วันนี้ เวลา 13.30 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะประกอบด้วย นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเรือเอกธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอก พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเอก ไพโรจน์ พานิชสมัย รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก สุรพันธ์ พุ่มแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยทหารพัฒนา ปลัดกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อธิบดีกรมชลประทาน ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ออกจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า กรุงเทพฯ เพื่อไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยและมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย จังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี
ต่อมาเวลา 14.10 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม และได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยจากนายพิศิษฐ์ บุญช่วง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม สรุปว่า การเกิดน้ำท่วมจังหวัดนครปฐมเป็นผลมาจากการระบายน้ำจากทุ่งภาคกลางตอนบน จากแม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา โดยน้ำเริ่มเข้าเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเสียหาย 8,000 ครัวเรือน 30,000 คน ไร่นาและพื้นที่ทำการเกษตรเสียหาย 70,000 ไร่ บ่อปลาและกุ้ง 10,000 บ่อ เส้นทางคมนาคมเสียหาย 130 เส้นทาง วัดที่ถูกน้ำท่วม 37 แห่ง โรงเรียน 30 แห่ง โดยทางจังหวัดได้แก้ไขปัญหาและเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่มารอต้อนรับว่า รัฐบาลตระหนักดีว่า ประชาชนทุกภาคส่วน ไม่ใช่เฉพาะที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ที่ประสบปัญหาอุทกภัย ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด แต่ในปีนี้น้ำมีมากกว่าทุกปี และขณะนี้ในพื้นที่ต่าง ๆ ผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นได้รับทราบอยู่แล้วว่า รวมทั้งรัฐบาลได้ตั้งคณะอนุกรรมการแก้ปัญหากว่า 13 คณะ โดยคณะอนุกรรมการฯ จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ภายในเวลา 1 — 2 เดือน หลังจากนั้นการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จะเริ่มดำเนินการ ทั้งในเรื่องของการจ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้ที่ประสบอุทกภัยให้เสร็จภายในเวลาไม่เกิน 90 วัน นับจากวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนอดทน และในช่วงนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว เพราะที่ผ่านมามีช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดมาแล้ว น้ำจะระบายได้มากขึ้น แต่ถ้าจะให้น้ำแห้งจริง ๆ น่าจะเป็นช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน เพราะฉะนั้น จึงต้องการขอความร่วมมือจากประชาชนแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบเพื่อดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาลจะทำงานด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ เป็นธรรม และไม่มีการนำสิ่งของช่วยเหลือไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว จึงขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตา หากการช่วยเหลือไม่เป็นธรรมหรือมีการทุจริต ขอให้แจ้งมา รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเฉียบขาด
สำหรับการให้ความช่วยเหลือเรื่องที่นาหลังน้ำลดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายใน 10 — 20 วันนี้ จะรู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งรัฐบาลพร้อมจ่ายค่าชดเชยความเสียหายและจะแจกเมล็ดพันธุ์ กล้าพันธุ์ พันธุ์ปลา และพันธุ์กุ้งให้แก่เกษตรกร แต่ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนให้ข้อมูลกับหน่วยงานอย่างละเอียดว่าต้องการสิ่งใดบ้าง และขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างแน่นอน
