รองนายกรัฐมนตรีเผยได้เรียกประชุมคณะกรรมการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 นัดแรก 17 ตุลาคมนี้ โดยจะให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมและยุติธรรมโปร่งใส
วันนี้ (15 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.10 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง แถลงว่าในวันที่ 17 ตุลาคมนี้จะร่วมประชุมกับคณะกรรมการเยียวยาฯ เป็นครั้งแรก ในเวลา 10.00 น. เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องการให้การช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมและยุติธรรมโปร่งใส โดยไม่เลือกว่าเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้จะไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ส่วนวิธีการเยียวยาจะมีทั้งการจ่ายเงินชดเชย ค่ารักษาพยาบาล ทรัพย์สิน รวมทั้งดูแลสุขภาพจิต
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเงินถึงพันล้านบาท รัฐบาลมีเงินเพียงพอหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องพิสูจน์ว่าตัวเลขที่กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องมานั้นมีความเสียหายเช่นนั้นจริงหรือไม่ รัฐบาลจะดูตามข้อเท็จจริง ส่วนกรอบวงเงินที่จะใช้ในการเยียวยานั้นจะมอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ เป็นผู้พิจารณา โดยใช้เงินจากสำนักงบประมาณ จากนั้นจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ ส่วนจะใช้เวลาพิจารณานานเท่าไรนั้น เบื้องต้นจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดภายในเวลา 90 วันตามที่คำสั่งแต่งตั้งได้ระบุเอาไว้ แต่หากไม่เสร็จก็สามารถขยายเวลาต่อไปได้อีก 30 วัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้กำหนดกรอบวงเงินที่จะช่วยเหลือเบื้องต้นไว้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องรอหลังการประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการฯ ก่อนว่าจากการสำรวจตัวเลขแล้วพบว่ามีจำนวนผู้ได้รับผลกระทบเท่าไร ส่วนจำนวนเงินนั้นเบื้องต้นมีการกำหนดตัวเลขจากสำนักนายกรัฐมนตรีไว้แล้วว่าผู้เสียชีวิตหรือผู้พิการจะได้รับเงินชดเชยเท่าไร ทั้งนี้ คณะกรรมการเยียวยาฯ จะทำหน้าที่เยียวยาผู้ได้รับความเสียหายทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งอาจรวมถึงผู้ได้รับความเสียหายจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในทำเนียบรัฐบาลด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--