วันนี้ เวลา 08.00 น. ณ บ้านพิษณุโลก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ใน รายการ "เปิดบ้านพิษณุโลก" ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เป็นครั้งที่สอง โดยมีนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา เป็นผู้ดำเนินการ
พิธีกร ขณะนี้ผมอยู่ที่บ้านพิษณุโลก บ้านพักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย และ แน่นอนครับ ผมอยู่กับนายกรัฐมนตรีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ สวัสดีครับ บ้านนี้ท่านมาพักบ้างไหมครับ
นายกรัฐมนตรี ช่วงนี้ไม่ได้มา แวะมาใช้ในบางโอกาสเท่านั้นเอง รับแขก ทานอาหารกลางวัน ทานอาหารกับเพื่อน ๆ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มาร่วมหารือกันแค่นั้น ไม่ได้ค้างคืน
พิธีกร ทำไมถึงไม่มาพักที่บ้านพิษณุโลก
นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้มาพักเพราะว่าห้วงเวลาที่ผมอยู่มันสั้น การที่จะเคลื่อนย้ายเสื้อผ้ามาไว้ที่นี่ค่อนข้างที่จะยุ่งยาก คิดว่าสั้น ๆ แค่นี้เอง ขับรถไปขับรถมาคงไม่ได้ลำบากยากเย็นอะไร
พิธีกร หรือคิดตั้งแต่ต้นว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการจริง ๆ มีเวลาชัดเจนจริง ๆ
นายกรัฐมนตรี ใช่
สถานการณ์ทางการเมืองเดือนพฤษภาคม
พิธีกร ขอถามท่านนายกฯ เรื่องการเมือง เดือนพฤษภาคมนี้มีบางคนบอกว่าการเมืองจะรุนแรงมาก จะมีคดียุบพรรค เรื่องของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งเริ่มสรุปคดีที่ดินย่านรัชดาภิเษกแล้ว มีเรื่องรัฐธรรมนูญ การชุมนุมที่อาจจะเกิดขึ้น คอการเมืองบอกดุเดือดแน่ ในมุมมองของท่านนายกฯ มองอย่างไร
นายกรัฐมนตรี คงจะดูเป็นเรื่อง ๆ ไป อย่างกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเรื่องของพรรคการเมือง 5 พรรค ก็เป็นส่วนหนึ่ง ผมอยากจะเรียนว่าทางด้านการวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการดำเนินการตามครรลองของกฎหมาย ถ้าหากว่าเราไม่ได้รับในสิ่งที่ถือว่าเป็นการวินิจฉัยของศาลที่สูงสุดแล้ว ประเทศนี้คงไม่มีกฎไม่มีระเบียบอะไร ผมคิดว่าตรงนี้คนไทยส่วนใหญ่จะต้องตระหนักว่า ถ้าเราอยู่กันโดยที่ไม่มีกฎไม่มีระเบียบ คงไม่สามารถที่จะเป็นประเทศได้ เช่นเดียวกันในเรื่องของคดีที่ คตส. กำลังจะเสนอเข้าสู่ศาลฎีกาฝ่ายการเมือง คงเป็นเรื่องที่ให้เป็นการดำเนินการตามขั้นตอน เพราะยิ่งมีปัญหาในเรื่องของการที่จะเข้าไปก้าวล่วง ก็ยิ่งจะเป็นปัญหาต่อผู้ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา นั่นจะเป็นปัญหามากขึ้น ผมคิดว่าในส่วนเหล่านี้ ถ้าหากว่าในฐานะที่ท่านเป็นประชาชน คงจะตามดูความคืบหน้า และวิเคราะห์วิจารณ์ได้ แต่ว่าความเคลื่อนไหวต่าง ๆ นั้น ไม่น่าที่จะออกมาเป็นลักษณะที่ทำให้เกิดปัญหากับบ้านเมือง คือไม่ใช่ออกมาเดินขบวน ไม่ใช่ออกมาคัดค้าน คนหนึ่งสนับสนุน อีก คนหนึ่งคัดค้าน อะไรอย่างนี้ ผมคิดว่าไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น
พิธีกร ประชาชนทั่วไปควรจะกลัวไหม ซึ่งเขาจะไม่ได้อยู่ข้างหนึ่งข้างใด เขาอยู่ตรงกลาง ๆ หรือจะอยู่ตรงไหนก็ตาม เขาควรจะกลัวเดือนพฤษภาคมไหม
นายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าไม่น่าจะกลัว เพราะอย่างที่ผมได้เรียนแล้ว ผมทราบดีว่าคนไทยส่วนมากรักษาความสงบ แล้วอาจจะฟัง อาจจะเชื่อ แต่บอกว่าให้ไปทำอย่างโน้นอย่างนี้ที่รุนแรงเขาต้องคิดก่อนว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม เว้นเสียแต่ว่ามีบางส่วนซึ่งอาจจะมีความคิดที่โน้มเอียงไปอย่างนั้นอย่างจริงจัง แต่ถ้าเผื่อท่านออกมาใช้ลักษณะอย่างที่ว่านี้ ผมคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่เขาเห็นว่าการแสดงออกในลักษณะอย่างที่ว่านั้น โดยเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ เป็นหลักอย่างเดียว ก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ซึ่งยิ่งจะเสียทางการเมืองมากขึ้นกว่าเดิม คือโอกาสที่จะฟื้นกลับมาไม่มี