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีได้มอบเรือจำนวน 10 ลำ ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า และมอบถุงยังชีพจำนวน 500 ชุด ให้กับตัวแทนประชาชนที่ประสบอุทกภัย
ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยังวัดบางสะแก ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อเดินทางถึงได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยจากนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี โดยได้รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายว่า มีพื้นที่เสียหายทุกอำเภอ รวม 99 ตำบล 7 เทศบาล 646 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 705,760 ไร่ 94,291 ครัวเรือน 301,047 คน สัตว์ปีกตาย 106,529 ตัว สุกรตาย 115 ตัว บ่อเลี้ยงปลากุ้ง 4,847 บ่อ 658 กระชัง มีผู้เสียชีวิต 11 ราย โรงเรียน 50 แห่ง สถานที่ราชการ 46 แห่ง ศาสนสถาน 73 แห่ง ถนน 371 สาย สะพาน 3 แห่ง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้กำลังใจแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยว่า รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และให้เกิดความเป็นธรรม โดยได้สั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ แก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน นับจากวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เพราะไม่ต้องการให้การแก้ปัญหาใช้เวลานานข้ามปี ส่วนใดที่ช่วยได้ต้องเร่งดำเนินการก่อน แต่สิ่งที่อยากให้ทุกคนช่วยกันคือความร่วมมือ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ตรงตามความเป็นจริง และข้าราชการต้องตรงไปตรงมาเช่นกัน เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนด้วย
“เมื่อทุกฝ่ายทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ทุกอย่างจะได้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็วไม่มีอุปสรรค เรื่องของดินฟ้าอากาศที่เป็นธรรมชาติฝนตกมากบ้างน้อยบ้างประชาชนต้องช่วยกันหาแนวทางป้องกันและให้ดูภูมิปัญญาจากคนรุ่นพ่อแม่เป็นตัวอย่างแล้วนำมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และขอให้ทุกคนร่วมมือกันแล้วอุปสรรคจะผ่านไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีได้มอบเรือจำนวน 10 ลำ และมอบถุงยังชีพจำนวน 500 ชุด ให้กับตัวแทนประชาชนที่ประสบอุทกภัย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ต่อมาเวลา 16.50 น. ณ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ที่ 2 สนามเป้า พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังกลับจากการเดินทางไปมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมตรวจพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัย จังหวัดนครปฐมและจังหวัดสุพรรณบุรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
การไปตรวจพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัยในวันนี้ จังหวัดนครปฐมได้รายงานตัวเลขของพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐมได้รับความเสียหายประมาณ 90,000 ไร่ ส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี รายงานว่ามีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยรวมทั้งจังหวัดประมาณ 700,000 ไร่ ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมการเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการเข้าไปดูแลให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือจากทางราชการ ซึ่งบางครอบครัวได้รับผลกระทบบ้านเรือนเสียหายไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ภาคราชการก็ได้เข้าไปช่วยเหลือสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในเบื้องต้นรวมทั้งช่วยเหลือเรื่องการรักษาพยาบาลด้วย ซึ่งช่วงระยะเวลา 90 วันนับตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 รัฐบาลจะต้องทำงานอย่างเต็มที่ในด้านการรวบรวมข้อมูลและการดำเนินงาน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย จะร่วมมือกันใช้ข้อมูลที่ได้จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการเข้าไปชดเชยหรือฟื้นฟูให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป
โดยในเรื่องของการปรับเพิ่มค่าชดเชยให้กับเกษตรกรในพื้นที่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าคณะรัฐมนตรีกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาข้อมูล ที่จะต้องพิจารณาต้นทุน ความผันแปรของปัจจัยทางการผลิตที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการใหญ่ คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะสามารถชี้แจงในรายละเอียดได้ ทั้งนี้ ความชัดเจนในเบื้องต้นจะต้องมีการปรับค่าชดเชยให้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่จะเพิ่มขึ้นเท่าไรนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ได้สรุปตัวเลขข้อมูลที่ชัดเจนออกมาก่อน
ต่อข้อถามที่ว่าค่าชดเชยที่รัฐบาลจะเพิ่มให้กับเกษตรกร รับรองว่าจะทำให้เกษตรกรพอใจได้หรือไม่ เพราะพืชผลทางการเกษตรต่างชนิดกัน เช่น กล้วยไม้กับข้าวที่มีราคาแตกต่างกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้รับทราบในเรื่องนี้แล้ว ที่เดินทางไปวันนี้ก็ได้พบกับเกษตรกรผู้ส่งออกกล้วยไม้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาบนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยจะดูในเรื่องของอาชีพแต่ละประเภทที่มีการลงทุนที่ไม่เหมือนกัน และสามารถตรวจสอบข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมได้ว่าพื้นที่ใดประกอบอาชีพใด ได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด มีความถูกต้องหรือไม่
ต่อข้อถามที่ว่า ทุกครั้งหลังการฟื้นฟูจะเกิดปัญหาเรื่องการชดเชยที่ไม่ถึงมือประชาชนจริง ๆ และมีปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นตามมา รัฐบาลจะดูแลในส่วนนี้อย่างไร นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุก ๆ ฝ่ายจะต้องช่วยกัน วันนี้ได้พูดกับพี่น้องประชาชนแล้วว่าต้องช่วยกัน จะต้องทำงานร่วมกัน ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะทำไปโดยไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุลนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ ทางภาครัฐรวมทั้งประชาชนจะต้องช่วยกันดูแล อะไรที่เห็นว่าไม่ดีไม่ถูกต้องขอให้ชี้แจงเข้ามา เพื่อหาทางปรับแก้ให้ถูกต้องต่อไป
" ผมได้เน้นย้ำเป็นพิเศษในเรื่องของการทำงานที่ทันเวลาและโปร่งใส ในที่ประชุมคณะกรรมการใหญ่ก็ได้เน้นย้ำในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันตรวจสอบ ไม่เว้นแม้กระทั่งสื่อมวลชน หากท่านได้ข้อมูลมา เราพร้อมที่จะดำเนินการตรวจสอบให้ ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนปัญหาเร่งด่วนเรื่องการเร่งระบายน้ำที่ยังท่วมอยู่ในหลายพื้นที่ นายกรัฐมนตรีมอบให้นายสามารถ โชคคณาพิทักษ์ อธิบดีกรมชลประทานเป็นผู้ชี้แจงเนื่องจากเป็นเรื่องทางเทคนิค ซึ่งอธิบดีกรมชลประทานได้ชี้แจงโดยสรุปว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้ ในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ระดับน้ำลดลงเหลือเสมอตลิ่งแล้ว สำหรับพื้นที่ที่ยังมีปัญหามากในขณะนี้คือส่วนหนึ่งของจังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรีในส่วนของทุ่งเจ้าเจ็ด ที่ในขณะนี้ระดับน้ำทรงตัวโดยได้ลดลงมา 2 วันแล้ว ทั้งนี้ ได้มีการปิดถนนช่องขาดเหนือจังหวัดสิงห์บุรีและไปลงบานประตูที่ผักไห่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำให้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปปริมาณน้ำในคลองพระยาบรรลือที่รับน้ำจากทุ่งเจ้าเจ็ดจะลดลงอย่างชัดเจน โดยส่วนทางตอนล่างของจังหวัดนนทบุรี อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ซึ่งรับน้ำจากทุ่งเจ้าเจ็ดลงมา ในวันนี้ปริมาณน้ำยังมีระดับเพิ่มขึ้นที่คลองพระพิมล และคาดว่าจะเพิ่มระดับขึ้นไปอีกประมาณ 10 เซนติเมตรภายใน 2 วันนี้ แล้วหลังจากนั้นจะทรงตัวและเริ่มลดระดับลง ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำตามแนวพระราชดำริเข้าไปเสริมในทุกจุด หลังจากที่ปริมาณน้ำในทุ่งเจ้าเจ็ดลดลงแล้ว กรมชลประทานจะมีการหารือที่อาจจะให้ลดบานในทุ่งเจ้าเจ็ดลง เพื่อให้ปริมาณน้ำในจังหวัดนนทบุรีและนครปฐมได้ลดลง ขณะที่ระดับน้ำทะเลที่หนุนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้เริ่มลดลงแล้วในขณะนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี กรมชลประทานจะพิจารณาว่าหากปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนมีระดับต่ำกว่าระดับน้ำในทุ่ง จะได้มีการเจาะขุดเปิดถนนโดยจะขอรับการสนับสนุนกำลังทหาร เครื่องมือ สะพานเหล็ก โดยขณะนี้ได้มีการขุดเจาะไปแล้วทั้งสิ้น 3 จุด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
