นายกรัฐมนตรีชมการซ้อมริ้วขบวนพระอิสริยยศ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และร่วมซ้อมเดินในริ้วขบวนที่ 3
วันนี้ (19 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาถึงพระที่นั่งทรงธรรม อาคารประกอบพระเมรุ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง พร้อมทั้งนั่งชมการซ้อมพระราชพิธี ร่วมกับ น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานจัดสร้างพระเมรุฯ และนายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งใจมาชมการซ้อมริ้วขบวนพระราชพิธีตั้งแต่ริ้วขบวนที่ 1 และร่วมซ้อมเดินในริ้วขบวนที่ 3 ซึ่งได้เคยซ้อมในริ้วขบวนที่ 4 ไปแล้ว เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา และตั้งใจว่าในการซ้อมแต่งกายเหมือนจริงในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ จะเดินทางมาร่วมซ้อมทุกริ้วขบวนตั้งแต่เวลา 07.00 น.
ทั้งนี้ กองทัพบกได้จัดซ้อมริ้วขบวนพระอิสริยยศในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในสถานที่จริงเป็นครั้งที่ 2 โดยจัดซ้อมทั้งสิ้นรวม 5 ริ้วขบวนจาก 6 ริ้วขบวน เคลื่อนขบวนจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ออกถนนท้ายวัง ผ่านถนนสนามไชย ถนนราชดำเนินใน และถนนกลางท้องสนามหลวง เข้าสู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ ประกอบด้วยกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ จำนวนกว่า 3,000 นาย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ปลัดกระทรวงต่างๆ ราชนิกุล ครู นักเรียน โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ร่วมริ้วขบวน โดยภาคเช้าตั้งแต่เวลา 07.00 น. ได้เริ่มซ้อมริ้วขบวนพระอิสริยยศ ในริ้วขบวนที่ 1 เริ่มตั้งขบวนพระราชพิธี ด้านท้ายวัง พระบรมมหาราชวัง จากนั้นอัญเชิญพระโกศออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นบนพระยานมาศสามลำคาน เคลื่อนออกจากประตูเทวาภิรมย์ ด้านท้ายวังไปตามถนนมหาราช เลี้ยวซ้ายเข้าแยกท้ายวัง จากนั้นเมื่อเคลื่อนมาถึงพระมหาพิชัยราชรถ ได้อัญเชิญพระโกศเทียบเกรินบันไดนาค เลื่อนพระโกศยกฉัตรขึ้นประจำพระมหาพิชัยราชรถ
จากนั้นพนักงานภูษามาลา ถวายบังคม ประคองพระโกศ พนักงานเริ่มกว้านพระโกศขึ้นเสมอบนพระมหาพิชัยราชรถ เลื่อนเกรินเชิญพระโกศขึ้นสู่บุษบกพระมหาพิชัยราชรถ เคลื่อนพระโกศเข้าประจำในพระมหาพิชัยราชรถ และพลฉุดชักราชรถจากกรมสรรพาวุธทหารบก ถวายบังคม 3 ครั้ง แล้วยืน ขบวนเริ่มเคลื่อนเข้าสู่เขตมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกได้เข้าร่วมการฝึกซ้อมริ้วขบวนที่ 2 โดยเดินนำหน้าพระมหาพิชัยราชรถ รวมทั้งทหารม้า 1 คู่ นำขบวน และเมื่อพระมหาพิชัยราชรถเคลื่อนผ่านทหารกองเกียรติยศ เพื่อเทียบเกรินบันไดนาค เชิญพระโกศลงเกริน พระยานมาศสามลำคานเทียบรอ เลื่อนพระโกศประดิษฐานบนพระยานมาศ เคลื่อนเข้าสู่พระเมรุ เวียนซ้ายพระเมรุ 3 รอบ แล้วเชิญพระโกศประดิษฐานบนพระเมรุ ตั้งบนจิตกาธาน เป็นอันเสร็จพิธีซ้อมริ้วขบวน 1, 2 และ 3
ภาคบ่าย เริ่มเวลา 14.00 น. เป็นการซ้อมริ้วขบวนฯ ที่ 4 และ 5 เป็นริ้วขบวนอัญเชิญพระโกศ พระอัฐิ โดยพระที่นั่งราเชนทรยาน พร้อมอัญเชิญพระสรีรางคารโดยพระวอสีวิกากาญจน์ โดยทหารบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ก่อนจะเชิญพระโกศพระอัฐิเข้าสู่ถนนกลางท้องสนามหลวง เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนราชดำเนินใน เคลื่อนสู่ถนนหน้าพระลาน เข้าประตูวิเศษไชยศรี ในพระบรมมหาราชวัง ส่วนริ้วขบวนที่ 5 เป็นการเชิญพระโกศ พระอัฐิ โดยพระที่นั่งราเชนทรยาน ใช้เส้นทางจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
อนึ่ง ในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินร่วมซ้อมในริ้วขบวนพระอิสริยยศ โดยมีการแต่งกายเหมือนจริงตามโบราณราชประเพณี และในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ จะมีพระราชพิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ ในฤกษ์ศุภมงคล เวลา 16.59 น. เป็นปฐมฤกษ์ ไปจนถึงเวลา 17.29 น. เป็นที่สุดแห่งฤกษ์
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--