วันนี้ เวลา 18.10 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ พิธีตั้งจิตอธิษฐาน เจริญจิตภาวนา และเวียนเทียน ในงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ประจำปี 2550 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
เมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีได้ถวายสักการะแด่พระพรหมเมธี ในนามกรรมการมหาเถรสมาคม ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฝ่ายบรรพชิต จากนั้นนำกล่าวแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ดังนี้ “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 ครั้ง) เอเต มะยัง ภันเต สุจิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ พุทธะมามะกาติ โน สังโฆ ธาเรตุ ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น แม้ปรินิพพานไปนานแล้ว ทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกขอพระสงฆ์จงจำข้าพเจ้าทั้งหลายไว้ว่า เป็นพุทธมามกะ ผู้รับเอาพระพุทธเจ้าว่าเป็นของตน คือผู้นับถือพระพุทธเจ้าฯ”
จากนั้นพระพรหมเมธี ในนามกรรมการมหาเถรสมาคม ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฝ่ายบรรพชิต กล่าวสัมโมทนียกถาในการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ และวันวิสาขบูชา ประธานถวายเครื่องไทยธรรมแด่ประธานฝ่ายสงฆ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป พระสงฆ์ทั้งนั้นอนุโมทนา ประธานในพิธีกรวดน้ำ
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามคณะกรรมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ประจำปี พุทธศักราช 2550 กล่าวรายงานความเป็นมาของการจัดงานสรุปว่า วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เนื่องด้วยเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธ์พระปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นวันสำคัญสากลของโลก และโดยที่ในปี 2550 นี้ คณะกรรมการจัดงานฯ ได้จัดพิธีถวายพระราชกุศลเจริญจิตภาวนา และถวายภัตตาหารเพลพระราชาคณะ 10 รูป และพระสงฆ์ 89 รูป รวม 99 รูป ตั้งแต่วันที่ 25-31 พฤษภาคม 2550 เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งการจัดงานกิจกรรมวิสาขบูชาโลก ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในปีนี้คณะกรรมการจัดงานได้เน้นในเรื่องการส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา และนำไปประพฤติปฏิบัติให้เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีมากกว่าจะส่งเสริมในเรื่องของพิธีกรรม และปรับเปลี่ยนกิจกรรมบางอย่างให้น่าสนใจ โดยบูรณาการความรู้ในเรื่องหลักธรรมคำสอนให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับให้มีความยิ่งใหญ่สมกับพระพุทธศาสนามีความโดดเด่นในเวทีโลก ดังนั้น กิจกรรมต่าง ๆ ในปีนี้ จึงเน้นในเรื่องของการส่งเสริมองค์ความรู้ หลักธรรมคำสอนเป็นสำคัญ เพื่อให้เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม เข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และการจัดให้มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์แสดงตนเป็นพุทธมามกะและเวียนเทียน ถือเป็นพิธีที่มีความสำคัญต่อพุทธศาสนิกชน นอกจากจะเป็นการรักษาจารีตประเพณีที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ยังเป็นการน้อมนำจิตใจของประชาชนให้ไปสู่พระรัตนตรัย มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดงานวิสาขบูชาโลก เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชานี้ มีองค์กรทุกภาคส่วนทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ต่างมีน้ำใจสมานฉันท์ร่วมกันจัดงานอันยิ่งใหญ่เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาและน้อมรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือวันประสูติ ตรัสรู้ และดับขันธ์พระปรินิพพาน ที่ได้เวียนมาบรรจบตรงกันในวันวิสาขบูชานี้ และในนามของรัฐบาลขอแสดงความชื่นชมยินดีต่อทุกท่านที่ได้เห็นความสำคัญของวันวิสาขบูชา และถือเป็นโอกาสอันดีงามที่จะได้ร่วมใจกันปฏิบัติตนเป็นคนดีมีคุณธรรม เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา
