วันนี้ เวลา 15.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัยดีเด่น ประจำปี 2549 ซึ่งกรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์จัด “โครงการมอบรางวัลผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัยดีเด่น” ขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2545 เพื่อประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยและยกย่องบริษัทประกันภัยที่มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ มีฐานะการเงินมั่นคง รวมทั้งดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยรางวัลแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ รางวัลเกียรติยศบริษัทประกันภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น จำนวน 1 รางวัล รางวัลสำหรับบริษัทประกันภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น จำนวน 11 รางวัล รางวัลสำหรับบริษัทประกันภัยที่มีการพัฒนาการบริหารงานดีเด่น จำนวน 8 รางวัล รางวัลบริษัทผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณชนด้านประกันภัย จำนวน 1 รางวัล รางวัลสำหรับตัวแทนประกันภัยคุณภาพดีเด่น จำนวน 14 รางวัล รางวัลสำหรับนายหน้าประกันภัยประเภทนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น จำนวน 4 รางวัล รางวัลอู่กลางการประกันภัยประเภทบริการดีเด่น จำนวน 3 รางวัล และรางวัลอาสาสมัครประกันภัยดีเด่น จำนวน 7 รางวัล รวมจำนวน 49 รางวัล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาร่วมกิจกรรมการกระตุ้นและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยในพิธีมอบรางวัลให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัยดีเด่น ประจำปี 2549 ในวันนี้ และแสดงความยินดีกับบริษัทประกันภัย ตัวแทนประกันภัย นายหน้าประกันภัยนิติบุคคล อู่กลางการประกันภัย ตลอดจนอาสาประกันภัยทุกท่านที่ได้รับรางวัลคุณภาพดีเด่นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาคุณภาพการให้บริการที่เป็นที่เชื่อมั่นและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ความมั่นคงทางฐานะการเงิน ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณชนที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
ระบบการประกันภัยนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยสร้างหลักประกันทางการเงิน หรือหลักประกันความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้แก่บุคคล และธุรกิจการค้าการลงทุนต่างๆ และแม้ว่าระบบการประกันภัยจะเป็นการดำเนินงานโดยเอกชน แต่ก็มีลักษณะเป็นเครื่องมือของสังคม เพราะทุนที่บริษัทประกันภัยได้ระดมมาจากประชาชนในรูปของเบี้ยประกันภัยนั้น ได้นำไปเก็บรักษาไว้เป็นกองทุนกลาง ซึ่งมีภาระผูกพันที่จะต้องนำไปชดใช้ให้ในอนาคตเมื่อเกิดเหตุวินาศภัยหรือเหตุการณ์ตามที่ระบุไว้ในสัญญา ดังนั้น ผู้ประกอบการประกันภัยและประกันชีวิต ซึ่งเป็นผู้ที่อาสาเข้ามาบริหารกองทุนกลาง จึงมีหน้าที่สำคัญที่ต้องทำให้ดีที่สุด ก็คือการให้บริการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือจ่ายเงินผลประโยชน์ให้แก่ผู้เอาประกันภัย และผู้มีสิทธิประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยอย่างถูกต้อง ครบถ้วน รวดเร็ว และเป็นธรรม
ธุรกิจประกันภัยนอกจากจะเป็นธุรกิจบริการที่มีลักษณะพิเศษ คือ เป็นคำมั่นสัญญาในอนาคตแล้ว ยังเป็นสถาบันการเงินประเภทหนึ่งด้วย ซึ่งความมั่นคงและการเจริญเติบโตของสถาบันนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อถือไว้วางใจของประชาชนเป็นสำคัญ ดังนั้น ผู้ประกอบการหรือผู้ประกอบวิชาชีพในธุรกิจนี้ จึงต้องช่วยกันสร้างคุณภาพการให้บริการที่ดีเยี่ยม และใช้หลักธรรมาภิบาลเป็นกรอบในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ความเปิดเผย จริงใจ ความซื่อสัตย์ และความรับผิดชอบ เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย ทั้งต่อผู้ที่มาใช้บริการและผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัยเองด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่ได้รับรางวัลคุณภาพดีเด่นในวันนี้ จะมุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินงานและรักษาคุณภาพการทำงานที่ดีเด่นนี้ไว้ตลอดไป เพื่อเป็นกำลังสำคัญที่ร่วมกับภาครัฐในการส่งเสริมและผลักดันยกระดับคุณภาพของธุรกิจประกันภัยให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป พร้อมทั้งช่วยกันเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนได้ตระหนักถึงคุณประโยชน์และความสำคัญที่จะได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัยให้มากขึ้น เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของพี่น้องคนไทยสืบต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาร่วมกิจกรรมการกระตุ้นและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยในพิธีมอบรางวัลให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัยดีเด่น ประจำปี 2549 ในวันนี้ และแสดงความยินดีกับบริษัทประกันภัย ตัวแทนประกันภัย นายหน้าประกันภัยนิติบุคคล อู่กลางการประกันภัย ตลอดจนอาสาประกันภัยทุกท่านที่ได้รับรางวัลคุณภาพดีเด่นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาคุณภาพการให้บริการที่เป็นที่เชื่อมั่นและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ความมั่นคงทางฐานะการเงิน ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณชนที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
ระบบการประกันภัยนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยสร้างหลักประกันทางการเงิน หรือหลักประกันความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้แก่บุคคล และธุรกิจการค้าการลงทุนต่างๆ และแม้ว่าระบบการประกันภัยจะเป็นการดำเนินงานโดยเอกชน แต่ก็มีลักษณะเป็นเครื่องมือของสังคม เพราะทุนที่บริษัทประกันภัยได้ระดมมาจากประชาชนในรูปของเบี้ยประกันภัยนั้น ได้นำไปเก็บรักษาไว้เป็นกองทุนกลาง ซึ่งมีภาระผูกพันที่จะต้องนำไปชดใช้ให้ในอนาคตเมื่อเกิดเหตุวินาศภัยหรือเหตุการณ์ตามที่ระบุไว้ในสัญญา ดังนั้น ผู้ประกอบการประกันภัยและประกันชีวิต ซึ่งเป็นผู้ที่อาสาเข้ามาบริหารกองทุนกลาง จึงมีหน้าที่สำคัญที่ต้องทำให้ดีที่สุด ก็คือการให้บริการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือจ่ายเงินผลประโยชน์ให้แก่ผู้เอาประกันภัย และผู้มีสิทธิประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยอย่างถูกต้อง ครบถ้วน รวดเร็ว และเป็นธรรม
ธุรกิจประกันภัยนอกจากจะเป็นธุรกิจบริการที่มีลักษณะพิเศษ คือ เป็นคำมั่นสัญญาในอนาคตแล้ว ยังเป็นสถาบันการเงินประเภทหนึ่งด้วย ซึ่งความมั่นคงและการเจริญเติบโตของสถาบันนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อถือไว้วางใจของประชาชนเป็นสำคัญ ดังนั้น ผู้ประกอบการหรือผู้ประกอบวิชาชีพในธุรกิจนี้ จึงต้องช่วยกันสร้างคุณภาพการให้บริการที่ดีเยี่ยม และใช้หลักธรรมาภิบาลเป็นกรอบในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ความเปิดเผย จริงใจ ความซื่อสัตย์ และความรับผิดชอบ เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย ทั้งต่อผู้ที่มาใช้บริการและผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัยเองด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่ได้รับรางวัลคุณภาพดีเด่นในวันนี้ จะมุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินงานและรักษาคุณภาพการทำงานที่ดีเด่นนี้ไว้ตลอดไป เพื่อเป็นกำลังสำคัญที่ร่วมกับภาครัฐในการส่งเสริมและผลักดันยกระดับคุณภาพของธุรกิจประกันภัยให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป พร้อมทั้งช่วยกันเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนได้ตระหนักถึงคุณประโยชน์และความสำคัญที่จะได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัยให้มากขึ้น เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของพี่น้องคนไทยสืบต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--