โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุนายกรัฐมนตรีคาดหวังเมื่อมี ส.ส.ร.แล้ว น่าจะใช้เวลาประมาณ 120 วัน ซึ่งการมี ส.ส.ร.โดยที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันน่าจะเป็นทางออกสำหรับวิกฤตทางการเมือง
วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องแถลงข่าว ท่าอากาศยานดอนเมือง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การดำเนินการเพื่อยกร่างและแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะดำเนินการน่าจะแล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 240 วัน หรือประมาณ 8 เดือน แต่นายกรัฐมนตรีได้แสดงความมุ่งหวังในที่ประชุม ครม. ว่าหากเป็นไปได้อยากให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 120 วัน ซึ่งรัฐบาลเชื่อมั่นว่า วิธีการนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดทางหนึ่ง ที่จะสามารถคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองได้ นายกรัฐมนตรีจึงได้คาดการณ์ว่าเมื่อมี ส.ส.ร.แล้ว ส.ส.ร. น่าจะใช้เวลา 120 วันในการพิจารณายกร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะเป็นการดีอย่างยิ่ง ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการมี ส.ส.ร. นั้น เป็นเกมหรือต่ออายุรัฐบาล ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะการมี ส.ส.ร. เป็นการตอบสนองทุกคนที่กำลังเคลื่อนไหวทางการเมือง ในเมื่อทุกฝ่ายต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การมี ส.ส.ร.โดยที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันจึงน่าจะเป็นทางออกสำหรับวิกฤตทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมครม.หารือถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมหารือเรื่องการจัดตั้ง ส.ส.ร. หรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.ไม่ได้หารือถึงเรื่องนี้ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าเข้าใจว่าประชาชนกำลังรอคอยความร่วมมือของฝ่ายค้านและกระบวนการนี้เป็นกระบวนการเดียวที่จะสามารถใช้กลไกรัฐสภานำบ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤตของความขัดแย้งได้ หากมีการยุบสภาตามข้อเรียกร้องของฝ่ายค้าน เราก็ไม่แน่ใจว่าหลังยุบสภาแล้วบ้านเมืองจะเดินไปอย่างไร แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้ได้กติกาที่ทุกฝ่ายในสังคมไทยยอมรับร่วมกันเมื่อถึงเวลาที่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จาก ส.ส.ร. ที่ทุกองค์กรให้การยอมรับ อาจถึงเวลาที่รัฐบาลจะพิจารณาดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น คืนอำนาจให้ประชาชนหรืออื่นๆ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--