นายกรัฐมนตรีเผยร่างนโยบายรัฐบาลเบื้องต้นเสร็จแล้ว ประชุมครม.นัดแรกพรุ่งนี้ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบให้รอบคอบอีกครั้ง พร้อมขอเวลาให้ครม.ทำงานก่อน
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่บ้านพักในหมู่บ้านเบเวอร์รี่ฮิลล์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการร่างนโยบายของรัฐบาลว่า ขณะนี้ได้ร่างนโยบายเสร็จเรียบร้อยแล้วในเบื้องต้น ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก จะได้แจ้งให้รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลรับทราบ จากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อตรวจชำระขั้นสุดท้ายอีกรอบหนึ่งว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องหรือไม่ ก่อนจะแจ้งไปยังสภาฯ ว่ารัฐบาลพร้อมที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อไร อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูเบื้องต้นก็พอใจร่างนโยบายที่ทำขึ้น แต่ต้องมีการตรวจสอบให้รอบคอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งได้นำนโยบายของรัฐบาลชุดเดิมมาเป็นต้นแบบในการร่างด้วย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ผิดฝาผิดตัว และไม่ตรงกับที่ประกาศไว้ว่า ก็เป็นเรื่องของการแสดงความคิดเห็น ต้องขอให้รัฐมนตรีแต่ละคนได้ทำงานก่อน ซึ่งตนจะเป็นผู้ที่คอยกำกับดูแลและติดตามการทำงานของ ครม.ทั้งหมด ทั้งนี้ บางทีอาจคิดว่าผิดฝาผิดตัว แต่ตนคิดว่าถ้าได้ทำงานไปแล้วอาจจะคิดว่าดีกว่าก็ได้ อย่างร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องลองให้ทำงานดู เมื่อทำไปแล้วอาจจะคิดว่าเหมาะสมก็ได้ ต้องให้เวลาทำงานบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นเลยจะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะกำชับให้รัฐมนตรีได้พยายามทำงานให้เกิดความเชื่อมั่น ส่วนนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรีนั้น คิดว่าจะสามารถช่วยงานได้ ส่วนจะได้มากน้อยแค่ไหนต้องให้แสดงฝีมือต่อไป สำหรับกระทรวง ศึกษาธิการที่ตั้งรัฐมนตรีว่าการทำงานเพียงคนเดียวทั้งที่มีงานมีจำนวนมากนั้น เพราะช่วงที่ตนเข้าไปทำงานในกระทรวงได้วางพื้นฐานไว้มาก ซึ่งดูแล้วการทำงานช่วงต่อไปจะทำได้ง่าย ดังนั้น ทำคนเดียวก่อนก็ได้ ส่วนที่มองว่านายศรีเมือง เจริญศิริ ไม่ได้เป็นนักการศึกษามาก่อนนั้น ไม่น่ามีปัญหา เพราะเป็นเพียงผู้กำกับนโยบายและในกระทรวงก็มีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถใช้งานได้มาก
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลการควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งที่มีนายทหารที่มีความรู้ความสามารถหลายคน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ลองดู ส่วนที่ผ่านมามีการแต่งตั้งนายทหารรุ่น 10 เข้าไปเป็นทีมที่ปรึกษาจำนวนมาก แต่ไม่ได้ช่วยงานอะไรนั้น ก็จะเข้าไปดูใหม่ ขณะนี้ยังไม่ได้คิดไว้ว่าจะให้ใครเป็นที่ปรึกษา เพราะไม่ได้อยู่ในวงการทหาร ซึ่งจะได้ปรึกษาหารือกันว่าทำอย่างไรกองทัพถึงจะไปได้ดี นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการมอบหมายงานให้พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแบ่งงานกัน หลังการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ก็จะมาดู และแบ่งตามความเหมาะสม ส่วนเหตุผลที่ให้พลเอก ชวลิตฯ กลับมารับตำแหน่งนั้น เพราะท่านเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง ผ่านงานมามาก คิดว่าคงจะช่วยงานรัฐบาลได้มากและสร้างความเชื่อมั่นได้ดี ทั้งนี้ การตั้งพลเอก ชวลิตฯ ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคการเมือง หรือเพื่อรองรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้เมื่อไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะจัดการปัญหาภายในพรรคได้หรือไม่ โดยเฉพาะกลุ่มโคราชและภาคกลางไม่พอใจการแต่งตั้ง ครม.ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัด ครม.แต่ละครั้งก็ไม่มีใครได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนมีมาก อะไรที่เราจัดได้ดีที่สุดก็ทำไป ซึ่งบางคนอาจจะดีใจบางคนก็ไม่ค่อยสบายใจ แต่คิดว่าในทางการเมืองเป็นเรื่องที่เราต้องเดินไป พรรคก็ต้องเดินไป การบริหารบ้านเมืองก็ต้องเดินไป ดังนั้น อะไรที่ไม่ได้ตามความมุ่งหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ บางคนก็รู้สึกไม่สบายใจได้ แต่อยากจะขอว่าเราจะต้องมองดูว่าบ้านเมืองต้องเดินต่อไป เราคงจะไม่เอาเรื่องนี้มาบั่นทอนการทำงาน ซึ่งคิดว่าทุกคนเข้าใจดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า เริ่มมีการลองของในการประชุมสภาฯ จนทำให้สภาฯ ล่มแล้ว เพราะส.ส.กลุ่มที่ไม่พอใจระบุจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลเหมือนฝ่ายค้าน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ส.ส. มีหน้าที่ตรวจสอบทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ก็ขึ้นอยู่กับเหตุและผล ส่วนเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้คำนึงถึงว่ากลุ่มไหนจะมากหรือน้อย เพราะดูที่ความเหมาะสมส่วนหนึ่ง แต่คงมีบางส่วนที่เห็นว่ากลุ่มนั้นได้มากได้น้อย บางครั้งพอเราให้คนนี้ไม่ได้บอกว่าเอาไว้คราวหน้า แต่พอให้แล้วก็เกิดการเหลื่อมล้ำกันก็เป็นอย่างนี้ ซึ่งเวลาจัด ครม. ไม่ได้ดั่งใจทั้งหมด ต้องพยายามจัดการแก้ปัญหากันไปเป็นเรื่องที่ต้องทำ เรื่องภาวะกดดันที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่คิดว่าเราควรจะพูดกันด้วยเหตุผล ทำความเข้าใจกัน และเราก็ต้องทำงานไปจะท้อถอยไม่ได้
ส่วนกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่นายสมัคร สุนทรเวช หมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศาลตัดสินอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น เป็นเรื่องของกระบวนการกฎหมาย แต่นายสมัครฯ ยังสามารถยื่นฎีกาได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่บ้านพักในหมู่บ้านเบเวอร์รี่ฮิลล์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการร่างนโยบายของรัฐบาลว่า ขณะนี้ได้ร่างนโยบายเสร็จเรียบร้อยแล้วในเบื้องต้น ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก จะได้แจ้งให้รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลรับทราบ จากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อตรวจชำระขั้นสุดท้ายอีกรอบหนึ่งว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องหรือไม่ ก่อนจะแจ้งไปยังสภาฯ ว่ารัฐบาลพร้อมที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อไร อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูเบื้องต้นก็พอใจร่างนโยบายที่ทำขึ้น แต่ต้องมีการตรวจสอบให้รอบคอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งได้นำนโยบายของรัฐบาลชุดเดิมมาเป็นต้นแบบในการร่างด้วย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ผิดฝาผิดตัว และไม่ตรงกับที่ประกาศไว้ว่า ก็เป็นเรื่องของการแสดงความคิดเห็น ต้องขอให้รัฐมนตรีแต่ละคนได้ทำงานก่อน ซึ่งตนจะเป็นผู้ที่คอยกำกับดูแลและติดตามการทำงานของ ครม.ทั้งหมด ทั้งนี้ บางทีอาจคิดว่าผิดฝาผิดตัว แต่ตนคิดว่าถ้าได้ทำงานไปแล้วอาจจะคิดว่าดีกว่าก็ได้ อย่างร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องลองให้ทำงานดู เมื่อทำไปแล้วอาจจะคิดว่าเหมาะสมก็ได้ ต้องให้เวลาทำงานบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นเลยจะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะกำชับให้รัฐมนตรีได้พยายามทำงานให้เกิดความเชื่อมั่น ส่วนนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรีนั้น คิดว่าจะสามารถช่วยงานได้ ส่วนจะได้มากน้อยแค่ไหนต้องให้แสดงฝีมือต่อไป สำหรับกระทรวง ศึกษาธิการที่ตั้งรัฐมนตรีว่าการทำงานเพียงคนเดียวทั้งที่มีงานมีจำนวนมากนั้น เพราะช่วงที่ตนเข้าไปทำงานในกระทรวงได้วางพื้นฐานไว้มาก ซึ่งดูแล้วการทำงานช่วงต่อไปจะทำได้ง่าย ดังนั้น ทำคนเดียวก่อนก็ได้ ส่วนที่มองว่านายศรีเมือง เจริญศิริ ไม่ได้เป็นนักการศึกษามาก่อนนั้น ไม่น่ามีปัญหา เพราะเป็นเพียงผู้กำกับนโยบายและในกระทรวงก็มีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถใช้งานได้มาก
