมืองจะบรรลัยวายวอด ใครจะคัดค้านก็ค้านไป ตบมือข้างเดียวดังไหม เพราะฉะนั้น ก็ทำไปธรรมดาเท่านั้นเอง แก้รัฐธรรมนูญไม่ถึงกับบรรลัยวายวอด แก้ให้ดี ไม่ใช่แก้ให้เลว แก้เพื่อประโยชน์ของคนวันข้างหน้า ไม่ใช่แก้เพื่อคนที่นั่งในสภาเวลานี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นคนละเรื่องกับการแก้ปัญหาของประชาชน ซึ่งขณะนี้คิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวนาได้อย่างไรทั้งเรื่องข้าว เรื่องปุ๋ย และภ้านายกรัฐมนตรีจะขอร้องให้ออกใบอนุญาตให้บริษัทนำเข้าปุ๋ยในราคายุติธรรมได้ไหม ซึ่งวันอาทิตย์นี้ (27 เม.ย.) จะอธิบายให้ชาวนาฟังในรายการสนทนาประสาสมัครว่า ชาวนาจะต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดจะสั่งให้มีการออกตรวจสินค้าข้าวว่าเป็นอย่างไร เพื่อจะมาอธิบายให้ฟังถึงสถานการณ์ข้าวในประเทศว่าเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะชุมนุมใหญ่วันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) โดยหยิบยกประเด็นที่รัฐบาลจะเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จะออกมาเคลื่อนไหว ไม่ใช่เรื่องของนายกรัฐมนตรี และจะห้ามไม่ให้ฝ่ายรัฐบาลออกมาเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้นจะต้องคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้ทราบว่าอะไรเป็นอะไร เพื่อให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคกรุณาไปบอกผู้เกี่ยวข้องไปตกลงกัน เพราะไม่ได้หมายความว่าพรรคพลังประชาชนเอาอย่างนี้ แล้วทุกพรรคต้องเห็นด้วย ทำอย่างนั้นไม่ได้ ต้องเอาทั้งหมด 6 พรรค แต่มีบางคนบอกว่าไม่อยากร่วมแก้รัฐธรรมนูญด้วย ก็ไม่ต้องร่วม แต่คนที่พูดต้องคิดให้ดีที่ประกาศไม่ร่วม
"เวลานี้ที่ผมรำคาญใจ คือว่า คนที่เขียนบทความต่อว่าผมใช้คำว่า “ตะแบง” ขณะที่นั่งเครื่องบินมาไม่เคยรู้สึกจะอาเจียนเลย แต่เมื่อสักครู่อยากจะอาเจียน เขียนกันเหลือเกิน ดูถูกดูแคลน เหมือนนายกฯ หน้าโง่ ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักทำอะไรเลย ผมขอย้ำให้ฟังว่า ผมไม่เคยรู้สึกตัวซีดตัวสั่นอยากเป็นนายกฯ แต่ผมรับหน้าที่มาแล้ว ถวายสัตย์ปฏิญาณมาแล้ว ก็มีหน้าที่ต้องบริหารบ้านเมืองนี้ ผมคิดว่าทำได้ เพราะฉะนั้น จะเขียนก็เขียนไป แต่จะอยู่นานแค่ไหนก็แล้วแต่ แต่จะทำงานให้บ้านเมืองนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--