วันนี้ เวลา 15.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ประกอบธุรกิจผลิตทองรูปพรรณที่ได้มาตรฐานทองไทย จำนวน 71 ราย จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสมาคมค้าทองคำ ทั้งนี้เพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจต่อความสำเร็จในความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่ได้สร้างความเป็นธรรมแก่สังคม ผู้บริโภค ตลอดจนเป็นการยกระดับมาตรฐานการผลิตทองรูปพรรณของไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ ผู้ร่วมงานประกอบด้วย โรงงานผู้ผลิตทองรูปพรรณ ประธานชมรมร้านจำหน่ายทองรูปพรรณในส่วนภูมิภาค กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ กรมการค้าภายใน ประมาณ 200 คน
นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้กล่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคกับสมาคมค้าทองคำ ได้ร่วมกันดำเนินโครงการตรวจสอบมาตรฐานทองรูปพรรณ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคทั้งชายไทยและชาวต่างชาติ และผลจากการตรวจสอบพบว่ามีโรงงานผู้ผลิตทองรูปพรรณที่มีการรักษามาตรฐานการผลิตทองรูปพรรณที่มีปริมาณความ บริสุทธ์ของทองรูปพรรณที่ 96.5% และ 99.99% จำนวน 71 ราย ส่วนกลางจำนวน 66 ราย และส่วนภูมิภาคจำนวน 5 ราย คือ จังหวัดขอนแก่น 2 ราย จังหวัดสงขลา จังหวัดตรัง และจังหวัดนครพนม ซึ่งการดำเนินการยกระดับมาตรฐานทองไทยนี้ ถือเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาล ที่ส่งผลให้ร้านจำหน่ายทองรูปพรรณทั่วประเทศกว่า 7,000 แห่ง ได้จำหน่ายทองรูปพรรณที่มีความบริสุทธิ์เป็นไปตามมาตรฐาน และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในเชิงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ที่ส่งผลถึงผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่นิยมซื้อทองรูปพรรณไว้เป็นเครื่องประดับ และเป็นของฝากหรือของที่ระลึก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเกียตริบัตรแก่ผู้ประกอบธุรกิจผลิตทองรูปพรรณที่ได้มาตรฐานทองไทย จำนวน 71 ราย พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ผลิตทองรูปพรรณทุกคนที่ได้รับมอบเกียรติบัตรในวันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ได้ให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทนำ และผนึกกำลังร่วมกับภาครัฐในการเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ และให้กลไกการตลาดสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ภายใต้หลักคุณธรรมและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนในสังคม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ภาคเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันด้วยความเป็นธรรม และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ ความโปร่งใส และยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตนั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นระบบเศรษฐกิจที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่จะส่งผลดีกลับมาสู่ผู้ประกอบการ และสร้างความเจริญ ความมั่นคงยั่งยืน ให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม อีกด้วย
ความสำเร็จในการดำเนินการจัดระเบียบการจำหน่าย ทองรูปพรรณให้ได้มาตรฐานความบริสุทธิ์ร้อยละ 96.5 และร้อยละ 99.99 นี้ ถือเป็นผลมาจากการประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้าทองรูปพรรณ ขณะเดียวกันเป็นการยกระดับคุณภาพมาตรฐานทองรูปพรรณของประเทศไทยให้สูงขึ้นด้วย จึงถือว่าเป็นตัวอย่างในความร่วมมือที่สร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคม และสร้างความเข้มแข็งให้แก่การดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคในด้าน ต่าง ๆ ต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้กล่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคกับสมาคมค้าทองคำ ได้ร่วมกันดำเนินโครงการตรวจสอบมาตรฐานทองรูปพรรณ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคทั้งชายไทยและชาวต่างชาติ และผลจากการตรวจสอบพบว่ามีโรงงานผู้ผลิตทองรูปพรรณที่มีการรักษามาตรฐานการผลิตทองรูปพรรณที่มีปริมาณความ บริสุทธ์ของทองรูปพรรณที่ 96.5% และ 99.99% จำนวน 71 ราย ส่วนกลางจำนวน 66 ราย และส่วนภูมิภาคจำนวน 5 ราย คือ จังหวัดขอนแก่น 2 ราย จังหวัดสงขลา จังหวัดตรัง และจังหวัดนครพนม ซึ่งการดำเนินการยกระดับมาตรฐานทองไทยนี้ ถือเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาล ที่ส่งผลให้ร้านจำหน่ายทองรูปพรรณทั่วประเทศกว่า 7,000 แห่ง ได้จำหน่ายทองรูปพรรณที่มีความบริสุทธิ์เป็นไปตามมาตรฐาน และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในเชิงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ที่ส่งผลถึงผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่นิยมซื้อทองรูปพรรณไว้เป็นเครื่องประดับ และเป็นของฝากหรือของที่ระลึก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเกียตริบัตรแก่ผู้ประกอบธุรกิจผลิตทองรูปพรรณที่ได้มาตรฐานทองไทย จำนวน 71 ราย พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ผลิตทองรูปพรรณทุกคนที่ได้รับมอบเกียรติบัตรในวันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ได้ให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทนำ และผนึกกำลังร่วมกับภาครัฐในการเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ และให้กลไกการตลาดสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ภายใต้หลักคุณธรรมและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนในสังคม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ภาคเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันด้วยความเป็นธรรม และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ ความโปร่งใส และยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตนั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นระบบเศรษฐกิจที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่จะส่งผลดีกลับมาสู่ผู้ประกอบการ และสร้างความเจริญ ความมั่นคงยั่งยืน ให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม อีกด้วย
ความสำเร็จในการดำเนินการจัดระเบียบการจำหน่าย ทองรูปพรรณให้ได้มาตรฐานความบริสุทธิ์ร้อยละ 96.5 และร้อยละ 99.99 นี้ ถือเป็นผลมาจากการประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้าทองรูปพรรณ ขณะเดียวกันเป็นการยกระดับคุณภาพมาตรฐานทองรูปพรรณของประเทศไทยให้สูงขึ้นด้วย จึงถือว่าเป็นตัวอย่างในความร่วมมือที่สร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคม และสร้างความเข้มแข็งให้แก่การดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคในด้าน ต่าง ๆ ต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--