เช้าวันนี้ เวลา 07.00 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 181 รูป ในงาน“รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ราชัน” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยมีพันเอกหญิงคุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา และคณะรัฐมนตรี อาทิ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พลเรือเอกธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายอภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตัวแทนจากหน่วยงานและองค์กรเอกชนต่าง ๆ ประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมในพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง ณ ศาลหลักเมือง โดยนายกรัฐมนตรีได้ถวายพวงมาลัย จูดธูปเทียน เครื่องสักการะบูชาพระรัตนตรัย ผูกผ้าสามสี ณ องค์พระหลักเมืองจำลอง และถวายพวงมาลัย จุดธูปเทียน และสักการะเทพารักษ์ทั้ง 5 รวมทั้งเติมน้ำมันพระประจำวันเกิด ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยได้มอบเกียรติบัตรแก่หน่วยงานราชการและองค์กรศาสนาที่ให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้จำนวน 27 หน่วยงาน เสร็จแล้วไปยังเต็นท์ศาสนาพุทธ เพื่อเป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ และถวายเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม จำนวน 10 รูป พระสงฆ์อนุโมทนา นายกรัฐมนตรีกรวดน้ำแล้วรับพร เป็นอันเสร็จพิธี
ในวันเดียวกันเวลา 17.30 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ทรงเป็นประธานในพิธีทางศาสนา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและพันเอกหญิง คุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา เฝ้าฯ รับเสด็จ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลถวายรายงานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีใจความดังนี้ “ขอเดชะฝ่าละอองพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในนามของรัฐบาลข้าราชการ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และผู้ที่เฝ้าทูลละอองพระบาทอยู่ ณ ที่นี้ มีความปลาบปลื้มปีติและสำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาทได้เสด็จพระราชดำเนิน มาทรงเป็นประธานในพิธีทางศาสนา งาน “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ราชัน” ในวันนี้
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชานุญาต กราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท เกี่ยวกับการจัดงานครั้งนี้ โดยสรุปดังนี้
เนื่องจากปีพุทธศักราช 2550 นี้ เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา รัฐบาลโดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้มีความเห็นร่วมกันที่จะจัดงาน “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ราชัน” ขึ้น เพื่อเป็นการรวมใจ รวมพลังของคนไทยทั้งชาติ ทุกสาขาอาชีพ ทุกศาสนา มาร่วมกันทำความดี ประกอบกิจกรรมทางศาสนา ตามแนวทางที่แต่ละคนยึดมั่น และเคารพศรัทธา เพื่อให้บังเกิดเป็นมหากุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงความจงรัก ภักดี ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนชาวไทย
การจัดงานนี้นอกจากจะจัดขึ้นในส่วนกลาง ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว ยังได้จัดให้มีขึ้นพร้อมๆ กันในส่วนภูมิภาคในทุก ๆ จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 17 ถึง วันที่ 22 เมษายน ศกนี้ ประกอบด้วยกิจกรรมที่สำคัญได้แก่ การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 181 รูป การถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การเจริญพระพุทธมนต์ของคณะสงฆ์ จำนวน 801 รูป การเทศน์มหาชาติ การจัดนิทรรศการ และการประกอบพิธีกรรมของทุกศาสนา เป็นต้น การจัดงาน “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ราชัน” ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากทุกองค์กรศาสนา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งได้รับความสนใจจากประชาชน เข้ามาร่วมกิจกรรมแล้วทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก
ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอตั้งจิตพร้อมน้อมอธิษฐาน ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย และอำนาจศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ให้จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคาพาธและอุปัทวันตรายทั้งปวง พระเกียรติคุณแผ่ไพศาลไปทั่วทิศานุทิศ ทรงสถิตเสถียรในมไหศวรรย์ ราชสมบัติ เป็นพระมิ่งขวัญปกเกล้าของเหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบกาลนิรันดร์ เทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม“
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง ณ ศาลหลักเมือง โดยนายกรัฐมนตรีได้ถวายพวงมาลัย จูดธูปเทียน เครื่องสักการะบูชาพระรัตนตรัย ผูกผ้าสามสี ณ องค์พระหลักเมืองจำลอง และถวายพวงมาลัย จุดธูปเทียน และสักการะเทพารักษ์ทั้ง 5 รวมทั้งเติมน้ำมันพระประจำวันเกิด ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยได้มอบเกียรติบัตรแก่หน่วยงานราชการและองค์กรศาสนาที่ให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้จำนวน 27 หน่วยงาน เสร็จแล้วไปยังเต็นท์ศาสนาพุทธ เพื่อเป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ และถวายเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม จำนวน 10 รูป พระสงฆ์อนุโมทนา นายกรัฐมนตรีกรวดน้ำแล้วรับพร เป็นอันเสร็จพิธี
ในวันเดียวกันเวลา 17.30 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ทรงเป็นประธานในพิธีทางศาสนา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและพันเอกหญิง คุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา เฝ้าฯ รับเสด็จ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลถวายรายงานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีใจความดังนี้ “ขอเดชะฝ่าละอองพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในนามของรัฐบาลข้าราชการ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และผู้ที่เฝ้าทูลละอองพระบาทอยู่ ณ ที่นี้ มีความปลาบปลื้มปีติและสำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาทได้เสด็จพระราชดำเนิน มาทรงเป็นประธานในพิธีทางศาสนา งาน “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ราชัน” ในวันนี้
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชานุญาต กราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท เกี่ยวกับการจัดงานครั้งนี้ โดยสรุปดังนี้
เนื่องจากปีพุทธศักราช 2550 นี้ เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา รัฐบาลโดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้มีความเห็นร่วมกันที่จะจัดงาน “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ราชัน” ขึ้น เพื่อเป็นการรวมใจ รวมพลังของคนไทยทั้งชาติ ทุกสาขาอาชีพ ทุกศาสนา มาร่วมกันทำความดี ประกอบกิจกรรมทางศาสนา ตามแนวทางที่แต่ละคนยึดมั่น และเคารพศรัทธา เพื่อให้บังเกิดเป็นมหากุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงความจงรัก ภักดี ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนชาวไทย
การจัดงานนี้นอกจากจะจัดขึ้นในส่วนกลาง ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว ยังได้จัดให้มีขึ้นพร้อมๆ กันในส่วนภูมิภาคในทุก ๆ จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 17 ถึง วันที่ 22 เมษายน ศกนี้ ประกอบด้วยกิจกรรมที่สำคัญได้แก่ การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 181 รูป การถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การเจริญพระพุทธมนต์ของคณะสงฆ์ จำนวน 801 รูป การเทศน์มหาชาติ การจัดนิทรรศการ และการประกอบพิธีกรรมของทุกศาสนา เป็นต้น การจัดงาน “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ราชัน” ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากทุกองค์กรศาสนา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งได้รับความสนใจจากประชาชน เข้ามาร่วมกิจกรรมแล้วทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก
ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอตั้งจิตพร้อมน้อมอธิษฐาน ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย และอำนาจศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ให้จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคาพาธและอุปัทวันตรายทั้งปวง พระเกียรติคุณแผ่ไพศาลไปทั่วทิศานุทิศ ทรงสถิตเสถียรในมไหศวรรย์ ราชสมบัติ เป็นพระมิ่งขวัญปกเกล้าของเหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบกาลนิรันดร์ เทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม“
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--