นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานมอบโล่เกียรติยศให้กับผู้ขับแท็กซี่ที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการ “พลังแท็กซี่ หัวใจไทย” เพื่อส่งเสริมสมาชิกผู้ฟังกลุ่มผู้ขับขี่รถแท๊กซี่ให้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมและทำความดี สร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ มีความสุขปลอดภัย รวมทั้งเพื่อสร้างจิตสำนึกในความรักชาติ สร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
วันนี้ เวลา 14.00 น.ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานมอบโล่เกียรติยศให้กับผู้ขับแท็กซี่ที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการ “พลังแท็กซี่ หัวใจไทย” จำนวน 41 คน ซึ่งเป็นโครงการที่ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมด้วยช่วยกัน และสถานีวิทยุ สวพ.91 ดำเนินงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมสมาชิกผู้ฟังกลุ่มผู้ขับขี่รถแท๊กซี่ให้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมและทำความดี สร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ มีความสุขปลอดภัย รวมทั้งเพื่อสร้างจิตสำนึกในความรักชาติ สร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือและแนวร่วมในการแจ้งข้อมูลข่าวสาร โดยมีระยะเวลาดำเนินการตามโครงการตั้งแต่เดือนมีนาคม — ธันวาคม 2550
สำหรับการคัดเลือกผู้ขับขี่รถแท็กซี่เพื่อรับโล่เกียรติยศในครั้งนี้ สถานีวิทยุทั้ง 3 คลื่น จะคัดเลือกจากผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการกระทำความดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่น และสังคมอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับคนร้าย ช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกข่มขืน แจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี เป็นต้น รวมทั้งเพื่อเป็นแบบอย่างให้เกิดกระแสความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นตัวอย่างในการกระทำความดี โดยได้ทำการคัดเลือกจำนวนคลื่นละ 3 คน เป็นประจำทุกเดือน และกำหนดให้มีการมอบโล่ห์ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เดือนสิงหาคม เป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกในเดือน มีนาคม-กรกฎาคม และครั้งที่ 2 เดือนธันวาคม เป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกในเดือนสิงหาคม — ธันวาคม
โอกาสนี้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้มอบโล่เกียรติยศให้กับผู้ขับแท็กซี่ที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการดังกล่าว พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลและกล่าวให้โอวาทว่าถึงแม้ทุกคนจะมีหน้าที่ในการขับรถให้บริการ ที่เรียกว่า “ขับรถแท็กซี่” แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ไม่มีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่ดีงาม เพราะสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว และเป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ ถ้านับเป็นจำนวนเงินที่ได้คืนให้แก่ผู้โดยสารก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอที่ผู้ที่ได้รับรางวัลทุกคนจะไปมีรถแท็กซี่ใหม่ ๆ ได้ นั่นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงถึงหน้าที่พลเมืองดีของทุกคนที่มีอยู่ในหัวใจ มีอยู่ในความคิดของทุกคนที่จะทำสิ่งที่ดีงาม ทำสิ่งที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูก เป็นสิ่งที่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่มีคุณธรรม มีจริยธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งซึ่งหาได้ค่อนข้างลำบากในสังคมปัจจุบัน
สังคมโลกในปัจจุบันนี้คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีการแข่งขันกันมาก และมีคนในหลาย ๆ ส่วนที่ตระหนักว่า สังคมของเราควรจะมีการทบทวน ควรจะได้มีแนวคิดที่จะสร้างสังคมที่ดีงาม นั่นก็คือสังคมที่ช่วยเหลือกันเมื่อเห็นผู้อื่นประสบความทุกข์ยาก อาทิ บางคนอาจจะลืมของไว้อย่างที่ทุกคนได้ช่วยกันทำไปแล้ว บางคนก็ได้ช่วยติดตามคนร้ายที่พยายามที่จะหลบหนี สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คิดว่าสังคมของเรายังมีความต้องการอีกมาก เพื่อให้เป็นสังคมที่มีความเอื้อเฟื้อ เป็นสังคมที่ช่วยกันดูแล