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลการควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งที่มีนายทหารที่มีความรู้ความสามารถหลายคน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ลองดู ส่วนที่ผ่านมามีการแต่งตั้งนายทหารรุ่น 10 เข้าไปเป็นทีมที่ปรึกษาจำนวนมาก แต่ไม่ได้ช่วยงานอะไรนั้น ก็จะเข้าไปดูใหม่ ขณะนี้ยังไม่ได้คิดไว้ว่าจะให้ใครเป็นที่ปรึกษา เพราะไม่ได้อยู่ในวงการทหาร ซึ่งจะได้ปรึกษาหารือกันว่าทำอย่างไรกองทัพถึงจะไปได้ดี นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการมอบหมายงานให้พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแบ่งงานกัน หลังการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ก็จะมาดู และแบ่งตามความเหมาะสม ส่วนเหตุผลที่ให้พลเอก ชวลิตฯ กลับมารับตำแหน่งนั้น เพราะท่านเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง ผ่านงานมามาก คิดว่าคงจะช่วยงานรัฐบาลได้มากและสร้างความเชื่อมั่นได้ดี ทั้งนี้ การตั้งพลเอก ชวลิตฯ ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคการเมือง หรือเพื่อรองรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้เมื่อไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะจัดการปัญหาภายในพรรคได้หรือไม่ โดยเฉพาะกลุ่มโคราชและภาคกลางไม่พอใจการแต่งตั้ง ครม.ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัด ครม.แต่ละครั้งก็ไม่มีใครได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนมีมาก อะไรที่เราจัดได้ดีที่สุดก็ทำไป ซึ่งบางคนอาจจะดีใจบางคนก็ไม่ค่อยสบายใจ แต่คิดว่าในทางการเมืองเป็นเรื่องที่เราต้องเดินไป พรรคก็ต้องเดินไป การบริหารบ้านเมืองก็ต้องเดินไป ดังนั้น อะไรที่ไม่ได้ตามความมุ่งหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ บางคนก็รู้สึกไม่สบายใจได้ แต่อยากจะขอว่าเราจะต้องมองดูว่าบ้านเมืองต้องเดินต่อไป เราคงจะไม่เอาเรื่องนี้มาบั่นทอนการทำงาน ซึ่งคิดว่าทุกคนเข้าใจดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า เริ่มมีการลองของในการประชุมสภาฯ จนทำให้สภาฯ ล่มแล้ว เพราะส.ส.กลุ่มที่ไม่พอใจระบุจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลเหมือนฝ่ายค้าน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ส.ส. มีหน้าที่ตรวจสอบทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ก็ขึ้นอยู่กับเหตุและผล ส่วนเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้คำนึงถึงว่ากลุ่มไหนจะมากหรือน้อย เพราะดูที่ความเหมาะสมส่วนหนึ่ง แต่คงมีบางส่วนที่เห็นว่ากลุ่มนั้นได้มากได้น้อย บางครั้งพอเราให้คนนี้ไม่ได้บอกว่าเอาไว้คราวหน้า แต่พอให้แล้วก็เกิดการเหลื่อมล้ำกันก็เป็นอย่างนี้ ซึ่งเวลาจัด ครม. ไม่ได้ดั่งใจทั้งหมด ต้องพยายามจัดการแก้ปัญหากันไปเป็นเรื่องที่ต้องทำ เรื่องภาวะกดดันที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่คิดว่าเราควรจะพูดกันด้วยเหตุผล ทำความเข้าใจกัน และเราก็ต้องทำงานไปจะท้อถอยไม่ได้
ส่วนกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่นายสมัคร สุนทรเวช หมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศาลตัดสินอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น เป็นเรื่องของกระบวนการกฎหมาย แต่นายสมัครฯ ยังสามารถยื่นฎีกาได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--