ต่อมาเวลา 14.10 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม และได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยจากนายพิศิษฐ์ บุญช่วง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม สรุปว่า การเกิดน้ำท่วมจังหวัดนครปฐมเป็นผลมาจากการระบายน้ำจากทุ่งภาคกลางตอนบน จากแม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา โดยน้ำเริ่มเข้าเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเสียหาย 8,000 ครัวเรือน 30,000 คน ไร่นาและพื้นที่ทำการเกษตรเสียหาย 70,000 ไร่ บ่อปลาและกุ้ง 10,000 บ่อ เส้นทางคมนาคมเสียหาย 130 เส้นทาง วัดที่ถูกน้ำท่วม 37 แห่ง โรงเรียน 30 แห่ง โดยทางจังหวัดได้แก้ไขปัญหาและเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่มารอต้อนรับว่า รัฐบาลตระหนักดีว่า ประชาชนทุกภาคส่วน ไม่ใช่เฉพาะที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ที่ประสบปัญหาอุทกภัย ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด แต่ในปีนี้น้ำมีมากกว่าทุกปี และขณะนี้ในพื้นที่ต่าง ๆ ผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นได้รับทราบอยู่แล้วว่า รวมทั้งรัฐบาลได้ตั้งคณะอนุกรรมการแก้ปัญหากว่า 13 คณะ โดยคณะอนุกรรมการฯ จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ภายในเวลา 1 — 2 เดือน หลังจากนั้นการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จะเริ่มดำเนินการ ทั้งในเรื่องของการจ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้ที่ประสบอุทกภัยให้เสร็จภายในเวลาไม่เกิน 90 วัน นับจากวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนอดทน และในช่วงนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว เพราะที่ผ่านมามีช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดมาแล้ว น้ำจะระบายได้มากขึ้น แต่ถ้าจะให้น้ำแห้งจริง ๆ น่าจะเป็นช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน เพราะฉะนั้น จึงต้องการขอความร่วมมือจากประชาชนแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบเพื่อดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาลจะทำงานด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ เป็นธรรม และไม่มีการนำสิ่งของช่วยเหลือไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว จึงขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตา หากการช่วยเหลือไม่เป็นธรรมหรือมีการทุจริต ขอให้แจ้งมา รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเฉียบขาด
สำหรับการให้ความช่วยเหลือเรื่องที่นาหลังน้ำลดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายใน 10 — 20 วันนี้ จะรู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งรัฐบาลพร้อมจ่ายค่าชดเชยความเสียหายและจะแจกเมล็ดพันธุ์ กล้าพันธุ์ พันธุ์ปลา และพันธุ์กุ้งให้แก่เกษตรกร แต่ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนให้ข้อมูลกับหน่วยงานอย่างละเอียดว่าต้องการสิ่งใดบ้าง และขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างแน่นอน
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีได้มอบเรือจำนวน 10 ลำ ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า และมอบถุงยังชีพจำนวน 500 ชุด ให้กับตัวแทนประชาชนที่ประสบอุทกภัย
ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยังวัดบางสะแก ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อเดินทางถึงได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยจากนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี โดยได้รายงานสรุปข้อมูลความเสียหายว่า มีพื้นที่เสียหายทุกอำเภอ รวม 99 ตำบล 7 เทศบาล 646 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 705,760 ไร่ 94,291 ครัวเรือน 301,047 คน สัตว์ปีกตาย 106,529 ตัว สุกรตาย 115 ตัว บ่อเลี้ยงปลากุ้ง 4,847 บ่อ 658 กระชัง มีผู้เสียชีวิต 11 ราย โรงเรียน 50 แห่ง สถานที่ราชการ 46 แห่ง ศาสนสถาน 73 แห่ง ถนน 371 สาย สะพาน 3 แห่ง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้กำลังใจแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยว่า รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และให้เกิดความเป็นธรรม โดยได้สั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ แก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน นับจากวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เพราะไม่ต้องการให้การแก้ปัญหาใช้เวลานานข้ามปี ส่วนใดที่ช่วยได้ต้องเร่งดำเนินการก่อน แต่สิ่งที่อยากให้ทุกคนช่วยกันคือความร่วมมือ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ตรงตามความเป็นจริง และข้าราชการต้องตรงไปตรงมาเช่นกัน เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนด้วย
“เมื่อทุกฝ่ายทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ทุกอย่างจะได้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็วไม่มีอุปสรรค เรื่องของดินฟ้าอากาศที่เป็นธรรมชาติฝนตกมากบ้างน้อยบ้างประชาชนต้องช่วยกันหาแนวทางป้องกันและให้ดูภูมิปัญญาจากคนรุ่นพ่อแม่เป็นตัวอย่างแล้วนำมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และขอให้ทุกคนร่วมมือกันแล้วอุปสรรคจะผ่านไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีได้มอบเรือจำนวน 10 ลำ และมอบถุงยังชีพจำนวน 500 ชุด ให้กับตัวแทนประชาชนที่ประสบอุทกภัย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ต่อมาเวลา 16.50 น. ณ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ที่ 2 สนามเป้า พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังกลับจากการเดินทางไปมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมตรวจพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัย จังหวัดนครปฐมและจังหวัดสุพรรณบุรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
การไปตรวจพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัยในวันนี้ จังหวัดนครปฐมได้รายงานตัวเลขของพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐมได้รับความเสียหายประมาณ 90,000 ไร่ ส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี รายงานว่ามีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยรวมทั้งจังหวัดประมาณ 700,000 ไร่ ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมการเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการเข้าไปดูแลให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือจากทางราชการ ซึ่งบางครอบครัวได้รับผลกระทบบ้านเรือนเสียหายไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ภาคราชการก็ได้เข้าไปช่วยเหลือสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในเบื้องต้นรวมทั้งช่วยเหลือเรื่องการรักษาพยาบาลด้วย ซึ่งช่วงระยะเวลา 90 วันนับตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 รัฐบาลจะต้องทำงานอย่างเต็มที่ในด้านการรวบรวมข้อมูลและการดำเนินงาน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย จะร่วมมือกันใช้ข้อมูลที่ได้จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการเข้าไปชดเชยหรือฟื้นฟูให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป
โดยในเรื่องของการปรับเพิ่มค่าชดเชยให้กับเกษตรกรในพื้นที่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าคณะรัฐมนตรีกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาข้อมูล ที่จะต้องพิจารณาต้นทุน ความผันแปรของปัจจัยทางการผลิตที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการใหญ่ คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะสามารถชี้แจงในรายละเอียดได้ ทั้งนี้ ความชัดเจนในเบื้องต้นจะต้องมีการปรับค่าชดเชยให้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่จะเพิ่มขึ้นเท่าไรนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ได้สรุปตัวเลขข้อมูลที่ชัดเจนออกมาก่อน
