นายกรัฐมนตรีเผยผู้นำ 4 ฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อนำไปสู่แนวทางที่จะให้ประชาชนทั้งประเทศมีส่วนร่วมปฏิรูปการเมือง โดยเลือกตัวแทนเข้ามาเป็นส.ส.ร. 3
วันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ณ ห้องรับรอง 1 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ได้มีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันของผู้นำ 4 ฝ่าย ประกอบด้วย นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทน ราษฎร นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาแนวทางการปฏิรูปทางการเมือง โดยได้ใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า การหารือกันครั้งนี้เป็น เพราะนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นเจ้าภาพเชิญมาหาทางออกในการแก้ไขปัญหาของการปฏิรูปการเมือง ซึ่งเคยพูดไปแล้วว่ารัฐบาลสนับสนุนแนวทางที่ให้ประชาชนทุกภาคส่วนทั่วประเทศเข้ามามีส่วนร่วม โดยที่ประชุมวันนี้เห็นพ้องต้องกันทุกฝ่ายว่าต้องไปตามแนวนั้น คือปรับปรุงมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่แนวทางที่จะให้ประชาชนทั้งประเทศมีส่วนร่วม โดยอาจจะมีการเลือกตัวแทนเข้ามาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 (ส.ส.ร.) อย่างไรก็ตามบรรยากาศในที่ประชุมวันนี้ดีมาก ทุกคนพูดไปในแนวทางเดียวกันว่ามีเจตจำนงที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์ของบ้านเมือง ทุกคนเห็นชอบที่จะแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองไปสู่สภาพที่เรารักสามัคคีและสมานฉันท์กัน และคิดว่าแนวทางนี้น่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ทุกฝ่ายรับได้และสถานการณ์จะคลี่คลายได้
ส่วนที่ฝ่ายค้านกังวลว่ารัฐบาลอาจส่งตัวแทนมาร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีอย่างนั้นเลย ซึ่งทุกฝ่ายพยายามหาทางออกร่วมกัน และตนก็แสดงออกชัดเจนว่ารัฐบาลไม่มีหมกเม็ด ไม่มีวาระซ่อนเร้นที่จะเอาคนรัฐบาลเข้ามา ซึ่งทุกคนในที่ประชุมก็เข้าใจและบอกว่าเราต้องการที่จะเห็นความปรองดอง การเข้าใจซึ่งกันและกันในบ้านเมืองอย่างแท้จริงด้วยการหาทางออกร่วมกัน ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2550 (คปพร.) ที่ยื่นเข้ามานั้น ประธานสภาฯ บอกว่าเป็นร่างที่เข้ามาตามแนวทาง และได้เรียนไปว่าไม่ไปก้าวก่ายตรงนี้ โดยให้สภาฯดำเนินการไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางที่ทางรัฐบาลเสนอให้ตั้ง ส.ส.ร.3 คิดว่าทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเห็นด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่น่าจะรับตรงนี้ได้ เพราะเราคิดว่าเมื่อเป้าหมายคือประชาชน ก็ต้องให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นด้วย และมีความรู้สึกไปในทิศทางเดียวกัน แต่อาจมีบ้างที่บางคนไม่เห็นด้วย แต่ก็เป็นเรื่องที่ว่าเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยเอาเสียงข้างมากส่วนใหญ่ก็แล้วกัน อย่างน้อยตอนนี้เอาเสียงข้างมากในสภาฯ ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 480 คนสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 150 คน ตรงนี้น่าจะเป็นแนวทางเดียวกันแล้ว เพราะว่าทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภาและผู้เกี่ยวข้องก็เห็นร่วมกันแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน อยากให้นายกรัฐมนตรียืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการปฏิรูปการเมืองจริงๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ยืนยันอย่างนั้นว่าเพื่อการเมืองเพื่อประชาชนและเพื่อประโยชน์ทั้งหมด และไม่มีวาระอะไรซ่อนเร้น ส่วนการหารือครั้งนี้สอดรับกับข้อเสนอของ 