แท็ก
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
จังหวัดเชียงใหม่
แก้ไขรัฐธรรมนูญ
ชวลิต ยงใจยุทธ
กระทรวงกลาโหม
นายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีระบุมอบให้พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานงานเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศชาติ
วันนี้ (2 ต.ค.) เวลา 08.30 น. ที่หมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ จังหวัดเชียงใหม่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกจากทำเนียบรัฐบาลว่าจะมีวิธีการดำเนินการอย่างไร ว่า รัฐบาลไม่มีความประสงค์ที่จะใช้กำลังและขอให้เห็นแก่บ้านเมือง ต้องมีการพูดคุยกัน และขอให้พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยประสานงาน เพราะพลเอก ชวลิตฯ เป็นคนที่มีประสบการณ์ เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน มีความนิ่มนวล เป็นผู้ใหญ่ คิดว่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง และทางพลเอก ชวลิตฯ ก็แจ้งให้ทราบว่ามีสัญญาณที่ดี ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล ทำให้เกิดความเสียหาย และเสียความเชื่อมั่นจากต่างชาติไปมาก อย่างกรณีที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก็มีคนถามเรื่องนี้ เราจึงต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเรียบร้อย และไม่ได้คิดว่าจะมีใครเสียหน้าเสียตา การเรียกร้องและแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลรับฟัง และไม่ห้ามการชุมนุม แต่ขอให้เป็นที่เป็นทาง และคิดว่าไม่เสียหายกับประเทศชาติ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนรักชาติ แต่จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองและประชาชนสบายใจ เราจึงต้องช่วยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้าพบพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้รับคำแนะนำอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ท่านให้คำแนะนำ ข้อสังเกตและความรู้ต่าง ๆ แต่ขออนุญาตที่จะไม่พูด วันนี้คิดว่าท่านมีความเมตตาให้กับทุกคนอยู่แล้ว เราต้องช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศชาติ ถ้าไม่มีทางออก เราจะอยู่กันอย่างไร และจะต้องเป็นทางออกที่สงบเรียบร้อย ประชาชนมีความสุข ไม่ใช่เป็นทางออกที่มารบรากัน อย่างนั้นประเทศคงล่มจม ทุกคนเป็นหุ้นส่วนของประเทศนี้ ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง เราจึงต้องหาทางออกของชาติร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีปัญหาหรือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความสมานสามัคคีภายในชาติหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเรามองประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ก็คงไม่เป็นประเด็น เพราะเห็นชัดเจนว่าทุกคนเรียกร้องให้มีการพัฒนาการเมือง และการพัฒนาการเมือง คือประชาชนทุกคนจะต้องมีส่านร่วมและเห็นชอบด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลจะไปหมกเม็ดไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคนเขียน สุดท้ายประชาชนทั้งประเทศ จะต้องเป็นคนทำ รัฐบาลไม่ได้เป็นคนทำ หรือทำในนามรัฐบาล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ก็ถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชน ถ้าไม่ให้ ส.ส. ทำ แล้วใครจะเป็นคนทำ อย่างไรก็ตาม การทำเรื่องนี้จะมีรูปแบบอย่างไรก็แล้วแต่จะต้องมีกฎหมายรองรับ การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องมีกฎหมายรองรับ เหมือนที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้ชัดเจนว่ามีวิธีการแก้ไขอย่างไร
ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าการหาประธานสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ครั้งนี้คงจะทำได้ยาก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรุงศรีอยุธยายังไม่สิ้นคนดี คงต้องมีสักคน ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ จะใช้น้ำอะไรดับปัญหาภายในพรรคพลังประชาชน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาในพรรคพลังประชาชนดับอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้น้ำ ส่วนการแบ่งงานของรองนายกรัฐมนตรีนั้นอีก 2-3 วันคงจะเรียบร้อย ส่วนคณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรอให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยพูดทีเดียว แต่จะเป็นใครก็ตาม จะต้องมีบรรยากาศของการประนีประนอม ปรองดองกัน ถ้ายังมีปัญหาตรงนี้ ก็ต้องปรับปรุง ซึ่งจะใช้วิธีที่จะทำให้ประชาชนทุกคนมีความสบายใจ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (2 ต.