พิธีกร คือถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นมันยิ่งเสียสำหรับคนที่ทำหรืออยู่เบื้องหลัง
นายกรัฐมนตรี ครับ
พิธีกร ที่ผมถามเรื่องนี้ เพราะท่านนายกฯ บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าถ้าจะมีเรื่องที่ทำให้ท่านต้องตัดสินใจทางการเมืองคือลาออก คือการเกิดการปะทะกัน ซึ่งท่านพูดตั้งแต่ก่อนเข้ามารับตำแหน่งแล้วว่าท่านไม่ต้องการให้เกิดขึ้น คือคนไทยปะทะกันนองเลือด ถ้าพูดให้รุนแรง ที่ผมถามเพราะว่าท่านกลัวไหม
นายกรัฐมนตรี ผมไม่ได้กลัว
พิธีกร หวั่นวิตกว่าอาจจะเดินไปสู่จุดนั้น
นายกรัฐมนตรี ผมไม่ได้กลัวเลย แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลที่มีคุณธรรมจริยธรรม จะต้องตัดสินใจอย่างนั้นทุกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของผมหรือไม่ เมื่อประชาชนเกิดปะทะกันโดยที่ฝ่ายบริหารไม่สามารถที่จะแก้ไขเหตุการณ์ได้ ก็ควรจะลาออกไป
พิธีกร นั่นคือการแสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่ได้แปลว่ากลัวว่าจะเกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี ไม่
พิธีกร นี่คือบอกหลักการ
นายกรัฐมนตรี ใช่ ผมไม่ได้กลัว เพราะว่าทุกอย่างมีโอกาสเกิดขึ้นทั้งนั้น แต่ว่ามากหรือน้อย
พิธีกร แต่ต้องเตรียมรับมือในฐานะผู้บริหารประเทศ
นายกรัฐมนตรี แน่นอน
การวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญคดียุบพรรคการเมือง
พิธีกร คดียุบพรรค แน่นอนคนส่วนใหญ่หรือคนส่วนหนึ่งอาจจะเป็นอย่างที่ท่านนายกฯ บอก คือเขาต้องการให้กฎหมายเป็นกฎหมาย แต่ว่าจะมีคนเสียประโยชน์เกิดขึ้น ถ้าพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดหรือทั้งสองพรรคถูกยุบ โดยเฉพาะถ้าถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็จะมีคนเสียผลประโยชน์ ท่านประเมินอย่างไรในทางการเมือง
นายกรัฐมนตรี คงมีการแสดงออกกันบ้าง แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะรุนแรง เพราะอย่างที่ผมเรียนแล้วไม่มีข้ออ้างอื่นใด ถ้าเผื่อศาลวินิจฉัยแล้ว จะไปบอกว่าผมไม่ผิด ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ลำบาก
พิธีกร แต่นักการเมืองท่านก็เคยคลุกคลีอยู่บ้าง ถูกตัดสิทธิ์ 5 ปี สำหรับนักการเมืองคือเรื่องใหญ่มาก บางคนบอกประหารชีวิตทางการเมือง
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องที่จะต้องยอมรับกัน เพราะสิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก ซึ่งจะต้องดูเพราะจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะชี้ถึงคุณธรรมจริยธรรมของนักการเมืองต่อไปในโอกาสข้างหน้า ว่าข้างหน้าคุณจะไปทำอย่างที่เกิดขึ้นมาในอดีตไม่ได้แล้ว อันนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญ ซึ่งนักการเมืองจะต้องจดจำ ถ้าไม่อย่างนั้นนักการเมืองก็ไม่มีบทเรียน เพราะคุณทำทุกอย่างได้หมด และหลบไปหลบมา ไม่ผิด ผมว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
พิธีกร ท่านไม่ได้ประเมินว่าเขาจะเคลื่อนไหว
นายกรัฐมนตรี ก็เคลื่อนไหว แต่ผมคิดว่าคงไม่ถึงขั้นที่จะมีปัญหาที่ทำให้เกิดความรุนแรง
พิธีกร คือความรุนแรงเกิดขึ้นได้สองทาง อันนี้มองจากคนนอก คือหนึ่ง ประชาชนส่วนใหญ่ออกมาเดินขบวน อีกทางหนึ่งคือสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้น ท่านมองอย่างไร ไม่คิดว่าอาจจะเกิดขึ้นจากทั้งสองทาง
