เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมพีทีวีได้แปรสภาพเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยไล่เผด็จการ ว่า ต้องขอว่าอย่าให้เป็นการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาหรือเป็นการสร้างกระแสความกดดันทางการเมืองที่จะนำไปสู่ความรุนแรง เพราะเราก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น อยากเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นในชาติบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสิทธิในการเคลื่อนไหวต่างๆ แต่ต้องไม่ไปละเมิดกฎเกณฑ์หรือความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
ต่อข้อถามว่า รัฐบาลเป็นห่วงหรือไม่ว่าเหตุการณ์จะบานปลายจนกลายเป็นกระแสกดดันรัฐบาล เพราะมีอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยเข้าร่วมหลายคน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่ในวงการเมืองมาก่อนทั้งนั้น น่าจะทราบดีว่าในการเคลื่อนไหวต่างๆ ถ้าทำในแบบนี้แล้วจะทำให้สถานการณ์เกินขอบเขต เมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว คงไม่ต้องขอร้องอะไรกันมากมาย ควรเข้าใจว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ต้องการอะไร ซึ่งส่วนใหญ่อยากเห็นความสงบเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการชุมนุมจะกระทบกับแนวทางของรัฐบาลที่วางไว้เพื่อไปสู่การเลือกตั้งหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ รัฐบาลพูดชัดเจนถึงแนวทางที่รัฐบาลต้องการเดินหน้าตามกระบวนการต่าง ๆ เพื่อไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมโดยเร็วที่สุด ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งการพูดคุยทำความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์น่าจะเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายความมั่นคงน่าประเมินสถานการณ์อยู่ แล้ว แต่การแสดงความคิดเห็นและการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้น่าจะมีมาก เป็นสิ่งที่เราคาดกันอยู่แล้วประมาณ 2 เดือน แต่เราก็สามารถผ่านพ้นเดือนพฤษภาคมมาได้โดยไม่เกิดความรุนแรง แสดงให้เห็นว่าเป็นความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทั้งประเทศที่ต้องการเห็นความสงบเกิดขึ้น
ต่อข้อถามว่า นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว ก็เป็นห่วง แต่ถือเป็นสิทธิของประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวในระดับหนึ่งที่ไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้คิดถึงความสงบเรียบร้อยของชาติบ้านเมือง
“การที่นายกรัฐมนตรีและพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ออกรายการต่าง ๆ ทางสถานีโทรทัศน์นั้น ถือเป็นเรื่องดีและไม่ได้เป็นแผนอะไร แต่เนื่องจากในช่วงแรกไม่ได้ออกข่าวผ่านสื่อมากนัก แต่ขณะนี้รัฐบาลได้ออกมาอธิบายในรายละเอียดอย่างชัดเจน ทำให้เกิดความเข้าใจและลดความอึมครึมลงไป ถือเป็นแนวทางในการชี้แจงต่อประชาชน ซึ่งคิดว่าเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนายกรัฐมนตรีจะออกรายการ ”เปิดบ้านพิษณุโลก” เป็นประจำแล้ว ยังมีรายการ “คุยนอกทำเนียบ” ที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี จะไปออกในรายการต่างๆ อีกพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องงานของรัฐบาลที่ทำนั้นจำเป็นต้องชี้แจงต่อประชาชน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 15 และ 27 จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิถุนายนนี้หรือไม่นั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
ต่อข้อถามว่า รัฐบาลเป็นห่วงหรือไม่ว่าเหตุการณ์จะบานปลายจนกลายเป็นกระแสกดดันรัฐบาล เพราะมีอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยเข้าร่วมหลายคน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่ในวงการเมืองมาก่อนทั้งนั้น น่าจะทราบดีว่าในการเคลื่อนไหวต่างๆ ถ้าทำในแบบนี้แล้วจะทำให้สถานการณ์เกินขอบเขต เมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว คงไม่ต้องขอร้องอะไรกันมากมาย ควรเข้าใจว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ต้องการอะไร ซึ่งส่วนใหญ่อยากเห็นความสงบเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการชุมนุมจะกระทบกับแนวทางของรัฐบาลที่วางไว้เพื่อไปสู่การเลือกตั้งหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ รัฐบาลพูดชัดเจนถึงแนวทางที่รัฐบาลต้องการเดินหน้าตามกระบวนการต่าง ๆ เพื่อไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมโดยเร็วที่สุด ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งการพูดคุยทำความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์น่าจะเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายความมั่นคงน่าประเมินสถานการณ์อยู่ แล้ว แต่การแสดงความคิดเห็นและการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้น่าจะมีมาก เป็นสิ่งที่เราคาดกันอยู่แล้วประมาณ 2 เดือน แต่เราก็สามารถผ่านพ้นเดือนพฤษภาคมมาได้โดยไม่เกิดความรุนแรง แสดงให้เห็นว่าเป็นความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทั้งประเทศที่ต้องการเห็นความสงบเกิดขึ้น
ต่อข้อถามว่า นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว ก็เป็นห่วง แต่ถือเป็นสิทธิของประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวในระดับหนึ่งที่ไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้คิดถึงความสงบเรียบร้อยของชาติบ้านเมือง
“การที่นายกรัฐมนตรีและพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ออกรายการต่าง ๆ ทางสถานีโทรทัศน์นั้น ถือเป็นเรื่องดีและไม่ได้เป็นแผนอะไร แต่เนื่องจากในช่วงแรกไม่ได้ออกข่าวผ่านสื่อมากนัก แต่ขณะนี้รัฐบาลได้ออกมาอธิบายในรายละเอียดอย่างชัดเจน ทำให้เกิดความเข้าใจและลดความอึมครึมลงไป ถือเป็นแนวทางในการชี้แจงต่อประชาชน ซึ่งคิดว่าเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนายกรัฐมนตรีจะออกรายการ ”เปิดบ้านพิษณุโลก” เป็นประจำแล้ว ยังมีรายการ “คุยนอกทำเนียบ” ที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี จะไปออกในรายการต่างๆ อีกพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องงานของรัฐบาลที่ทำนั้นจำเป็นต้องชี้แจงต่อประชาชน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 15 และ 27 จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิถุนายนนี้หรือไม่นั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--