แท็ก
มหาวิทยาลัยราชภัฏ
กระทรวงศึกษาธิการ
สุรยุทธ์ จุลานนท์
วิจิตร ศรีสอ้าน
กระทรวงมหาดไทย
นายกรัฐมนตรี
เมื่อเวลา 14.00 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้เดินทางถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เพื่อพบปะครูอัตราจ้างในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 1,200 คน โดยมี นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิง กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าร่วมรับฟังด้วย โดย นายประเสริฐ แก้วเพชร ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ประจำเขตตรวจราชการที่ 12 กล่าวต้อนรับพร้อมกับกล่าวถึงความสำคัญของครูอัตราจ้างว่า เป็นคนในพื้นที่ที่มีความรู้ ความเข้าใจในระบบสังคมและวัฒนธรรมที่หลากหลายในพื้นที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืนต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าได้เคยปรึกษากับคุณหญิงกษมาฯ ว่าควรให้มีการปฐมนิเทศครูอัตราจ้างก่อนที่จะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างมาตรฐานทางการศึกษาให้ดีขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลพร้อมดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้ โดยยึดแนวทางของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า ภาคใต้ของไทยมี 2 ส่วนที่สำคัญคือ เรื่องของความเป็นธรรม และความเป็นไทย ขณะนี้รัฐบาลมีหน้าที่แก้ไขและให้ความช่วยเหลือ ทั้งเรื่องที่เกิดความขัดแย้ง และความแตกแยกทางความคิด เพื่อลดทิฐิ ลดความคิดว่าฝ่ายตรงข้าม ทำอย่างไรให้คิดว่าเป็นฝ่ายเดียวกัน ซึ่งเราจะต้องช่วยหาทางแก้ไขให้ดีกว่าเดิม โดยที่พวกท่านต้องบอกเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการได้ถูกต้อง
ทั้งนี้ ครูเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและสร้างสันติสุขในสถานการณ์ภาคใต้ เพราะครูเป็นบุคคล ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างเยาวชนของเราให้มีความก้าวหน้า ให้มีความรู้และเป็นคนดี ดังนั้น ครูจึงต้องเป็นแบบอย่างให้กับเยาวชน เพราะครูกับศิษย์ย่อมมีความผูกพันกันอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้ความรู้ และการช่วยเหลือสังคม ซึ่งเป็นภาระที่หนักที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสอนให้เยาวชนตระหนักว่าคนดีสำคัญกว่าหน้าตาและความรู้ เพื่อสร้างสังคมให้มีความก้าวหน้ากันต่อไป
สำหรับเรื่องความเป็นไทย ครูก็เป็นส่วนสำคัญที่จะสอนให้เยาวชนตระหนักว่าบ้านเมืองเป็นของ คนไทยทุกคน ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนจะต้องช่วยกัน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไปที่ใดก็ได้และมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ แม้จะต่างความเชื่อ ต่างเชื้อชาติ แต่ความเป็นไทยไม่ได้มีความแตกต่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องปรับทัศนคติคนไทย ทั้งประเทศ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทางมาพบปะนักศึกษาและครู ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องทุกคน เพราะบ้านเมืองอยู่ในช่วงที่เกิดความแตกแยก อย่างรุนแรง ทั้งในด้านความคิดทางการเมือง และแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้ด้วยสันติวิธี เพราะมีความแตกแยกทั้งในด้านแนวความคิดและความเชื่อ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามของผู้แทนครูอัตราจ้าง 4 คำถาม ดังนี้ 1) นโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับอนาคตของครูอัตราจ้าง 2) ความมั่นคงในอาชีพของครูอัตราจ้าง 3) สวัสดิการของครูอัตราจ้าง 4) นโยบายการศึกษาของนักศึกษาในจังหวัดภาคใต้ให้เท่าเทียมกับส่วนกลาง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจกับครูอัตราจ้างว่ารัฐบาลยินดีแก้ไขปัญหาต่างๆ ตามแนวทางคือ รับฟังปัญหาและหาทางแก้ไข ด้วยการแก้ไขปัญหาเล็กไปสู่ปัญหาใหญ่ แก้ไขปัญหาง่ายไปสู่ปัญหายาก ส่วนเรื่องครูอัตราจ้างนั้น รัฐบาลจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะตระหนักดีว่าการปรับเปลี่ยนครูจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าครูกับนักเรียนเปลี่ยนไป ความผูกพัน ที่มีจะเปลี่ยนไป ดังนั้น เมื่อมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและไมีมีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ครูอัตราจ้างจะมีความมั่นคงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพทางการศึกษา คุณภาพชีวิตของครู ที่กระทรวงศึกษาธิการจะต้องดูแล