นายกรัฐมนตรี ส่วนใหญ่ผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะว่าส่วนใหญ่คงติดตามดู เท่าที่ผมได้ติดตามมาตลอดระยะเวลา 6 เดือน คนส่วนใหญ่มักจะฟังแล้วก็เฉย จะคงมีคนเพียงกลุ่มน้อย ๆ ซึ่งอาจจะฝังความคิด ถ้าพูดว่าฝังชิฟไว้ในสมอง ก็คงเป็นอย่างนั้น ผมยังไม่เห็นมีกลุ่มใหญ่ออกมาเลย ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมานี้
พิธีกร เขาบอกว่าบางพรรคการเมืองมีสมาชิก 14 ล้านคน อาจจะออกมา
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นตัวเลข แต่ผมคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่มีวิจารณญาณ ถึงแม้ว่าจะเป็นสมาชิกพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์เองก็มีสมาชิกไม่น้อยเหมือนกัน แต่ในช่วงเวลาที่มีปัญหา ผมก็ไม่เห็นว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาเคลื่อนไหวเป็นสิบล้านอย่างที่ว่า
พิธีกร เพราะฉะนั้นเรื่องคนส่วนใหญ่ไม่แน่ ท่านไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้น แต่ถ้าสร้าง สถานการณ์ขึ้นมา รัฐบาลเตรียมรับมืออย่างไร หรือว่าเป็นเรื่องของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
นายกรัฐมนตรี ในส่วนเหล่านี้ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอดเป็นการทำงานร่วมกัน เพราะ คมช.ก็อาจจะไม่มีเครื่องมือ ยกตัวอย่างง่าย ๆ สื่อต่าง ๆ ที่จะสร้างความเข้าใจ รัฐบาลต้องสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ให้ ในด้านของงบประมาณรัฐบาลก็ต้องสนับสนุนให้ เพื่อให้หน่วยงานซึ่งก็เป็นหน่วยงานของรัฐอันหนึ่งคือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) คงไม่ได้เป็น คมช. ในฐานะที่เป็น กอ.รมน. ก็มีหน้าที่ที่จะดูแลในส่วนนี้
พิธีกร ค่อนข้างจะมั่นใจมากฟังจากท่าน
นายกรัฐมนตรี มั่นใจ
พิธีกร ไม่กังวลเลย เดือนนี้นอนหลับทุกคืน
นายกรัฐมนตรี ผมไม่มีปัญหาเลย ผมไม่เคยนอนไม่หลับเลย พูดตรง ๆ ในชีวิตผม ๆ ไม่เคยนอนไม่หลับ
พิธีกร ไม่กังวลเลยแม้แต่นิดเดียว
นายกรัฐมนตรี ผมมีวิธีการ ยิ่งบวชมาแล้วยิ่งง่ายนิดเดียว
พิธีกร วิธีการจัดการกับตัวเองหรือจัดการกับม็อบ
นายกรัฐมนตรี วิธีการจัดการกับตัวเองให้ไม่กังวล ตัดออกไปได้ เพียงแต่ใช้คำว่า "พุทโธ พุทโธ" หายใจเข้าก็บอก "พุท" หายใจออกก็บอก "โธ" เดี๋ยวเดียวก็หลับแล้ว ไม่ถึง 5 นาที ตื่นขึ้นมาก็ สดชื่นเป็นปกติ
พิธีกร แล้วมารับมือใหม่ค่อยมาว่ากัน
นายกรัฐมนตรี ก็ไปว่ากันอีกวันหนึ่ง
การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
พิธีกร อย่างคดียุบพรรคเราว่าไป เรื่องของคดีที่ดินรัชดาเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว จะต้องกลับประเทศหรือไม่กลับ และเมื่อวันก่อนก็ออกรายการวิทยุ 3 คลื่นพูดกับคนไทยผ่านวิทยุชุมชน ท่านนายกฯ ไม่กังวลเลยหรือ
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้กังวลในกรณีที่ว่าเนื้อหาสาระไม่ได้มีอะไร ที่มาทำให้เกิดความรู้สึกอะไรมากมายเพียงแต่ว่าอาจจะมาทำให้ผู้ที่สนับสนุนเกิดความรู้สึกว่ายังมีการติดต่ออยู่ ขอวอนความเห็นใจจากประชาชนส่วนใหญ่อยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่สื่อเท่านั้นเองที่แตกต่างกัน ในเว็บไซต์มีอยู่แล้ว เพียงแต่คราวนี้ออกมาในสื่อชนิดหนึ่ง ซึ่งอาจจะดูว่ามาในมาดใหม่ แต่จริง ๆ ถ้าเรามองในแง่ของการสื่อแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายนัก
พิธีกร ท่านนายกฯ ได้ประเมินว่านี่เป็นการรุกทางการเมืองเพื่อจะทำอะไรต่อไปเป็นขั้น ๆ หรือ
นายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าไม่ได้รุกทางการเมือง ผมคิดว่าคุณทักษิณเป็นกังวลด้วยซ้ำไป ต่อกรณีที่มีการดำเนินคดีต่อครอบครัวแล้วใกล้เข้าไปที่จะถึงชั้นศาลแล้ว นี่เป็นส่วนหนึ่ง ผมคิดว่าคนไทยทุกคนไม่อยากขึ้นศาล ถ้าขึ้นศาลชักจะยุ่งแล้ว ไม่ว่าใคร ผมเองก็กลัว เพราะฉะนั้นบอกได้ว่านั่นคือความกังวลของคุณทักษิณมากกว่า
พิธีกร นี่คือการดิ้นรนเพราะความกังวล
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ
พิธีกร ไม่ใช่ดิ้นรนเพื่อจะรุกทางการเมือง
นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่
พิธีกร เพราะฉะนั้นไม่มองว่ารัฐบาลตอนนี้เป็นฝ่ายตั้งรับ
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้มองว่าเป็นฝ่ายตั้งรับ
พิธีกร ถ้าอย่างนั้นท่านนายกฯ ต้องคาดว่าจะเกิดขึ้นคือลักษณะที่ต้องดิ้นรนขอความเป็นธรรม เรียกร้องความเห็นใจอะไรต่าง ๆ
นายกรัฐมนตรี ในลักษณะอย่างที่ผมเรียนแล้ว เขาคงทำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้ามองเกินไปก็ไปละเมิดอำนาจศาล เดี๋ยวก็โดนจับโดนฟ้องกันไปอีก อย่างคราวที่แล้วก็เคยมีอยู่แล้ว
พิธีกร ไม่คิดว่าจะเป็นการรุกอย่างที่ว่า
นายกรัฐมนตรี ผมว่ารุกไม่ได้หรอก ต้องมีสถาบันอะไรที่เป็นหลัก และผมคิดว่าศาลยุติธรรมของเราเป็นสถาบันที่จะเป็นหลัก ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนได้ ไม่ได้มองในด้านเดียวว่าเป็นหลักที่เป็นส่วนที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกคนได้
พิธีกร รัฐบาลจึงไม่จำเป็นต้องตอบโต้
นายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็น รัฐบาลมีหน้าที่เพียงดูไม่ให้เกิดความไม่สงบเกิดขึ้น
พิธีกร เหมือนเขายึดพื้นที่ข่าว บางคนใช้ว่าพื้นที่สื่อ พื้นที่ข่าว ไว้หมด ออกเว็บไซต์ วิทยุชุมชน หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ก็จะประโคมกันใหญ่เลย
นายกรัฐมนตรี ก็ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ พอศาลตัดสินแล้วก็รู้
พิธีกร ไปจบที่ศาล
นายกรัฐมนตรี ใช่
พิธีกร ไม่คิดว่าจะมาปลุกคนต่อท่อน้ำเลี้ยง
นายกรัฐมนตรี คงลำบาก
พิธีกร ท่านนายกฯ เชื่อไหมว่ามีการต่อท่อน้ำเลี้ยง
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากว่าเป็นพรรคการเมืองมีเงินทุนพอเพียงที่จะสนับสนุนพรรคอยู่ก็จำเป็นจะต้องให้ เพราะไม่อย่างนั้นก็ต้องร้องกันกระจองอแง เป็นเรื่องธรรมดา บางพรรคซึ่งไม่มีเงินทุนพอ อาจจะเริ่มร้องกระจองอแงแล้วในขณะนี้
พิธีกร ออกมาเคลื่อนไหว
นายกรัฐมนตรี อาจจะระดมทุนแล้วบอกว่าอยากจะตั้งพรรค แต่ว่าไม่มีเงินบ้าง
พิธีกร ฟังดูท่านนายกฯ มองเป็นเรื่องปกติมาก
นายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องปกติ การเมืองก็เป็นอย่างนี้
พิธีกร อีกฟากฝั่งหนึ่งอาจจะมองว่านี่เป็นครั้งแรกที่หลังเหตุการณ์รัฐประหาร อำนาจเก่าไม่สยบอย่างสิ้นเชิง
นายกรัฐมนตรี แน่นอน เพราะว่าอย่างที่เรียนแล้ว อำนาจเก่ามีศักยภาพในหลาย ๆ ด้าน ถ้าในอดีตที่ผ่านมาเมื่อออกไปนอกประเทศแล้วไม่มีใครเลยที่เคลื่อนไหว แต่คุณทักษิณเคลื่อนไหว สำคัญคือมีทุนทรัพย์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญจะบอกว่าไม่สำคัญคงไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าท่อน้ำเลี้ยงหรืออะไร ผมไม่คิดว่าท่อน้ำเลี้ยง แต่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการทางการเมือง ที่ยังจะคงสภาพของพรรคการเมืองนั้นอยู่
พิธีกร อำนาจเก่ามีโอกาสจะกลับมาไหมในมุมมองท่าน
นายกรัฐมนตรี กลับมาในลักษณะไหน
พิธีกร กลับมามีอำนาจ