ต่อข้อถามที่ว่าค่าชดเชยที่รัฐบาลจะเพิ่มให้กับเกษตรกร รับรองว่าจะทำให้เกษตรกรพอใจได้หรือไม่ เพราะพืชผลทางการเกษตรต่างชนิดกัน เช่น กล้วยไม้กับข้าวที่มีราคาแตกต่างกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้รับทราบในเรื่องนี้แล้ว ที่เดินทางไปวันนี้ก็ได้พบกับเกษตรกรผู้ส่งออกกล้วยไม้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาบนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยจะดูในเรื่องของอาชีพแต่ละประเภทที่มีการลงทุนที่ไม่เหมือนกัน และสามารถตรวจสอบข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมได้ว่าพื้นที่ใดประกอบอาชีพใด ได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด มีความถูกต้องหรือไม่
ต่อข้อถามที่ว่า ทุกครั้งหลังการฟื้นฟูจะเกิดปัญหาเรื่องการชดเชยที่ไม่ถึงมือประชาชนจริง ๆ และมีปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นตามมา รัฐบาลจะดูแลในส่วนนี้อย่างไร นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุก ๆ ฝ่ายจะต้องช่วยกัน วันนี้ได้พูดกับพี่น้องประชาชนแล้วว่าต้องช่วยกัน จะต้องทำงานร่วมกัน ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะทำไปโดยไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุลนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ ทางภาครัฐรวมทั้งประชาชนจะต้องช่วยกันดูแล อะไรที่เห็นว่าไม่ดีไม่ถูกต้องขอให้ชี้แจงเข้ามา เพื่อหาทางปรับแก้ให้ถูกต้องต่อไป
" ผมได้เน้นย้ำเป็นพิเศษในเรื่องของการทำงานที่ทันเวลาและโปร่งใส ในที่ประชุมคณะกรรมการใหญ่ก็ได้เน้นย้ำในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันตรวจสอบ ไม่เว้นแม้กระทั่งสื่อมวลชน หากท่านได้ข้อมูลมา เราพร้อมที่จะดำเนินการตรวจสอบให้ ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนปัญหาเร่งด่วนเรื่องการเร่งระบายน้ำที่ยังท่วมอยู่ในหลายพื้นที่ นายกรัฐมนตรีมอบให้นายสามารถ โชคคณาพิทักษ์ อธิบดีกรมชลประทานเป็นผู้ชี้แจงเนื่องจากเป็นเรื่องทางเทคนิค ซึ่งอธิบดีกรมชลประทานได้ชี้แจงโดยสรุปว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้ ในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ระดับน้ำลดลงเหลือเสมอตลิ่งแล้ว สำหรับพื้นที่ที่ยังมีปัญหามากในขณะนี้คือส่วนหนึ่งของจังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรีในส่วนของทุ่งเจ้าเจ็ด ที่ในขณะนี้ระดับน้ำทรงตัวโดยได้ลดลงมา 2 วันแล้ว ทั้งนี้ ได้มีการปิดถนนช่องขาดเหนือจังหวัดสิงห์บุรีและไปลงบานประตูที่ผักไห่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำให้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปปริมาณน้ำในคลองพระยาบรรลือที่รับน้ำจากทุ่งเจ้าเจ็ดจะลดลงอย่างชัดเจน โดยส่วนทางตอนล่างของจังหวัดนนทบุรี อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ซึ่งรับน้ำจากทุ่งเจ้าเจ็ดลงมา ในวันนี้ปริมาณน้ำยังมีระดับเพิ่มขึ้นที่คลองพระพิมล และคาดว่าจะเพิ่มระดับขึ้นไปอีกประมาณ 10 เซนติเมตรภายใน 2 วันนี้ แล้วหลังจากนั้นจะทรงตัวและเริ่มลดระดับลง ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำตามแนวพระราชดำริเข้าไปเสริมในทุกจุด หลังจากที่ปริมาณน้ำในทุ่งเจ้าเจ็ดลดลงแล้ว กรมชลประทานจะมีการหารือที่อาจจะให้ลดบานในทุ่งเจ้าเจ็ดลง เพื่อให้ปริมาณน้ำในจังหวัดนนทบุรีและนครปฐมได้ลดลง ขณะที่ระดับน้ำทะเลที่หนุนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้เริ่มลดลงแล้วในขณะนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี กรมชลประทานจะพิจารณาว่าหากปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนมีระดับต่ำกว่าระดับน้ำในทุ่ง จะได้มีการเจาะขุดเปิดถนนโดยจะขอรับการสนับสนุนกำลังทหาร เครื่องมือ สะพานเหล็ก โดยขณะนี้ได้มีการขุดเจาะไปแล้วทั้งสิ้น 3 จุด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--