พลเอก วิชิต ยาทิพย์ ประธานคณะกรรมการบริหารสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย — จีน นำคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ คณะข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่าง ๆ จำนวน 26 คนที่ได้รับทุนการศึกษาภาษาจีนเบื้องต้น เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
วันนี้ เวลา 14.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก วิชิต ยาทิพย์ ประธานคณะกรรมการบริหารสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย — จีน นำคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ คณะข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่าง ๆ จำนวน 26 คนที่ได้รับทุนการศึกษาภาษาจีนเบื้องต้น ณ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว วิทยาเขตจี่เหมย เมืองเซียะเหมิน มณฑลฟูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเวลา 1 ปี เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อรับฟังโอวาทก่อนออกเดินทางไปศึกษาในวันที่ 6 กันยายน 2550 โดยมี พลเอก พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางกัญจนา สปินเล่อร์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย
ประธานคณะกรรมการบริหารสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย — จีน ได้กล่าวรายงานโดยสรุปว่า สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย — จีน โดยความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมได้ส่งเสริมการเรียนภาษาจีนเบื้องต้นให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ไทยในสังกัดกระทรวงต่าง ๆ โดยมหาวิทยาลัยหัวเฉียวได้มอบทุนการศึกษาภาษาจีนเบื้องต้นให้ไปศึกษา ณ ณ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว วิทยาเขตจี่เหมย เมืองเซียะเหมิน มณฑลฟูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งทุนการศึกษาดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2548 มีวัตถุประสงค์ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ได้รับการพัฒนาความรู้ความสามารถด้านการใช้ภาษาจีนในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อประโยชน์ในทางราชการ สร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นระหว่างราชการไทยและราชการจีน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบโอวาทแก่คณะข้าราชการและเจ้าหน้าที่สรุปสาระสำคัญว่า การได้รับทุนการศึกษาภาษาจีนในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้รับทุนทุกคน โดยขอให้ใช้เวลา 1 ปีในการไปศึกษาให้เกิดประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งต่อตนเองและประเทศชาติ โดยเฉพาะการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนเพื่อความร่วมมือที่ดีต่อกันในอนาคต ทั้งนี้ ทุกคนคงทราบกันดีว่าจีนเป็นประเทศหนึ่งที่ถือว่าเป็นเครื่องยนต์สำคัญทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะฐานะทางเศรษฐกิจของจีนมีการขยายตัวค่อนข้างเร็ว เช่นเดียวกันกับประเทศอินเดีย ซึ่งคาดว่าอีก 20 ปีข้างหน้าทั้งจีนและอินเดียจะเป็นเครื่องจักรสำคัญทางเศรษฐกิจของโลก ที่จะมีการพัฒนาสูงทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความมั่นคงที่จะก้าวหน้าต่อไปอนาคต และขณะนี้จีนและอินเดียได้มีการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน ซึ่งประเทศไทยอยู่ตรงกลางระหว่างสองประเทศนี้ จึงถือได้ว่าไทยมีความสำคัญในด้านการคมนาคม การท่องเที่ยว และการค้าขายระหว่างจีนและอินเดียทั้งปัจจุบันและอนาคต ฉะนั้นความรอบรู้ในภาษาจีนและภาษาท้องถิ่นของอินเดียจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน จึงขอให้ทุกคนได้ให้ความสนใจในภาษาจีนรวมทั้งภาษาท้องถิ่นของอินเดียด้วย เพราะถ้าเรามีความรู้ความเข้าใจร่วมด้วยแล้วจะเป็นประโยชน์กว่าการสื่อสารผ่านล่ามภาษา นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่เป็นส่วนช่วยด้วยคือ Body Language หรือภาษากาย ที่จะสามารถแสดงความรู้สึกต่อกันระหว่างบุคคลได้ดี
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า การศึกษาเพิ่มพูนความรู้ในด้านภาษาจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน อยากให้ทุกคนเห็นความสำคัญด้านภาษาที่จะมีการพัฒนาต่อไปในอนาคต ซึ่งประโยชน์ด้านภาษาต่างประเทศที่มีต่อตนเองนั้นถือว่าประมาณค่ามิได้ จึงขอให้ทุกคนมีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียน นำความรู้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติ และเมื่อศึกษาสำเร็จกลับมาแล้วก็ขอให้พยายามฝึกฝนให้มีความเชี่ยวชาญยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเข็มกลัดที่ระลึกตราสัญลักษณ์ 80 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่าง ๆ ที่ได้รับทุนทั้ง 26 คน ซึ่งประกอบไปด้วยข้าราชการกระทรวงกลาโหม จำนวน 9 ทุน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 5 ทุน กระทรวงพาณิชย์ จำนวน 5 ทุน กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 3 ทุน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 1 ทุน สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จำนวน 1 ทุน เจ้าหน้าที่สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย — จีน จำนวน 2 ทุน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก วิชิต ยาทิพย์ ประธานคณะกรรมการบริหารสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย — จีน นำคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ คณะข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่าง ๆ จำนวน 26 คนที่ได้รับทุนการศึกษาภาษาจีนเบื้องต้น ณ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว วิทยาเขตจี่เหมย เมืองเซียะเหมิน มณฑลฟูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเวลา 1 ปี เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อรับฟังโอวาทก่อนออกเดินทางไปศึกษาในวันที่ 6 กันยายน 2550 โดยมี พลเอก พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางกัญจนา สปินเล่อร์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย
ประธานคณะกรรมการบริหารสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย — จีน ได้กล่าวรายงานโดยสรุปว่า สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย — จีน โดยความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมได้ส่งเสริมการเรียนภาษาจีนเบื้องต้นให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ไทยในสังกัดกระทรวงต่าง ๆ โดยมหาวิทยาลัยหัวเฉียวได้มอบทุนการศึกษาภาษาจีนเบื้องต้นให้ไปศึกษา ณ ณ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว วิทยาเขตจี่เหมย เมืองเซียะเหมิน มณฑลฟูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งทุนการศึกษาดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2548 มีวัตถุประสงค์ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ได้รับการพัฒนาความรู้ความสามารถด้านการใช้ภาษาจีนในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อประโยชน์ในทางราชการ สร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นระหว่างราชการไทยและราชการจีน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบโอวาทแก่คณะข้าราชการและเจ้าหน้าที่สรุปสาระสำคัญว่า การได้รับทุนการศึกษาภาษาจีนในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้รับทุนทุกคน โดยขอให้ใช้เวลา 1 ปีในการไปศึกษาให้เกิดประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งต่อตนเองและประเทศชาติ โดยเฉพาะการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนเพื่อความร่วมมือที่ดีต่อกันในอนาคต ทั้งนี้ ทุกคนคงทราบกันดีว่าจีนเป็นประเทศหนึ่งที่ถือว่าเป็นเครื่องยนต์สำคัญทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะฐานะทางเศรษฐกิจของจีนมีการขยายตัวค่อนข้างเร็ว เช่นเดียวกันกับประเทศอินเดีย ซึ่งคาดว่าอีก 20 ปีข้างหน้าทั้งจีนและอินเดียจะเป็นเครื่องจักรสำคัญทางเศรษฐกิจของโลก ที่จะมีการพัฒนาสูงทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความมั่นคงที่จะก้าวหน้าต่อไปอนาคต และขณะนี้จีนและอินเดียได้มีการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน ซึ่งประเทศไทยอยู่ตรงกลางระหว่างสองประเทศนี้ จึงถือได้ว่าไทยมีความสำคัญในด้านการคมนาคม การท่องเที่ยว และการค้าขายระหว่างจีนและอินเดียทั้งปัจจุบันและอนาคต ฉะนั้นความรอบรู้ในภาษาจีนและภาษาท้องถิ่นของอินเดียจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน จึงขอให้ทุกคนได้ให้ความสนใจในภาษาจีนรวมทั้งภาษาท้องถิ่นของอินเดียด้วย เพราะถ้าเรามีความรู้ความเข้าใจร่วมด้วยแล้วจะเป็นประโยชน์กว่าการสื่อสารผ่านล่ามภาษา นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่เป็นส่วนช่วยด้วยคือ Body Language หรือภาษากาย ที่จะสามารถแสดงความรู้สึกต่อกันระหว่างบุคคลได้ดี
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า การศึกษาเพิ่มพูนความรู้ในด้านภาษาจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน อยากให้ทุกคนเห็นความสำคัญด้านภาษาที่จะมีการพัฒนาต่อไปในอนาคต ซึ่งประโยชน์ด้านภาษาต่างประเทศที่มีต่อตนเองนั้นถือว่าประมาณค่ามิได้ จึงขอให้ทุกคนมีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียน นำความรู้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติ และเมื่อศึกษาสำเร็จกลับมาแล้วก็ขอให้พยายามฝึกฝนให้มีความเชี่ยวชาญยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเข็มกลัดที่ระลึกตราสัญลักษณ์ 80 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่าง ๆ ที่ได้รับทุนทั้ง 26 คน ซึ่งประกอบไปด้วยข้าราชการกระทรวงกลาโหม จำนวน 9 ทุน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 5 ทุน กระทรวงพาณิชย์ จำนวน 5 ทุน กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 3 ทุน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 1 ทุน สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จำนวน 1 ทุน เจ้าหน้าที่สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย — จีน จำนวน 2 ทุน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--