นายกรัฐมนตรี อยู่ที่ศาล เพราะคดีที่ขึ้นศาลจะเป็นเครื่องตัดสิน เพราะเป็นคดีอาญาไม่ได้เป็นคดีแพ่งเป็นคดีของนักการเมืองซึ่งเป็นคดีอาญา
พิธีกร ติดคุก
นายกรัฐมนตรี ใช่ ถ้าจะกลับคงกลับหลังจากที่ถูกศาลสั่งแล้ว
พิธีกร มองอีกมุมหนึ่ง อันนี้ผมถามท่านในทางการเมืองต่อไป ท่านบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เคลื่อนไหวเป็นเรื่องปกติ เป็นใครก็ต้องดิ้นรน ยิ่งคุณมีกำลังมีทรัพย์สินมีเงินก็ว่ากันไป แต่ที่สุดคุมสถานการณ์ได้ ศาลจะเป็นผู้ตัดสินเร็ว ๆ นี้ทุกอย่างจะสงบ ผมฟังจากท่าน
นายกรัฐมนตรี ประเด็นมีอีกนิดเดียวคืออยู่ที่คนไทยส่วนใหญ่ว่าเราจะหาทางออกกันอย่างไร จะมีทางแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ถ้ามองว่าเป็นเรื่องความเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ เหตุการณ์ก็จะไม่รุนแรงอะไร คงเป็นอยู่ลักษณะอย่างนี้
พิธีกร ต้องเป็นอย่างนี้และต้องเกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี เป็นธรรมชาติของการเมือง เมื่อเขามีเงิน มีพลัง มีพรรค เขาก็ต้องเคลื่อนไหวเพราะไปถึงจุดซึ่งตีบตันอย่างที่ว่าคือจะหมดอนาคตทางการเมืองหรือไม่ มันไปถึงตรงจุดนั้น ถ้าคดีถึงจุดและถูกตัดสินก็หมดอนาคต
รัฐบาลให้ความร่วมมือกับ คตส. ในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น
พิธีกร แต่อีกข้างหนึ่งบอกไม่เด็ดขาด พลเอก สุรยุทธ์กลายเป็นสมรู้ร่วมคิด กับระบอบทักษิณก็มี เขากล่าวหาถึงขนาดนี้ บอกเป็นแนวร่วมมุมกลับเลย ทุกวันนี้ถึงเกียร์ว่าง ไม่ร่วมมือกับ คตส. อะไรต่าง ๆ นานา ท่านได้ยินใช่ไหม
นายกรัฐมนตรี ในความเป็นจริงผมร่วมมือ ถ้าหากว่าในภาครัฐไม่ได้ทำ หลาย ๆ เรื่องที่ คตส.ดำเนินการอยู่ทำไม่ได้ ยกตัวอย่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารซึ่งมีปัญหามากมาย ถ้ากระทรวงไม่ได้รวบรวมไม่ได้ดำเนินการ จะไม่มีข้อมูลเหล่านี้ กระทรวงคมนาคมซึ่งมีปัญหามากมาย ถ้ารัฐบาลไม่ให้ความร่วมมือจะเป็นปัญหาแบบนี้ นี่เป็นเรื่องที่ยกตัวอย่างง่าย ๆ
พิธีกร ทำไมท่านถึงไม่ต่ออายุ คตส. อย่างที่บางฝ่ายเรียกร้อง รัฐบาลต่ออายุ คตส. แต่ต่อแค่อายุรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ เราคุยกันหมดแล้วในทุก ๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่าย คตส.เอง ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คมช. เราก็คุยกันว่าควรจะทำแค่ไหนอย่างไร นั่นคือข้อยุติ ไม่ใช่ผมเป็นคนตัดสิน
พิธีกร นายกฯ ไม่ได้เป็นคนสั่งว่าเอาอย่างนี้
นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ ถามหมดแล้ว เป็นข้อยุติร่วมกันทุกฝ่าย วันนั้นผมเชิญมาหมด มาทานข้าวกันที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ได้ข้อยุติออกมาเป็นอย่างนั้น
พิธีกร ที่ไม่มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ข้าราชการร่วมมือ ท่านนายกฯ ก็ถูกต่อว่าต่อขานอยู่ตลอดเวลา ทำไมครับ
นายกรัฐมนตรี ผมสั่งได้อยู่แล้วว่าจะเอาอะไร
พิธีกร ต่างกันอย่างไรครับ มีมติ ครม. ให้ไปเลย กับมีอะไรมาบอกนายกฯ นายกฯ จะสั่งให้
นายกรัฐมนตรี มติ ครม. ขณะนี้มีปัญหาคือ มติ ครม.เมื่ออกไปแล้ว อาจจะผิดกฎหมายได้ เราอาจจะโดนฟ้องได้ เพราะฉะนั้นอะไรที่ทำได้โดยที่เป็นไปตามกฎหมายก็สะดวกกว่า ข้าราชการก็เกิดความรู้สึกว่าเขาทำตามมติ ครม. แต่ทำไมเขาถึงต้องผิด เพราะมติ ครม.ก็เกือบจะเป็นกฎหมาย
พิธีกร แต่ก็ยังผิดกฎหมายหลักได้
นายกรัฐมนตรี ได้ นี่เป็นปัญหาที่อยากจะพูดตรงนี้ที่บอกว่ารัฐบาลเกียร์ว่าง จริง ๆ คือข้าราชการเขาก็ลังเลว่าเขาจะไปทางไหน ถ้าเผื่อเขาทำตามมติ ครม.แล้วก็ยังโดนสอบสวนที่จะทำให้ถือว่าเป็นผู้ผิดอีกด้วย ฉะนั้นทุกคนก็ต้องลังเล เพราะเขารับราชการมาตลอดชีวิต เขาบอกว่ามติ ครม.สั่งมาแล้วทำได้เลย แต่คราวนี้เกิดไม่แล้ว
