แท็ก
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สุรยุทธ์ จุลานนท์
ตึกสันติไมตรี
ทำเนียบรัฐบาล
กระทรวงกลาโหม
อเมริกัน
วันนี้ เวลา 10.00 น. พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดโอกาสให้เยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 3 ภายใต้ชื่อ “เพื่อพ่อ พอเพียง” จำนวน 120 คน เข้าเยี่ยมคารวะและรับฟังโอวาท ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-27 เมษายน 2550 ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมบทบาทของเยาวชนในการทำหน้าที่เป็นเครือข่ายสนับสนุนงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการยุวโฆษกว่าเพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชนในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลแก่ประชาชน ผ่านกระบวนการให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและผลการดำเนินงานของรัฐบาล การศึกษาดูงานนอกพื้นที่ในจังหวัดนครนายก การร่วมกิจกรรมกลุ่ม ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนให้รู้จักการคิดและวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล โดยเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ผ่านการคัดเลือกจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศจำนวน 120 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 17-22 ปี โดยพิจารณาจากมุมมองและแนวคิดเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การส่งเสริมให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุข การฟื้นฟูความรู้รักสามัคคี และความสำคัญของการประชาสัมพันธ์ในยุคปัจจุบัน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้โอวาทว่า ช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่รัฐบาลได้เข้ามาบริหารประเทศ ได้พยายามวางเป้าหมายที่จะแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของบ้านเมืองคือการเสริมสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ การสนับสนุนให้มีการปฏิรูปการเมืองและการร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง การลดความไม่เท่าเทียมกันทางด้านรายได้ของประชาชนในสังคม และการสถาปนาหลักนิติธรรมขึ้นในบ้านเมือง โดยรัฐบาลได้ ยึดหลักการทำงานที่โปร่งใส เป็นธรรม ประหยัด และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การดำเนินการตามเป้าหมายต่าง ๆ ดังกล่าวบังเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วงระยะเวลา 6 -7 เดือนที่ผ่านมา ว่า แม้จะมีความยุ่งยาก ซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการดำเนินงาน แต่เมื่อได้มีการเริ่มต้นทำ และได้รับความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่าย จึงทำให้การดำเนินงานของรัฐบาลมีความคืบหน้าตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาในบางเรื่องที่เคยเป็นอุปสรรคสำคัญให้บรรลุผลสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง พร้อมกล่าวกับยุวโฆษกทุกคนว่า ขอให้ช่วยกันนำความมุ่งมั่นตั้งใจ และสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการไว้ไปบอกเล่าให้คนใกล้ชิด รวมทั้งบุคคลอื่นๆ ได้รับรู้ เข้าใจและร่วมมือกับรัฐบาลในการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมไทยให้มากที่สุด แต่ทั้งนี้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องตามข้อเท็จจริง และเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ควรรู้หรือต้องรู้ด้วยการเข้ามาช่วยกันของยุวโฆษกนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อการสร้างทัศนคติที่ดี สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ตลอดจนก่อให้เกิดความร่วมมือกับรัฐบาลในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมยุวโฆษกว่า ถือเป็นคนรุ่นใหม่และเป็นอนาคตของประเทศ ที่มีความเสียสละและมีความต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานเพื่อส่วนรวม ซึ่งไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานเพื่อพัฒนาประเทศและเพื่อประชาชนคนไทยของเราเท่านั้น แต่ยังจะทำให้ทุกท่านได้มีโอกาสแสวงหาความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ อันเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญต่อการพัฒนาตนเอง ชุมชน และสังคม ซึ่งสอดคล้องกับแนวการทำงานของรัฐบาลที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีความรู้คู่คุณธรรม เพื่อพัฒนาชาติและพัฒนา สังคมของไทยให้มีคุณภาพ