24 อธิการบดีมหาวิทยาลัยอย่างไรนั้น คิดว่ารวมๆ กันอยู่ในนั้น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ณ ห้องรับรอง 1 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ได้มีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันของผู้นำ 4 ฝ่าย ประกอบด้วย นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทน ราษฎร นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาแนวทางการปฏิรูปทางการเมือง โดยได้ใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า การหารือกันครั้งนี้เป็น เพราะนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นเจ้าภาพเชิญมาหาทางออกในการแก้ไขปัญหาของการปฏิรูปการเมือง ซึ่งเคยพูดไปแล้วว่ารัฐบาลสนับสนุนแนวทางที่ให้ประชาชนทุกภาคส่วนทั่วประเทศเข้ามามีส่วนร่วม โดยที่ประชุมวันนี้เห็นพ้องต้องกันทุกฝ่ายว่าต้องไปตามแนวนั้น คือปรับปรุงมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่แนวทางที่จะให้ประชาชนทั้งประเทศมีส่วนร่วม โดยอาจจะมีการเลือกตัวแทนเข้ามาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 (ส.ส.ร.) อย่างไรก็ตามบรรยากาศในที่ประชุมวันนี้ดีมาก ทุกคนพูดไปในแนวทางเดียวกันว่ามีเจตจำนงที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์ของบ้านเมือง ทุกคนเห็นชอบที่จะแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองไปสู่สภาพที่เรารักสามัคคีและสมานฉันท์กัน และคิดว่าแนวทางนี้น่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ทุกฝ่ายรับได้และสถานการณ์จะคลี่คลายได้
ส่วนที่ฝ่ายค้านกังวลว่ารัฐบาลอาจส่งตัวแทนมาร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีอย่างนั้นเลย ซึ่งทุกฝ่ายพยายามหาทางออกร่วมกัน และตนก็แสดงออกชัดเจนว่ารัฐบาลไม่มีหมกเม็ด ไม่มีวาระซ่อนเร้นที่จะเอาคนรัฐบาลเข้ามา ซึ่งทุกคนในที่ประชุมก็เข้าใจและบอกว่าเราต้องการที่จะเห็นความปรองดอง การเข้าใจซึ่งกันและกันในบ้านเมืองอย่างแท้จริงด้วยการหาทางออกร่วมกัน ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2550 (คปพร.) ที่ยื่นเข้ามานั้น ประธานสภาฯ บอกว่าเป็นร่างที่เข้ามาตามแนวทาง และได้เรียนไปว่าไม่ไปก้าวก่ายตรงนี้ โดยให้สภาฯดำเนินการไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางที่ทางรัฐบาลเสนอให้ตั้ง ส.ส.ร.3 คิดว่าทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเห็นด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่น่าจะรับตรงนี้ได้ เพราะเราคิดว่าเมื่อเป้าหมายคือประชาชน ก็ต้องให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นด้วย และมีความรู้สึกไปในทิศทางเดียวกัน แต่อาจมีบ้างที่บางคนไม่เห็นด้วย แต่ก็เป็นเรื่องที่ว่าเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยเอาเสียงข้างมากส่วนใหญ่ก็แล้วกัน อย่างน้อยตอนนี้เอาเสียงข้างมากในสภาฯ ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 480 คนสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 150 คน ตรงนี้น่าจะเป็นแนวทางเดียวกันแล้ว เพราะว่าทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภาและผู้เกี่ยวข้องก็เห็นร่วมกันแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน อยากให้นายกรัฐมนตรียืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการปฏิรูปการเมืองจริงๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ยืนยันอย่างนั้นว่าเพื่อการเมืองเพื่อประชาชนและเพื่อประโยชน์ทั้งหมด และไม่มีวาระอะไรซ่อนเร้น ส่วนการหารือครั้งนี้สอดรับกับข้อเสนอของ 24 อธิการบดีมหาวิทยาลัยอย่างไรนั้น คิดว่ารวมๆ กันอยู่ในนั้น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--