วันนี้ (17) เมื่อเวลา 15.00 น. ณ อาคารท่าอากาศยานดอนเมือง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้เรียกประชุมรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคร่วมรัฐบาลได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อแผ่นดิน มีนายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พรรคประชาราช มีนางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นตัวแทน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา มีพลเอก เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พรรคชาติไทย มีพลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พรรคมัชฌิมาธิปไตย มีร้อยเอก รชฎ พิสิษฐ์บรรณกร รองเลขาธิการพรรค นายนิวัฒน์ นิติกาญจน์ รองหัวหน้าพรรค และนางพรทิวา นาคาศัย เป็นตัวแทน โดยใช้เวลาหารือกันประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้แถลงผลการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ดังนี้ จากที่เป็นข่าวหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมาคิดว่ารัฐบาลซึ่งมีพรรคการเมืองร่วมกันทั้ง 6 พรรคควรจะได้มีการชี้แจงบางสิ่งบางอย่างให้พี่น้องประชาชนได้ทราบถึงการทำงานของรัฐบาล ความร่วมมือทั้ง 6 พรรค ที่มีอยู่ด้วยกัน ทั้งนี้ ผมคิดว่าการแถลงคราวนี้เป็นเรื่องการแถลงต่อพี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนตามปกติ ถ้ามีเรื่องราวต่าง ๆเกิดขึ้น และเป็นที่สนใจอยากรู้ความเคลื่อนไหว ความเป็นไปเป็นมาของการทำงานในภาครัฐบาลนั้น รัฐบาลก็ควรจะแสดงให้พี่น้องประชาชนทราบ ทั้งนี้ เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่เราเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า เป็นรัฐบาลที่มาในระบอบประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ เพราะฉะนั้น การทำสิ่งใดก็ควรจะรายงานให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบ เพราะว่าเรามีความรับผิดชอบต่อบุคคลที่ส่งให้เราขึ้นมาเป็นผู้บริหารราชการบ้านเมือง เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมาพูดคุยกันเป็นครั้งเป็นคราว
จากที่มีข่าวหลายเรื่องหลายราวในวันนี้ ผมอยากจะเรียนอย่างนี้นะครับว่าการทำงานของรัฐบาลนั้น จุดมุ่งหมายเมื่อขึ้นมาแล้วไม่ได้มีเป้าประสงค์ว่า จะทำงานเฉพาะด้านการเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรากังวลคือ การที่เราต้องดูแลพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วน โดยเสมอภาคกันทั้งประเทศ นโยบายของเราที่ได้แถลงไปนั้น คงจะเป็นที่ทราบว่ามีหลายอย่าง ท้งนี้ ครอบคลุมถึงการทำมาหากินของพี่น้องประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในชนบท จะอยู่ในเมือง หรือจะอยู่ในเมืองหลวง การอำนวยความสะดวก เช่น ตั้งแต่เรื่องน้ำ เรื่องไร่นา เรื่องราคาสินค้า จนกระทั่งมาถึงเรื่องถนนหนทาง เรื่องรถไฟฟ้าใต้ดิน บนดิน อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งครอบคลุมอยู่ทุกภาคส่วน เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าอันนี้เป็นนโยบายที่ประกาศไว้ชัดเจน
อยากจะพูดถึงเรื่องที่เราให้ความสนใจกันมากมายอยู่เรื่องหนึ่งก็คือ ปัญหาเหตุที่เกิด เกิดเหตุการณ์ที่ยังเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอยู่ทุกวันนี้คือ เหตุที่เกิดขึ้นจากการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า ตกลงเป็นอย่างไรกันนั้น ผมอยากจะเรียนอย่างนี้ว่า เมื่อรัฐบาลได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว หลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว เป็นกฎข้อบังคับของกฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วันหลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณ เพราะฉะนั้น ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร (นายชัย ชิดชอบ) ซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ได้เป็นผู้กำหนดนัดวันประชุม ผมเรียนให้ฟังว่าในกำหนดนัดวันที่ 7 ตุลาคมนั้น เป็นการนัดของท่านประธาน ในวันที่ 6 กลางคืนผมก็ได้รับข่าวว่า มีกลุ่มบุคคลที่จะไปปิดการเข้าไปในสภา มีการใช้โซ่ไปร้อยประตู ใช้กุญแจไปล็อค แล้วก็มีมวลชนเข้าไปปิดกั้นทาง ซึ่งผมแสดงความกังวลว่าถ้าเช่นนั้นจะดำเนินการอย่างไร
ในคืนนั้นผมได้เชิญคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะมาประชุมเป็นการเร่งด่วนฉุกเฉิน ต้องเรียกว่าฉุกเฉินเพราะเรียกประชุมท่านตอนห้าทุ่ม ผมเกรงใจท่านอยู่มาก แต่ว่าภารกิจอย่างนั้น ผมคิดว่าผมไม่อาจจะตัดสินใจหรือทำอะไรได้คนเดียว ก็เชิญท่านมาทั้งหมด ในการประชุมคราวนั้นผมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้ทราบจากข่าวว่าจะมีการดำเนินการอย่างที่บอกนี้ มีคนไปปิดไม่ให้เข้าประชุม ที่ประชุมก็ให้ความเห็นกันหลากหลาย หลายท่านบอกว่าเราน่าจะย้ายที่ประชุม ไปประชุมที่อื่นได้ไหม ซึ่งจริง ๆ ผมก็เห็นว่าถ้าทำเช่นนั้นได้ก็เป็นการดี เพราะจะต้องไม่ไปรบรากัน แต่เราไม่ได้เจตนาจะรบรากับใคร แต่ก็มีเสียงส่วนหนึ่ง ซึ่งก็มีเหตุมีผลว่าการประชุมนั้นนัดโดยท่านประธานรัฐสภา เราไม่สามารถจะไปเปลี่ยนแปลงเองได้ ต้องฟังท่านประธานว่าท่านจะดำเนินการอย่างไร ถ้าประชุมไม่ได้ สุดท้ายก็สรุปในที่ประชุมว่า ถ้าเช่นนั้นไม่ต้องไปสภาตามนัด และจะดูว่าสามารถเข้าไปแถลงนโยบายได้หรือไม่ ถ้าเข้าไปไม่ได้ หรือแถลงไม่ได้ ก็รอฟังท่านประธานว่าท่านจะมีการเลื่อนไป หรือจะมีการนัดหมายอย่างไร หรือย้ายที่อะไรก็แล้วแต่ อันนี้คือการปฏิบัติตามคำสั่งของท่านประธาน และในคืนนั้น เมื่อสรุปเช่นนั้นแล้ว ทาง ครม.ได้มอบหมายให้ท่านพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--