โครงการยุวโฆษก จึงถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพ มีความสามารถในการสื่อสาร การปฏิบัติงาน และการเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่น จึงขอให้ยุวโฆษกทุกคนได้ภาคภูมิใจที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและเป็นผู้ที่ช่วยให้สังคมไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่ น่าอาศัย และเป็นสังคมที่มีคุณธรรมจริยธรรมต่อไป และหวังว่ายุวโฆษกทุกคน จะเป็นแบบอย่างของผู้ที่ยึดมั่นในหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานไว้เป็นหลักชัยในการดำเนินชีวิต เช่นเดียวกับรัฐบาลที่ได้น้อมนำพระราชดำรัสดังกล่าวมาเป็นนโยบายในการบริหารประเทศด้วย เพราะหลักปรัชญานี้สามารถนำไปปรับใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย เป็นเรื่องของความพอดี พอประมาณ และเป็นการคิดและปฏิบัติด้วยความมีเหตุมีผล ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประพฤติปฏิบัติมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคงผาสุกต่อไป
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนยุวโฆษกได้ซักถามและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ อาทิ คำถามเกี่ยวกับแนวคิดของรัฐบาลต่อการส่งเสริมระบบคุณธรรมนำความรู้ว่าได้มีการพัฒนาอย่างไร การเลือกใช้วิธีการหรือหลักการอย่างไรในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น มุมมองของนายกรัฐมนตรีต่อบทบาทของเยาวชนรุ่นใหม่ในการมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาประเทศชาติ การนำแนวคิดปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาบริหารจัดการและพัฒนาประเทศให้เป็นรูปธรรมทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างไร พร้อมกันนี้ ตัวแทนยุวโฆษก ได้ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีว่า ขอให้บริหารประเทศด้วยความมั่งคง อดทน และสามารถฟันฝ่าอุปสรรคในการทำงาน เพื่อนำความสุขมาสู่ประชาชน และยุวโฆษกทุกคนก็อยากเห็นรอยยิ้มของนายกรัฐมนตรีด้วย
ตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า เยาวชนคือคลื่นลูกใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติบ้านเมืองต่อไป ในส่วนของรัฐบาลถือเป็นคลื่นที่ใกล้ถึงฝั่งและย่อมสูญสลายไป เพื่อให้คลื่นลูกใหม่ที่มีพลังและกำลังที่มากกว่าได้มาทำหน้าที่แทน โดยหวังว่าคลื่นลูกใหม่จะใช้ความรู้คู่กับคุณธรรมในการพัฒนาชาติบ้านเมือง ซึ่งถือเป็นความหวังของคนรุ่นเก่า พร้อมขอให้ยุวโฆษกทุกคนประสบความสำเร็จในการศึกษา และมีจิตใจที่มุ่งจะทำประโยชน์ให้กับสังคมส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบของที่ระลึกให้กับตัวแทนยุวโฆษก ก่อนเดินทางกลับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการยุวโฆษกว่าเพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชนในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลแก่ประชาชน ผ่านกระบวนการให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและผลการดำเนินงานของรัฐบาล การศึกษาดูงานนอกพื้นที่ในจังหวัดนครนายก การร่วมกิจกรรมกลุ่ม ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนให้รู้จักการคิดและวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล โดยเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ผ่านการคัดเลือกจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศจำนวน 120 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 17-22 ปี โดยพิจารณาจากมุมมองและแนวคิดเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การส่งเสริมให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุข การฟื้นฟูความรู้รักสามัคคี และความสำคัญของการประชาสัมพันธ์ในยุคปัจจุบัน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้โอวาทว่า ช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่รัฐบาลได้เข้ามาบริหารประเทศ ได้พยายามวางเป้าหมายที่จะแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของบ้านเมืองคือการเสริมสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ การสนับสนุนให้มีการปฏิรูปการเมืองและการร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง การลดความไม่เท่าเทียมกันทางด้านรายได้ของประชาชนในสังคม และการสถาปนาหลักนิติธรรมขึ้นในบ้านเมือง โดยรัฐบาลได้ ยึดหลักการทำงานที่โปร่งใส เป็นธรรม ประหยัด และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การดำเนินการตามเป้าหมายต่าง ๆ ดังกล่าวบังเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วงระยะเวลา 6 -7 เดือนที่ผ่านมา ว่า แม้จะมีความยุ่งยาก ซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการดำเนินงาน แต่เมื่อได้มีการเริ่มต้นทำ และได้รับความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่าย จึงทำให้การดำเนินงานของรัฐบาลมีความคืบหน้าตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาในบางเรื่องที่เคยเป็นอุปสรรคสำคัญให้บรรลุผลสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง พร้อมกล่าวกับยุวโฆษกทุกคนว่า ขอให้ช่วยกันนำความมุ่งมั่นตั้งใจ และสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการไว้ไปบอกเล่าให้คนใกล้ชิด รวมทั้งบุคคลอื่นๆ ได้รับรู้ เข้าใจและร่วมมือกับรัฐบาลในการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมไทยให้มากที่สุด แต่ทั้งนี้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องตามข้อเท็จจริง และเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ควรรู้หรือต้องรู้ด้วยการเข้ามาช่วยกันของยุวโฆษกนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อการสร้างทัศนคติที่ดี สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ตลอดจนก่อให้เกิดความร่วมมือกับรัฐบาลในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมยุวโฆษกว่า ถือเป็นคนรุ่นใหม่และเป็นอนาคตของประเทศ ที่มีความเสียสละและมีความต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานเพื่อส่วนรวม ซึ่งไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานเพื่อพัฒนาประเทศและเพื่อประชาชนคนไทยของเราเท่านั้น แต่ยังจะทำให้ทุกท่านได้มีโอกาสแสวงหาความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ อันเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญต่อการพัฒนาตนเอง ชุมชน และสังคม ซึ่งสอดคล้องกับแนวการทำงานของรัฐบาลที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีความรู้คู่คุณธรรม เพื่อพัฒนาชาติและพัฒนา สังคมของไทยให้มีคุณภาพ
โครงการยุวโฆษก จึงถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพ มีความสามารถในการสื่อสาร การปฏิบัติงาน และการเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่น จึงขอให้ยุวโฆษกทุกคนได้ภาคภูมิใจที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและเป็นผู้ที่ช่วยให้สังคมไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่ น่าอาศัย และเป็นสังคมที่มีคุณธรรมจริยธรรมต่อไป และหวังว่ายุวโฆษกทุกคน จะเป็นแบบอย่างของผู้ที่ยึดมั่นในหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานไว้เป็นหลักชัยในการดำเนินชีวิต เช่นเดียวกับรัฐบาลที่ได้น้อมนำพระราชดำรัสดังกล่าวมาเป็นนโยบายในการบริหารประเทศด้วย เพราะหลักปรัชญานี้สามารถนำไปปรับใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย เป็นเรื่องของความพอดี พอประมาณ และเป็นการคิดและปฏิบัติด้วยความมีเหตุมีผล ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประพฤติปฏิบัติมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคงผาสุกต่อไป
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนยุวโฆษกได้ซักถามและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ อาทิ คำถามเกี่ยวกับแนวคิดของรัฐบาลต่อการส่งเสริมระบบคุณธรรมนำความรู้ว่าได้มีการพัฒนาอย่างไร การเลือกใช้วิธีการหรือหลักการอย่างไรในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น มุมมองของนายกรัฐมนตรีต่อบทบาทของเยาวชนรุ่นใหม่ในการมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาประเทศชาติ การนำแนวคิดปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาบริหารจัดการและพัฒนาประเทศให้เป็นรูปธรรมทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างไร พร้อมกันนี้ ตัวแทนยุวโฆษก ได้ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีว่า ขอให้บริหารประเทศด้วยความมั่งคง อดทน และสามารถฟันฝ่าอุปสรรคในการทำงาน เพื่อนำความสุขมาสู่ประชาชน และยุวโฆษกทุกคนก็อยากเห็นรอยยิ้มของนายกรัฐมนตรีด้วย
ตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า เยาวชนคือคลื่นลูกใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติบ้านเมืองต่อไป ในส่วนของรัฐบาลถือเป็นคลื่นที่ใกล้ถึงฝั่งและย่อมสูญสลายไป เพื่อให้คลื่นลูกใหม่ที่มีพลังและกำลังที่มากกว่าได้มาทำหน้าที่แทน โดยหวังว่าคลื่นลูกใหม่จะใช้ความรู้คู่กับคุณธรรมในการพัฒนาชาติบ้านเมือง ซึ่งถือเป็นความหวังของคนรุ่นเก่า พร้อมขอให้ยุวโฆษกทุกคนประสบความสำเร็จในการศึกษา และมีจิตใจที่มุ่งจะทำประโยชน์ให้กับสังคมส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบของที่ระลึกให้กับตัวแทนยุวโฆษก ก่อนเดินทางกลับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--