พิธีกร ท่านนายกฯ สั่งเขาทำหรือ
นายกรัฐมนตรี เขาทำ ผมบอกว่าโอเคหลักฐานตรงนี้ต้องส่ง ถ้าไม่ส่งคุณยิ่งผิดหนักกว่า ขัดมติ ครม.อีก เพราะคุณขัดในเรื่องคณะกรรมการตรวจสอบฯ
พิธีกร หมายความว่านายกฯ จะดูให้เป็นเรื่อง ๆ ไม่สั่งเป็นมติ ครม. ถ้าเรื่องนี้ คตส.อยากได้อะไร ขอดู
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ
พิธีกร แล้วก็ดูเหตุผลตามกฎหมายว่าจริงไหมควรจะไปร้องได้ไหม
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ พูดได้ตรงนี้ว่า มีผู้ประสานงานทั้ง คตส. และฝ่ายรัฐบาล ที่จะรับเรื่องตรงส่วนนี้ เพื่อที่จะดำเนินการกัน เราไม่ได้พูดเฉย ๆ ผมไม่อยากระบุนาม เพราะอาจจะเป็นปัญหาต่อท่านผู้ถูกระบุต่อไปในอนาคต
พิธีกร ผมย้อนกลับไปเมื่อสักครู่ที่ท่านนายกฯ บอกว่าปล่อยคุณทักษิณไป คุณจะดิ้นรนอะไรเรื่องของคุณ แต่อีกฝ่ายหนึ่งเขาบอกว่านายกฯ ไม่เด็ดขาด ปล่อยเอาไว้เดี๋ยวจะเป็นวิกฤต สมรู้ร่วมคิดแน่เลยบอกให้คุณทักษิณทำอย่างนี้
นายกรัฐมนตรี แนวความคิดคงไม่เหมือนกันในการที่จะแก้ไขปัญหา อย่างที่พูดในตอนต้นว่า ไปเชิญผมว่าเพื่อจะแก้ไขปัญหาในลักษณะที่จะสร้างความสมานฉันท์ในชาติ ผมก็รับ อ้อนวอนอยู่ 2 ครั้ง ผมก็รับว่าจะมาสร้างความสมานฉันท์ ผมไม่อยากที่จะมาสร้างให้เกิดความขัดแย้งให้มากขึ้นไปกว่านี้อีก เราแตกแยกกันมาพอแล้ว ถ้ามองย้อนกลับไปในสมัยอยุธยา ผมว่าเกือบ ๆ แล้ว ดีว่าไม่มีข้าศึกที่เขาคอยจ้องอยู่ที่จะเข้ามาโจมตีตอนนี้ มันดีตรงนี้เท่านั้นเอง แต่เขาก็จะเข้าตีอยู่แล้ว ผมบอกได้ว่าเขาตีทางเศรษฐกิจ แทนที่จะมาตีแบบยึดเมือง กวาดต้อนผู้คนขโมยเผาลอกทองคำไป ไม่มีแล้วอย่างนั้น แต่เขาจะโจมตีเราทางเศรษฐกิจ ถ้าเห็นว่าฐานะของเราระส่ำระสาย ง่อนแง่น
พิธีกร ท่านเปรียบเทียบกับสมัยอยุธยาแล้ว
นายกรัฐมนตรี ใช่
พิธีกร ความแตกแยกขัดแย้งที่เกิดขึ้นตอนนี้
นายกรัฐมนตรี ทุกครั้งที่บ้านเมืองเรามีความแตกแยก เรามีความขัดแย้ง เราดิ่งลงไปทุกที ถ้าไปดูในประวัติศาสตร์จะเห็นว่าทุกครั้งเป็นอย่างนี้ ถ้าเราสามัคคีกันบ้านเมืองก็เจริญก้าวหน้า
พิธีกร ไม่ได้แปลว่าไปยินยอม ซูเอี๋ยกับคุณทักษิณ
นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ ผมไม่ซูเอี๋ยแน่นอน แต่ผมใช้อำนาจของทางนิติธรรม ทางศาล แล้วดำเนินการที่จะสอบสวน นำเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่ถูกไม่ควรไปสู่ศาล ผมไม่ได้ซูเอี๋ย ผมทำ
พิธีกร แต่เป็นไปตามกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ
พิธีกร แต่ทำอย่างนี้ทั้งนี้ไม่เด็ดขาด ไม่เข้าตากรรมการ ท่านจะทำอย่างไร กังวลไหม
นายกรัฐมนตรี ผมไม่ได้กังวล เพราะผมทำเป็นขั้นเป็นตอนอยู่แล้ว ผมไม่ได้ไปสั่งการในลักษณะที่ทำให้ผู้ปฏิบัติต้องเกิดความรู้สึกว่านายกฯ มาหายใจรดต้นคอ แต่ผมบอกว่าเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องทำเรื่องนี้รายงานให้ผมทราบด้วย ว่ามีความคืบหน้าอย่างไร เป็นการกำกับการทำหน้าที่การทำราชการตามปกติ แต่ว่าเรื่องซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ผมก็ติดตามอย่างใกล้ชิด
เร่งแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
