วันนี้ เวลา 08.30 น. ณ กองการบินกรมการขนส่งทหารบก กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย นายอนุชา โมกขเวช อธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อเดินทางไปตรวจสถานการณ์ น้ำท่วมในจังหวัดอ่างทองและสิงห์บุรี และพบปะประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนพร้อมทั้งมอบถุงยังชีพ
โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า ปัญหาน้ำท่วมถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนในขณะนี้ ซึ่งยังไม่แน่ว่าในอีก 7 วันข้างหน้าจะมีปริมาณน้ำจะมากกว่านี้ หรือจะยังรักษาระดับน้ำอยู่ในระดับนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลยังเป็นห่วง เพราะหากปริมาณน้ำมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะมีปัญหา เพราะฉะนั้น วันนี้ได้ถือโอกาสไปเยี่ยมประชาชน และจะหาทางแก้ไขกันว่าจะทำอย่างไร สำหรับงบประมาณในการช่วยเหลือนั้นได้เตรียมไว้แล้ว
ต่อมาเวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงอำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง จากนั้นได้เดินทางไปพบปะกับประชาชนที่ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง ที่ถูกน้ำท่วมมากว่า 4 วันแล้ว พร้อมกับมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนว่า ขอให้ทุกคน อดทน หากน้ำเหนือไม่มากไปกว่านี้เชื่อว่าภายในวันที่ 10 ตุลาคมนี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้น เสร็จแล้วได้ เดินทางไปตรวจสภาพน้ำบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองวางแนวทางป้องกันพื้นที่เทศบาลหรือตัวเมือง โดยทำเขื่อนกั้นน้ำให้สูงขึ้นอีกประมาณ 1 เมตร
จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังสำนักงานชลประทานบ้านอิฐ อำเภอเมือง ซึ่งตำบลบ้านอิฐเป็นชุมชนในพื้นที่ลุ่มที่รองรับน้ำจากจังหวัด และถือเป็นจุดวิกฤติที่ประชาชนยังช่วยกันป้องกันน้ำ เพื่อไม่ให้ไหลเข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและกรุงเทพฯ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความชื่นชมประชาชนในพื้นที่ที่ได้เสียสละความสุข เพื่อรักษาพื้นที่ส่วนที่มีความสำคัญ และพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดอ่างทองไว้ ซึ่งปัญหาน้ำท่วมในประเทศเริ่มรุนแรงขึ้น เพราะเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทั่วโลกด้วย เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหาในภาพรวมจึงต้องหารือกับทุกภาคส่วน สำหรับผู้ที่ยังเดือดร้อนขอให้อดทนต่อไปสักระยะหนึ่ง เพราะถ้าหากไม่มีฝนตกหนักลงมาอีกจะทำให้ระดับน้ำลดลงได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ได้บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมว่า สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอ่างทองยังคงรุนแรง แต่สามารถควบคุมไม่ให้น้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจที่สำคัญได้ โดยมีน้ำท่วมในพื้นที่รอบนอกประมาณ 37 ตำบล 137 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อนกว่าหมื่นคน รวมทั้งนาข้าว พืชไร่ พืชผัก บ่อปลาได้รับความเสียหายจำนวนมาก
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังจังหวัดสิงห์บุรี และได้ไปพบปะกับประชาชนที่ประสบภัย น้ำท่วมในพื้นที่ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพรหมบุรี พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพ และได้รับฟังการบรรยายสรุป สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสิงห์บุรีจากนายปราณีต บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ว่าขณะนี้ระดับยังท่วมสูง และมีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมทั้งในอำเภอพรหมบุรีและอำเภออินทร์บุรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนว่าจะให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ และขอให้ประชาชนอดทน มีความสามัคคี และใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแก้ไขปัญหา โดยเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และหากภายใน 7 วันสามารถรักษาพื้นที่ไว้ได้ รัฐบาลจะเร่งฟื้นฟูสภาพให้กลับดีขึ้นโดยเร็วที่สุด เสร็จแล้วนายก รัฐมนตรีได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า ปัญหาน้ำท่วมถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนในขณะนี้ ซึ่งยังไม่แน่ว่าในอีก 7 วันข้างหน้าจะมีปริมาณน้ำจะมากกว่านี้ หรือจะยังรักษาระดับน้ำอยู่ในระดับนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลยังเป็นห่วง เพราะหากปริมาณน้ำมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะมีปัญหา เพราะฉะนั้น วันนี้ได้ถือโอกาสไปเยี่ยมประชาชน และจะหาทางแก้ไขกันว่าจะทำอย่างไร สำหรับงบประมาณในการช่วยเหลือนั้นได้เตรียมไว้แล้ว
ต่อมาเวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงอำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง จากนั้นได้เดินทางไปพบปะกับประชาชนที่ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง ที่ถูกน้ำท่วมมากว่า 4 วันแล้ว พร้อมกับมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนว่า ขอให้ทุกคน อดทน หากน้ำเหนือไม่มากไปกว่านี้เชื่อว่าภายในวันที่ 10 ตุลาคมนี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้น เสร็จแล้วได้ เดินทางไปตรวจสภาพน้ำบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองวางแนวทางป้องกันพื้นที่เทศบาลหรือตัวเมือง โดยทำเขื่อนกั้นน้ำให้สูงขึ้นอีกประมาณ 1 เมตร
จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังสำนักงานชลประทานบ้านอิฐ อำเภอเมือง ซึ่งตำบลบ้านอิฐเป็นชุมชนในพื้นที่ลุ่มที่รองรับน้ำจากจังหวัด และถือเป็นจุดวิกฤติที่ประชาชนยังช่วยกันป้องกันน้ำ เพื่อไม่ให้ไหลเข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและกรุงเทพฯ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความชื่นชมประชาชนในพื้นที่ที่ได้เสียสละความสุข เพื่อรักษาพื้นที่ส่วนที่มีความสำคัญ และพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดอ่างทองไว้ ซึ่งปัญหาน้ำท่วมในประเทศเริ่มรุนแรงขึ้น เพราะเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทั่วโลกด้วย เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหาในภาพรวมจึงต้องหารือกับทุกภาคส่วน สำหรับผู้ที่ยังเดือดร้อนขอให้อดทนต่อไปสักระยะหนึ่ง เพราะถ้าหากไม่มีฝนตกหนักลงมาอีกจะทำให้ระดับน้ำลดลงได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ได้บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมว่า สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอ่างทองยังคงรุนแรง แต่สามารถควบคุมไม่ให้น้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจที่สำคัญได้ โดยมีน้ำท่วมในพื้นที่รอบนอกประมาณ 37 ตำบล 137 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อนกว่าหมื่นคน รวมทั้งนาข้าว พืชไร่ พืชผัก บ่อปลาได้รับความเสียหายจำนวนมาก
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังจังหวัดสิงห์บุรี และได้ไปพบปะกับประชาชนที่ประสบภัย น้ำท่วมในพื้นที่ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพรหมบุรี พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพ และได้รับฟังการบรรยายสรุป สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสิงห์บุรีจากนายปราณีต บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ว่าขณะนี้ระดับยังท่วมสูง และมีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมทั้งในอำเภอพรหมบุรีและอำเภออินทร์บุรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนว่าจะให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ และขอให้ประชาชนอดทน มีความสามัคคี และใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแก้ไขปัญหา โดยเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และหากภายใน 7 วันสามารถรักษาพื้นที่ไว้ได้ รัฐบาลจะเร่งฟื้นฟูสภาพให้กลับดีขึ้นโดยเร็วที่สุด เสร็จแล้วนายก รัฐมนตรีได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--