วันนี้ เวลา 11.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายยูนัส ฮาฟสเตริม (Mr. Jonas Hafstrom) เอกอัคราชทูตราชาอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีในโอกาสพ้นจากตำแหน่ง สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงชื่นชมเอกอัครราชทูตที่มีบทบาทสำคัญ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี ระหว่างไทยและสวีเดน โดยเฉพาะการประสานงานในการเสด็จ ฯ เยือนไทยของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดนและสมเด็จพระราชินีซิลเวีย เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อร่วมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยในไทย สำหรับการพัฒนาการเมืองในไทยนั้น นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนการยกร่างรัฐธรรมและการลงประชามติ เพื่อเร่งรัดให้เกิดการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว นอกจากนี้ รัฐบาลยังถือเป็นภารกิจสำคัญ ในการแก้ปัญหาความรุนแรงภาคใต้ โดยใช้แนวทางสมานฉันท์ การส่งเสริมการศึกษา ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ในโอกาสนี้ เอกอัคราชทูตราชาอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงความสำเร็จของการลงนามแผนปฏิบัติการร่วมไทย-สวีเดน (The Thai-Sweden Joint Plan of Action) ว่า จะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือของทั้งสองประเทศ อาทิ การให้ทุนการศึกษา การถ่ายทอดทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจะเป็นความสัมพันธ์ที่เท่าเทียม หรือ equal partner เอกอัคราชทูตราชาอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย ยังเห็นพ้องกับการแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางภาคใต้ของไทยด้วยแนวทางสมานฉันท์ ว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ มาเลซีย และมั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะบรรลุความสำเร็จในการแก้ปัญหาดังกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงชื่นชมเอกอัครราชทูตที่มีบทบาทสำคัญ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี ระหว่างไทยและสวีเดน โดยเฉพาะการประสานงานในการเสด็จ ฯ เยือนไทยของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดนและสมเด็จพระราชินีซิลเวีย เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อร่วมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยในไทย สำหรับการพัฒนาการเมืองในไทยนั้น นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนการยกร่างรัฐธรรมและการลงประชามติ เพื่อเร่งรัดให้เกิดการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว นอกจากนี้ รัฐบาลยังถือเป็นภารกิจสำคัญ ในการแก้ปัญหาความรุนแรงภาคใต้ โดยใช้แนวทางสมานฉันท์ การส่งเสริมการศึกษา ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ในโอกาสนี้ เอกอัคราชทูตราชาอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงความสำเร็จของการลงนามแผนปฏิบัติการร่วมไทย-สวีเดน (The Thai-Sweden Joint Plan of Action) ว่า จะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือของทั้งสองประเทศ อาทิ การให้ทุนการศึกษา การถ่ายทอดทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจะเป็นความสัมพันธ์ที่เท่าเทียม หรือ equal partner เอกอัคราชทูตราชาอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย ยังเห็นพ้องกับการแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางภาคใต้ของไทยด้วยแนวทางสมานฉันท์ ว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ มาเลซีย และมั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะบรรลุความสำเร็จในการแก้ปัญหาดังกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--