พิธีกร ผมกลับมาถามท่านเรื่องการทำงาน ผมจำได้วันที่ท่านเข้ารับตำแหน่งที่ทำเนียบรัฐบาล 3 เรื่อง การเมืองคือยุติความแตกแยกขัดแย้งของคนในชาติ ซึ่งเราคุยกันไปในช่วงที่แล้ว เรื่องภาคใต้ท่านพยายามที่จะแก้ปัญหา หลังจากที่สะสมมานาน เรื่องเศรษฐกิจจะต้องประคับประคองโดยอาศัยหลักเศรษฐกิจพอเพียง ผมถามท่านเรื่องภาคใต้ก่อน ท่านเพิ่งลงไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี ที่ลงไปเป็นการไปติดตามว่าสิ่งที่รัฐบาลได้สั่งการลงไป ทั้งในเรื่องของการจัด องค์กรงบประมาณลงไปอย่างไรบ้าง สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือในเรื่องของงบประมาณ ซึ่งมี 2 ส่วน ส่วนที่ลงไปสนับสนุนองค์กร อย่างเช่น กอ.รมน. ศอ.บต. ลงไปถึงแล้ว ทำงานแล้ว
พิธีกร ช้าไปไหมครับ
นายกรัฐมนตรี จะพูดว่าช้าคงไม่ช้าในเรื่องขององค์กร มีส่วนที่ถือว่าเป็นโครงการของรัฐ ที่จะต้องลงไปถึงหมู่บ้าน ที่เรียกว่าโครงการอยู่ดีมีสุข และโครงการที่จะพัฒนาชุมชน ตรงนี้ช้า เราต้องการที่จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐคือในส่วนปกครอง สาธารณสุข ในส่วนที่จะเป็นส่วนอำนวยความสะดวก เข้าไปในหมู่บ้าน เข้าไปให้ชาวบ้านได้มีโอกาสที่จะพัฒนาขึ้นมา ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาภาคใต้ถูกทอดทิ้งในแง่ของการกำกับดูแลอย่างจริงจัง แม้กระทั่งในส่วนของงบประมาณ ถ้าหากว่าคุณ สรยุทธ์จำได้จะได้ยินคำพูดของคุณทักษิณที่บอกว่า ถ้าไม่เลือกผม เงินก็ไม่ลง
พิธีกร ไปทีหลัง จังหวัดไหนเลือกผมได้ก่อน มันสะท้อนออกมาจริงหรือ
นายกรัฐมนตรี ชัดเจน เพราะผมลงไปคงไม่ได้เฉพาะในส่วนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมไปในส่วนของอันดามันด้วย ก็เห็นว่ามีหลาย ๆ สิ่งที่ไม่ได้รับการดูแลในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเลย ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องการคมนาคมทางเรือ ทางบก ทางอากาศ ก็อยู่กันไปตามอัตภาพไม่ได้มีการวางแผน ไม่ได้มีการพัฒนาว่าควรจะเป็นอย่างไร สึนามิเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผมลงไปเพื่อที่จะหาทางที่จะเสริมว่าอะไรที่ยังขาดอยู่ อะไรที่ควรจะปรับให้ดีขึ้น จากการไปในครั้งนี้ ผมเห็นได้ชัดเจนว่าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะต้องหาทางแก้ไขคือในเรื่องของงบประมาณในส่วนของโครงการอยู่ดีมีสุข ในเรื่องของโครงการที่จะลงไปสู่ชุมชน ซึ่งทั้งสองส่วนได้เร่งรัด ปัญหาคือกฎระเบียบหยุมหยิมเกินไป ผมบอกรองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ว่า ช่วยไปทำเรื่องนี้ให้เสร็จภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ เรื่องกฎระเบียบที่หยุมหยิมจนเกินไป ถ้าอย่างนั้นอย่าไปเรียกดีกว่าว่าเป็นเขตพัฒนาพิเศษ เลิกไปดีกว่า
พิธีกร อุตส่าห์จะทำเขตพัฒนาพิเศษแต่มีกฎระเบียบหยุมหยิมที่เป็นอุปสรรค
นายกรัฐมนตรี ก็เลิกไปดีกว่า ถ้าไม่แก้ระเบียบ รองนายกรัฐมนตรีโฆสิตฯ จะไปทำให้เรียบร้อย ในเรื่องของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีหลายส่วนที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขในเรื่องของผลิตผลการเกษตรที่จะออกมาภายในห้วงระยะเวลาอีกไม่กี่เดือน ลองกอง อีกเดือนเดียวก็ออกมา กำลังจะต้องวางระบบการตลาดว่าทำอย่างไรถึงจะเอาของออกมาจากสวน
พิธีกร ต้องไปดูให้เขาล่วงหน้า
นายกรัฐมนตรี ใช่ มีปัญหานิดหน่อยในเรื่องความปลอดภัยของผู้ที่จะไปซื้อในสวน ทำอย่างไรถึงจะวางระบบว่าชาวบ้านเอาของจากสวนออกมาที่จุดซึ่งเป็นจุดอาจจะเรียกว่าเป็นตลาดกลางของระดับอำเภอก็แล้วแต่ จากนั้นของก็ออกมาได้ ไม่เสีย ราคาไม่ตก มีการคัดมีการดูแลให้ความปลอดภัยตามเส้นทางต่าง ๆ ในเรื่องของประมง ก็ยืดเยื้อยาวนานมาตลอดว่าประมงพื้นบ้านกับประมงอวนลาก อวนรุน ผมบอกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าไปดำเนินการให้เรียบร้อย จะทำอย่างไร จะบอกว่าประมงน้ำลึกก็รีบไปทำสัญญากับอินโดนีเซีย เรือของเราจะได้ไปทำทางด้านโน้น ไม่มาวุ่นวายอยู่แถวชายฝั่ง