ค.) เวลา 08.30 น. ที่หมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ จังหวัดเชียงใหม่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกจากทำเนียบรัฐบาลว่าจะมีวิธีการดำเนินการอย่างไร ว่า รัฐบาลไม่มีความประสงค์ที่จะใช้กำลังและขอให้เห็นแก่บ้านเมือง ต้องมีการพูดคุยกัน และขอให้พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยประสานงาน เพราะพลเอก ชวลิตฯ เป็นคนที่มีประสบการณ์ เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน มีความนิ่มนวล เป็นผู้ใหญ่ คิดว่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง และทางพลเอก ชวลิตฯ ก็แจ้งให้ทราบว่ามีสัญญาณที่ดี ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล ทำให้เกิดความเสียหาย และเสียความเชื่อมั่นจากต่างชาติไปมาก อย่างกรณีที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก็มีคนถามเรื่องนี้ เราจึงต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเรียบร้อย และไม่ได้คิดว่าจะมีใครเสียหน้าเสียตา การเรียกร้องและแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลรับฟัง และไม่ห้ามการชุมนุม แต่ขอให้เป็นที่เป็นทาง และคิดว่าไม่เสียหายกับประเทศชาติ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนรักชาติ แต่จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองและประชาชนสบายใจ เราจึงต้องช่วยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้าพบพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้รับคำแนะนำอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ท่านให้คำแนะนำ ข้อสังเกตและความรู้ต่าง ๆ แต่ขออนุญาตที่จะไม่พูด วันนี้คิดว่าท่านมีความเมตตาให้กับทุกคนอยู่แล้ว เราต้องช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศชาติ ถ้าไม่มีทางออก เราจะอยู่กันอย่างไร และจะต้องเป็นทางออกที่สงบเรียบร้อย ประชาชนมีความสุข ไม่ใช่เป็นทางออกที่มารบรากัน อย่างนั้นประเทศคงล่มจม ทุกคนเป็นหุ้นส่วนของประเทศนี้ ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง เราจึงต้องหาทางออกของชาติร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีปัญหาหรือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความสมานสามัคคีภายในชาติหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเรามองประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ก็คงไม่เป็นประเด็น เพราะเห็นชัดเจนว่าทุกคนเรียกร้องให้มีการพัฒนาการเมือง และการพัฒนาการเมือง คือประชาชนทุกคนจะต้องมีส่านร่วมและเห็นชอบด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลจะไปหมกเม็ดไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคนเขียน สุดท้ายประชาชนทั้งประเทศ จะต้องเป็นคนทำ รัฐบาลไม่ได้เป็นคนทำ หรือทำในนามรัฐบาล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ก็ถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชน ถ้าไม่ให้ ส.ส. ทำ แล้วใครจะเป็นคนทำ อย่างไรก็ตาม การทำเรื่องนี้จะมีรูปแบบอย่างไรก็แล้วแต่จะต้องมีกฎหมายรองรับ การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องมีกฎหมายรองรับ เหมือนที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้ชัดเจนว่ามีวิธีการแก้ไขอย่างไร
ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าการหาประธานสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ครั้งนี้คงจะทำได้ยาก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรุงศรีอยุธยายังไม่สิ้นคนดี คงต้องมีสักคน ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ จะใช้น้ำอะไรดับปัญหาภายในพรรคพลังประชาชน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาในพรรคพลังประชาชนดับอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้น้ำ ส่วนการแบ่งงานของรองนายกรัฐมนตรีนั้นอีก 2-3 วันคงจะเรียบร้อย ส่วนคณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรอให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยพูดทีเดียว แต่จะเป็นใครก็ตาม จะต้องมีบรรยากาศของการประนีประนอม ปรองดองกัน ถ้ายังมีปัญหาตรงนี้ ก็ต้องปรับปรุง ซึ่งจะใช้วิธีที่จะทำให้ประชาชนทุกคนมีความสบายใจ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--