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่านโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน ได้มุ่งเน้นถึงเรื่องของการทำในสิ่งที่ดีงาม ซึ่งส่วนมากจะพูดถึงเรื่องสิทธิ มีการเรียกร้องสิทธิในเรื่องต่าง ๆ แต่ไม่คิดถึงหน้าที่แต่ผู้ขับแท๊กซี่ไม่ได้เรียกร้องสิทธิเลย แต่ได้ทำในสิ่งที่ถือว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองที่ดี เป็นหน้าที่ที่ไม่ได้เขียนไว้ในที่ใด ทุกคนได้ทำด้วยมโนธรรม ด้วยความคิด ด้วยการตัดสินใจของทุกคน ซึ่งแสดงถึงพื้นฐานของความเป็นพลเมืองดีที่ไม่สามารถจะหาสิ่งอื่นใดมาทดแทนต่อความดีที่ได้ทำไปได้
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่าในสังคมของเรายังมีความต้องการสิ่งเหล่านี้อีกมาก และขอให้สื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูล และให้มีการมอบรางวัลที่ดำเนินการเช่นในวันนี้ และขอให้มีการเผยแพร่ไปในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำในสิ่งที่ดีงามนี้ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่ว่าจะมีพื้นฐานมาจากที่ใด แต่ด้วยจิตใจแล้ว ทุกคนพยายามที่จะทำหน้าที่ที่เป็นพลเมืองดีของชาติบ้านเมืองของเราได้ ไม่ว่าจะมาจากการศึกษา ไม่ว่าจะมาจากฐานะใด ๆ ในสังคม ทุกคนมีหน้าที่ที่จะเป็นพลเมืองดีของสังคมได้
นายกรัฐมนตรีมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทุกคนได้ดำเนินการไปแล้ว ได้ตัดสินใจทำไปแล้ว เป็นตัวอย่างที่ดี และยังมีคนไทยอีกมากที่ได้ทำหน้าที่พลเมืองดีนี้ แต่ว่าไม่มีโอกาสที่จะมาปรากฏต่อสังคม และไม่มีโอกาสที่จะแสดงตัวเป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคม ทั้งนี้เรามีแต่ข่าว มีแต่ข้อมูล ซึ่งถ้าไม่เป็นเรื่องร้าย ๆ ก็จะไม่มีข่าวที่จะลงในสื่อมวลชน ยกตัวอย่าง ในกรณีที่สามารถนำเงินที่ชาวต่างชาติลืมไว้คิดเป็นเงินไทยประมาณ 100 กว่าล้านบาท ถ้ามีการฉกชิงวิ่งราวเงินของคนต่างชาติจำนวนเท่านี้ก็จะเป็นข่าว ซึ่งทุกคนก็จะบอกว่า จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว แต่ถ้านำเสนอข่าวนำเงินจำนวนนั้นมาคืนชาวต่างชาติ ก็น่าจะเป็นข่าวที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวได้เช่นกัน ส่งเสริมความรู้สึกที่ดี ๆ ที่นักท่องเที่ยวจะมีต่อผู้คนของเรา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนได้ก็มีนิสัยที่จะแสดงความโอบอ้อมอารีในลักษณะเช่นนี้อยู่แล้ว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.00 น.ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานมอบโล่เกียรติยศให้กับผู้ขับแท็กซี่ที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการ “พลังแท็กซี่ หัวใจไทย” จำนวน 41 คน ซึ่งเป็นโครงการที่ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมด้วยช่วยกัน และสถานีวิทยุ สวพ.91 ดำเนินงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมสมาชิกผู้ฟังกลุ่มผู้ขับขี่รถแท๊กซี่ให้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมและทำความดี สร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ มีความสุขปลอดภัย รวมทั้งเพื่อสร้างจิตสำนึกในความรักชาติ สร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือและแนวร่วมในการแจ้งข้อมูลข่าวสาร โดยมีระยะเวลาดำเนินการตามโครงการตั้งแต่เดือนมีนาคม — ธันวาคม 2550
สำหรับการคัดเลือกผู้ขับขี่รถแท็กซี่เพื่อรับโล่เกียรติยศในครั้งนี้ สถานีวิทยุทั้ง 3 คลื่น จะคัดเลือกจากผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการกระทำความดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่น และสังคมอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับคนร้าย ช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกข่มขืน แจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี เป็นต้น รวมทั้งเพื่อเป็นแบบอย่างให้เกิดกระแสความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นตัวอย่างในการกระทำความดี โดยได้ทำการคัดเลือกจำนวนคลื่นละ 3 คน เป็นประจำทุกเดือน และกำหนดให้มีการมอบโล่ห์ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เดือนสิงหาคม เป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกในเดือน มีนาคม-กรกฎาคม และครั้งที่ 2 เดือนธันวาคม เป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกในเดือนสิงหาคม — ธันวาคม