นายกรัฐมนตรีกล่าวฝากประชาชนว่า ประเทศชาติยังต้องได้รับการพัฒนาอีกหลายด้าน โดยเฉพาะด้านสังคมที่ต้องอาศัยศาสนาเป็นหลักสำคัญในการพัฒนาประชาชน ไปสู่การนำเอาหลักธรรมคำสอนทางศาสนาไปประพฤติปฏิบัติจนเป็นวิถีชีวิต เมื่อทุกคนตั้งมั่นอยู่ในหลักธรรมคำสอนทางศาสนาและยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม อย่างแท้จริงแล้ว การจะพัฒนาประเทศด้านอื่น ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนการแก้ไขปัญหาของสังคมแม้ว่าจะมีศาสตร์อยู่มากมาย แต่หัวใจอยู่ที่พุทธศาสตร์ คือ หลักเหตุและผล หลักธรรมทางศาสนาสามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกเรื่อง แม้ว่าในสังคมไทยจะมีหลากหลายศาสนา แต่เราให้ความเคารพทุกศาสนา และในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน เราจึงเลือกวิธีบริหารตน บริหารคน และบริหารงาน ด้วยวิถีทางพุทธศาสนา
นายกรัฐมนตรีต้องการให้คนไทยนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มาเป็นองค์ประกอบในการแก้ปัญหาทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและต้องการเห็นการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชาโลก ก้าวสู่เวทีโลก สร้างความมั่นใจให้แก่ชาวโลกว่า หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาสามารถที่จะนำสันติสุขมาสู่สังคมโลกได้อย่างแท้จริง สมกับที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศรับรองให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของโลก
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการจัดงานทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันจัดงานกิจกรรมวิสาขบูชาโลก ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้อย่างเหมาะสม และขออวยพรให้ทุกคนประสบแต่ความสุขความเจริญ มีพลังสร้างสรรค์สังคมไทย และรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองดำรงอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไป
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนประชาชนตั้งจิตอธิษฐานปฏิบัติบูชาในโอกาสวันวิสาขบูชา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา โดยยืนสงบนิ่ง 1 นาที จากนั้นนายกรัฐมนตรีนำข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพุทธศาสนิกชน กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย และนำสวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัย และนำพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศประกอบพิธีเวียนเทียน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีได้ถวายสักการะแด่พระพรหมเมธี ในนามกรรมการมหาเถรสมาคม ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฝ่ายบรรพชิต จากนั้นนำกล่าวแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ดังนี้ “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 ครั้ง) เอเต มะยัง ภันเต สุจิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ พุทธะมามะกาติ โน สังโฆ ธาเรตุ ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น แม้ปรินิพพานไปนานแล้ว ทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกขอพระสงฆ์จงจำข้าพเจ้าทั้งหลายไว้ว่า เป็นพุทธมามกะ ผู้รับเอาพระพุทธเจ้าว่าเป็นของตน คือผู้นับถือพระพุทธเจ้าฯ”
จากนั้นพระพรหมเมธี ในนามกรรมการมหาเถรสมาคม ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฝ่ายบรรพชิต กล่าวสัมโมทนียกถาในการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ และวันวิสาขบูชา ประธานถวายเครื่องไทยธรรมแด่ประธานฝ่ายสงฆ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป พระสงฆ์ทั้งนั้นอนุโมทนา ประธานในพิธีกรวดน้ำ
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามคณะกรรมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ประจำปี พุทธศักราช 2550 กล่าวรายงานความเป็นมาของการจัดงานสรุปว่า วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เนื่องด้วยเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธ์พระปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นวันสำคัญสากลของโลก และโดยที่ในปี 2550 นี้ คณะกรรมการจัดงานฯ ได้จัดพิธีถวายพระราชกุศลเจริญจิตภาวนา และถวายภัตตาหารเพลพระราชาคณะ 10 รูป และพระสงฆ์ 89 รูป รวม 99 รูป ตั้งแต่วันที่ 25-31 พฤษภาคม 2550 เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งการจัดงานกิจกรรมวิสาขบูชาโลก ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในปีนี้คณะกรรมการจัดงานได้เน้นในเรื่องการส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา และนำไปประพฤติปฏิบัติให้เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีมากกว่าจะส่งเสริมในเรื่องของพิธีกรรม และปรับเปลี่ยนกิจกรรมบางอย่างให้น่าสนใจ โดยบูรณาการความรู้ในเรื่องหลักธรรมคำสอนให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับให้มีความยิ่งใหญ่สมกับพระพุทธศาสนามีความโดดเด่นในเวทีโลก ดังนั้น กิจกรรมต่าง ๆ ในปีนี้ จึงเน้นในเรื่องของการส่งเสริมองค์ความรู้ หลักธรรมคำสอนเป็นสำคัญ เพื่อให้เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม เข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และการจัดให้มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์แสดงตนเป็นพุทธมามกะและเวียนเทียน ถือเป็นพิธีที่มีความสำคัญต่อพุทธศาสนิกชน นอกจากจะเป็นการรักษาจารีตประเพณีที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ยังเป็นการน้อมนำจิตใจของประชาชนให้ไปสู่พระรัตนตรัย มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดงานวิสาขบูชาโลก เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชานี้ มีองค์กรทุกภาคส่วนทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ต่างมีน้ำใจสมานฉันท์ร่วมกันจัดงานอันยิ่งใหญ่เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาและน้อมรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือวันประสูติ ตรัสรู้ และดับขันธ์พระปรินิพพาน ที่ได้เวียนมาบรรจบตรงกันในวันวิสาขบูชานี้ และในนามของรัฐบาลขอแสดงความชื่นชมยินดีต่อทุกท่านที่ได้เห็นความสำคัญของวันวิสาขบูชา และถือเป็นโอกาสอันดีงามที่จะได้ร่วมใจกันปฏิบัติตนเป็นคนดีมีคุณธรรม เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา
นายกรัฐมนตรีกล่าวฝากประชาชนว่า ประเทศชาติยังต้องได้รับการพัฒนาอีกหลายด้าน โดยเฉพาะด้านสังคมที่ต้องอาศัยศาสนาเป็นหลักสำคัญในการพัฒนาประชาชน ไปสู่การนำเอาหลักธรรมคำสอนทางศาสนาไปประพฤติปฏิบัติจนเป็นวิถีชีวิต เมื่อทุกคนตั้งมั่นอยู่ในหลักธรรมคำสอนทางศาสนาและยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม อย่างแท้จริงแล้ว การจะพัฒนาประเทศด้านอื่น ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนการแก้ไขปัญหาของสังคมแม้ว่าจะมีศาสตร์อยู่มากมาย แต่หัวใจอยู่ที่พุทธศาสตร์ คือ หลักเหตุและผล หลักธรรมทางศาสนาสามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกเรื่อง แม้ว่าในสังคมไทยจะมีหลากหลายศาสนา แต่เราให้ความเคารพทุกศาสนา และในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน เราจึงเลือกวิธีบริหารตน บริหารคน และบริหารงาน ด้วยวิถีทางพุทธศาสนา
นายกรัฐมนตรีต้องการให้คนไทยนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มาเป็นองค์ประกอบในการแก้ปัญหาทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและต้องการเห็นการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชาโลก ก้าวสู่เวทีโลก สร้างความมั่นใจให้แก่ชาวโลกว่า หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาสามารถที่จะนำสันติสุขมาสู่สังคมโลกได้อย่างแท้จริง สมกับที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศรับรองให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของโลก
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการจัดงานทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันจัดงานกิจกรรมวิสาขบูชาโลก ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้อย่างเหมาะสม และขออวยพรให้ทุกคนประสบแต่ความสุขความเจริญ มีพลังสร้างสรรค์สังคมไทย และรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองดำรงอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไป
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนประชาชนตั้งจิตอธิษฐานปฏิบัติบูชาในโอกาสวันวิสาขบูชา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา โดยยืนสงบนิ่ง 1 นาที จากนั้นนายกรัฐมนตรีนำข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพุทธศาสนิกชน กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย และนำสวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัย และนำพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศประกอบพิธีเวียนเทียน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--