พิธีกร คือไปทำเรื่องทำมาหากินของชาวบ้าน แต่อาจจะมีบางคนบอกว่าความรุนแรง เห็นข่าวทุกวัน ขนาดตำรวจ ทหาร ยังเป็นเป้าเลย เขาจะมีวิถีชีวิตที่ปกติได้อย่างไร ลองกองไม่รู้จะเอาออกมาขายได้หรือเปล่า ไปตัดได้หรือเปล่า ประมง หรือกรีดยาง ถ้าเรื่องความปลอดภัยเรายังตอบไม่ได้จะทำอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ในเรื่องของการดูแลความสงบความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นเรื่องของ กอ.รมน. ซึ่งได้ของบประมาณเพิ่มเติม
พิธีกร ขอมา 2,000 ล้านบาท ท่านตัดเหลือ 1,000 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี ผมเหลือเวลาที่จะบริหารงบประมาณ ผมคิดว่าไม่จำเป็นหรอก เอาสัก 1,000 ล้านบาทแล้วไปทำให้เรียบร้อยดีกว่า ในช่วงระยะเวลาอีกไม่กี่เดือนที่จะสิ้นปีงบประมาณ ผมคิดว่าใน ส่วนนี้ที่ กอ.รมน. จะเพิ่มกำลังลงไปก็จำเป็นต้องใช้เงิน ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นที่จะดูแลในเรื่องความสงบให้ได้ ถ้าคุณสรยุทธ์สังเกตจะเห็นว่ามีพื้นที่บางแห่งเท่านั้นที่มี
เหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นประจำ บันนังสตา ยะหา ของนราธิวาส ไม่ได้จัดกระจายกระจายออกมา สเปะสะปะ
พิธีกร เรากางแผนที่ดูแล้วว่าไม่ใช่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า ไม่ใช่
นายกรัฐมนตรี ใช่ มันจะจำกัดอยู่ เราจะค่อย ๆ ควบคุมให้อยู่ในพื้นที่นั้น พื้นที่อื่น ๆ เราจะดูแลความสงบให้ได้ นั่นเป็นวิธีการ อาจจะเรียกว่าเป็นทางยุทธวิธี ทางยุทธการ ก็จะค่อย ๆ ทำอย่างนี้ แล้วการที่จะลงไปในชุมชน การที่จะลงไปทำความเข้าใจให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ที่ผมพูดเรื่องงบประมาณอยู่ดีมีสุข การลงไปในชุมชนจะได้ดึงประชาชนส่วนนี้เข้ามาร่วม เขาจะได้เห็นว่ามาทำตรงนี้ดีกว่า เลิกเถอะสิ่งที่มาทำให้เกิดความวุ่นวายทั้งหลาย เขารู้อยู่แล้วว่าผู้ที่ก่อความไม่สงบเป็นใครบ้าง ผมเคยไปก่อนหน้าที่ผมจะมาทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมลงไปในอำเภอหนึ่งของนราธิวาส เข้าไปในตำบล กำนันบอกว่าเขามี 8 หมู่บ้าน เขารู้หมดว่ามีใครบ้าง ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผมก็บอกว่าเอาอย่างนี้พูดกันหน่อยไม่ได้เหรอกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่าอย่าก่อเรื่องเลย ในพื้นที่ จะได้ทำมาค้าขายกันได้บ้าง มีน้ำตกแต่ว่าไม่มีคนไปเที่ยวเลย มีแต่ตั้งร้านอยู่เปล่า ๆ วันเสาร์-อาทิตย์ ก็เอาโค้กกระป๋องไปวางอยู่ แต่ไม่มีคนกินเพราะไม่มีคนไปเที่ยว ก็ถามผมบอกว่าแล้วจะเอาอย่างไร ผมก็บอกว่าอยากให้คนมาเที่ยวก็ต้องทำให้เกิดความปลอดภัย
พิธีกร สถานการณ์เลยวันที่ท่านยังไม่ได้เข้ามาเป็นนายกฯ หรือยัง คือทุกวันนี้รุนแรงขึ้นจนกระทั่งคนนอกมองเข้าไปจนอยู่ไม่ได้แล้ว
นายกรัฐมนตรี ความรุนแรงที่ว่านี้ ผมคิดว่าเป็นการตอบโต้ของเขาที่พยายามที่จะทำให้เห็นว่า นโยบายของรัฐ วิธีการของรัฐ นั้น ไม่ถูกต้อง ซึ่งถ้าเราปรับเปลี่ยน เขาจะมีโอกาสที่จะทำให้มิตรประเทศที่ร่วมมือกับเรานั้นเห็นอีกว่าเราเปลี่ยนอีกแล้ว ถ้าเรายืนอยู่ตรงจุดนี้มิตรประเทศที่ให้ความร่วมมือกับเราจะมาขีดกรอบเขาเอง
ใช้ยุทธการและยุทธวิธีแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้
พิธีกร มาโดดเดี่ยวเขา
นายกรัฐมนตรี ครับ ว่าคุณอยู่ของคุณตรงนี้ คุณอย่าออกไปที่อื่นเลย นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าการทำงานในเชิงยุทธศาสตร์ ที่เราทำและมีมิตรประเทศเข้ามาช่วยจะเป็นประโยชน์ตรงนี้
(ยังมีต่อ)