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ออกเดินทางไปมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จังหวัดปัตตานี เพื่อพบปะนิสิต นักศึกษา และคณาจารย์ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าได้เคยปรึกษากับคุณหญิงกษมาฯ ว่าควรให้มีการปฐมนิเทศครูอัตราจ้างก่อนที่จะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างมาตรฐานทางการศึกษาให้ดีขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลพร้อมดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้ โดยยึดแนวทางของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า ภาคใต้ของไทยมี 2 ส่วนที่สำคัญคือ เรื่องของความเป็นธรรม และความเป็นไทย ขณะนี้รัฐบาลมีหน้าที่แก้ไขและให้ความช่วยเหลือ ทั้งเรื่องที่เกิดความขัดแย้ง และความแตกแยกทางความคิด เพื่อลดทิฐิ ลดความคิดว่าฝ่ายตรงข้าม ทำอย่างไรให้คิดว่าเป็นฝ่ายเดียวกัน ซึ่งเราจะต้องช่วยหาทางแก้ไขให้ดีกว่าเดิม โดยที่พวกท่านต้องบอกเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการได้ถูกต้อง
ทั้งนี้ ครูเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและสร้างสันติสุขในสถานการณ์ภาคใต้ เพราะครูเป็นบุคคล ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างเยาวชนของเราให้มีความก้าวหน้า ให้มีความรู้และเป็นคนดี ดังนั้น ครูจึงต้องเป็นแบบอย่างให้กับเยาวชน เพราะครูกับศิษย์ย่อมมีความผูกพันกันอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้ความรู้ และการช่วยเหลือสังคม ซึ่งเป็นภาระที่หนักที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสอนให้เยาวชนตระหนักว่าคนดีสำคัญกว่าหน้าตาและความรู้ เพื่อสร้างสังคมให้มีความก้าวหน้ากันต่อไป
สำหรับเรื่องความเป็นไทย ครูก็เป็นส่วนสำคัญที่จะสอนให้เยาวชนตระหนักว่าบ้านเมืองเป็นของ คนไทยทุกคน ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนจะต้องช่วยกัน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไปที่ใดก็ได้และมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ แม้จะต่างความเชื่อ ต่างเชื้อชาติ แต่ความเป็นไทยไม่ได้มีความแตกต่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องปรับทัศนคติคนไทย ทั้งประเทศ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทางมาพบปะนักศึกษาและครู ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องทุกคน เพราะบ้านเมืองอยู่ในช่วงที่เกิดความแตกแยก อย่างรุนแรง ทั้งในด้านความคิดทางการเมือง และแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้ด้วยสันติวิธี เพราะมีความแตกแยกทั้งในด้านแนวความคิดและความเชื่อ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามของผู้แทนครูอัตราจ้าง 4 คำถาม ดังนี้ 1) นโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับอนาคตของครูอัตราจ้าง 2) ความมั่นคงในอาชีพของครูอัตราจ้าง 3) สวัสดิการของครูอัตราจ้าง 4) นโยบายการศึกษาของนักศึกษาในจังหวัดภาคใต้ให้เท่าเทียมกับส่วนกลาง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจกับครูอัตราจ้างว่ารัฐบาลยินดีแก้ไขปัญหาต่างๆ ตามแนวทางคือ รับฟังปัญหาและหาทางแก้ไข ด้วยการแก้ไขปัญหาเล็กไปสู่ปัญหาใหญ่ แก้ไขปัญหาง่ายไปสู่ปัญหายาก ส่วนเรื่องครูอัตราจ้างนั้น รัฐบาลจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะตระหนักดีว่าการปรับเปลี่ยนครูจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าครูกับนักเรียนเปลี่ยนไป ความผูกพัน ที่มีจะเปลี่ยนไป ดังนั้น เมื่อมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและไมีมีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ครูอัตราจ้างจะมีความมั่นคงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพทางการศึกษา คุณภาพชีวิตของครู ที่กระทรวงศึกษาธิการจะต้องดูแล
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ออกเดินทางไปมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จังหวัดปัตตานี เพื่อพบปะนิสิต นักศึกษา และคณาจารย์ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--