โอกาสนี้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้มอบโล่เกียรติยศให้กับผู้ขับแท็กซี่ที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการดังกล่าว พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลและกล่าวให้โอวาทว่าถึงแม้ทุกคนจะมีหน้าที่ในการขับรถให้บริการ ที่เรียกว่า “ขับรถแท็กซี่” แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ไม่มีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่ดีงาม เพราะสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว และเป็นที่ยอมรับกันในขณะนี้ ถ้านับเป็นจำนวนเงินที่ได้คืนให้แก่ผู้โดยสารก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอที่ผู้ที่ได้รับรางวัลทุกคนจะไปมีรถแท็กซี่ใหม่ ๆ ได้ นั่นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงถึงหน้าที่พลเมืองดีของทุกคนที่มีอยู่ในหัวใจ มีอยู่ในความคิดของทุกคนที่จะทำสิ่งที่ดีงาม ทำสิ่งที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูก เป็นสิ่งที่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่มีคุณธรรม มีจริยธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งซึ่งหาได้ค่อนข้างลำบากในสังคมปัจจุบัน
สังคมโลกในปัจจุบันนี้คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีการแข่งขันกันมาก และมีคนในหลาย ๆ ส่วนที่ตระหนักว่า สังคมของเราควรจะมีการทบทวน ควรจะได้มีแนวคิดที่จะสร้างสังคมที่ดีงาม นั่นก็คือสังคมที่ช่วยเหลือกันเมื่อเห็นผู้อื่นประสบความทุกข์ยาก อาทิ บางคนอาจจะลืมของไว้อย่างที่ทุกคนได้ช่วยกันทำไปแล้ว บางคนก็ได้ช่วยติดตามคนร้ายที่พยายามที่จะหลบหนี สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คิดว่าสังคมของเรายังมีความต้องการอีกมาก เพื่อให้เป็นสังคมที่มีความเอื้อเฟื้อ เป็นสังคมที่ช่วยกันดูแล
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่านโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน ได้มุ่งเน้นถึงเรื่องของการทำในสิ่งที่ดีงาม ซึ่งส่วนมากจะพูดถึงเรื่องสิทธิ มีการเรียกร้องสิทธิในเรื่องต่าง ๆ แต่ไม่คิดถึงหน้าที่แต่ผู้ขับแท๊กซี่ไม่ได้เรียกร้องสิทธิเลย แต่ได้ทำในสิ่งที่ถือว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองที่ดี เป็นหน้าที่ที่ไม่ได้เขียนไว้ในที่ใด ทุกคนได้ทำด้วยมโนธรรม ด้วยความคิด ด้วยการตัดสินใจของทุกคน ซึ่งแสดงถึงพื้นฐานของความเป็นพลเมืองดีที่ไม่สามารถจะหาสิ่งอื่นใดมาทดแทนต่อความดีที่ได้ทำไปได้
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่าในสังคมของเรายังมีความต้องการสิ่งเหล่านี้อีกมาก และขอให้สื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูล และให้มีการมอบรางวัลที่ดำเนินการเช่นในวันนี้ และขอให้มีการเผยแพร่ไปในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำในสิ่งที่ดีงามนี้ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่ว่าจะมีพื้นฐานมาจากที่ใด แต่ด้วยจิตใจแล้ว ทุกคนพยายามที่จะทำหน้าที่ที่เป็นพลเมืองดีของชาติบ้านเมืองของเราได้ ไม่ว่าจะมาจากการศึกษา ไม่ว่าจะมาจากฐานะใด ๆ ในสังคม ทุกคนมีหน้าที่ที่จะเป็นพลเมืองดีของสังคมได้
นายกรัฐมนตรีมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทุกคนได้ดำเนินการไปแล้ว ได้ตัดสินใจทำไปแล้ว เป็นตัวอย่างที่ดี และยังมีคนไทยอีกมากที่ได้ทำหน้าที่พลเมืองดีนี้ แต่ว่าไม่มีโอกาสที่จะมาปรากฏต่อสังคม และไม่มีโอกาสที่จะแสดงตัวเป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคม ทั้งนี้เรามีแต่ข่าว มีแต่ข้อมูล ซึ่งถ้าไม่เป็นเรื่องร้าย ๆ ก็จะไม่มีข่าวที่จะลงในสื่อมวลชน ยกตัวอย่าง ในกรณีที่สามารถนำเงินที่ชาวต่างชาติลืมไว้คิดเป็นเงินไทยประมาณ 100 กว่าล้านบาท ถ้ามีการฉกชิงวิ่งราวเงินของคนต่างชาติจำนวนเท่านี้ก็จะเป็นข่าว ซึ่งทุกคนก็จะบอกว่า จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว แต่ถ้านำเสนอข่าวนำเงินจำนวนนั้นมาคืนชาวต่างชาติ ก็น่าจะเป็นข่าวที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวได้เช่นกัน ส่งเสริมความรู้สึกที่ดี ๆ ที่นักท่องเที่ยวจะมีต่อผู้คนของเรา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนได้ก็มีนิสัยที่จะแสดงความโอบอ้อมอารีในลักษณะเช่นนี้อยู่แล้ว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--