พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ระบุกรณีหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่จังหวัดยะลา ซึ่งคนร้ายลอบวางระเบิดจนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทางหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่จะต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น พร้อมมีแนวคิดใช้หุ่นยนต์กู้ภัยเข้ามาช่วยในการตรวจค้นวัตถุระเบิด เพื่อลดความสูญเสียเจ้าหน้าที่
วันนี้ เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่จังหวัดยะลา ซึ่งคนร้ายลอบวางระเบิดจนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากเมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) ว่า ในส่วนของหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่จะต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้นในการทำงาน อย่างกรณีที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้มีการโทรศัพท์มาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบ พร้อมกับสื่อมวลชน แสดงให้เห็นว่าคนร้ายมีเจตนาที่จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าเหตุร้ายยังคงมีอยู่ จึงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในการทำงานให้มากขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด และไม่มีใครทราบว่าระยะที่ปลอดภัยควรจะอยู่ระยะแค่ไหน ปริมาณของระเบิดที่จะทำให้เกิดการระเบิดขึ้นมาจะครอบคลุมบริเวณกว้างแค่ไหน เพราะฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือจะต้องอยู่ให้ไกล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจริง ๆ คงจะต้องเข้าไปดูแล
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้จะร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติที่สามารถใช้ในการกู้ภัยได้ ซึ่งทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องต่อยอดทางความคิดของเยาวชน ในการที่จะใช้อุปกรณ์ทางเทคนิคเหล่านี้เข้ามาช่วยในเรื่องการกู้ภัย เพื่อจะช่วยให้ชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเข้าไปเก็บกู้วัตถุระเบิดมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยภาครัฐจะนำมาทำเองและจะสามารถนำไปใช้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับรายงานหรือไม่ว่าผู้ก่อการครั้งนี้เป็นกลุ่มใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางหน่วยปฏิบัติงานได้รายงานมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าสถานการณ์ความไม่สงบจะทวีความรุนแรงเพื่อเป็นการตอบโต้ฝ่ายรัฐที่ได้ทำการกวาดล้างจนเหลือพื้นที่น้อยลงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องคอยติดตาม ซึ่งขึ้นอยู่กับการดำเนินการว่าของฝ่ายรัฐว่าจะสามารถควบคุมพื้นที่และทรัพยากรต่าง ๆ ได้มากน้อยเพียงใด ถ้าหากฝ่ายปฏิบัติสามารถเข้าดูแลพื้นที่ได้ดีขึ้น มีผู้ที่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น และเราสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการก่อการร้ายได้ดีขึ้น ก็จะเป็นคำตอบว่าเหตุการณ์รุนแรงจะลดลงหรือมีมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากแนวความคิดการนำหุ่นยนต์ติดกล้องมาใช้ จะมีการนำเทคโนโลยีอื่น ๆ มาใช้อีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องของการกู้ภัยมีเครื่องมือที่เราสามารถนำไปใช้ได้อยู่มากพอสมควร เช่น การทำลายวัตถุระเบิดระยะไกล ซึ่งเป็นส่วนที่สามารถจะเพิ่มเติมและนำมาใช้ได้ แต่การเข้าไปตรวจสอบในเบื้องต้นเรายังไม่มีเครื่องมือ เพราะฉะนั้น หุ่นยนต์บังคับที่มีกล้องขนาดเล็กติดไว้ด้วย จะสามารถมองภาพจากกล้องได้ว่ารถที่นำมาจอดมีอะไรที่ผิดสังเกตบ้าง เพื่อเป็นการลดการสูญเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะพยายามหาวิธีช่วยในการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่จังหวัดยะลา ซึ่งคนร้ายลอบวางระเบิดจนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากเมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) ว่า ในส่วนของหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่จะต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้นในการทำงาน อย่างกรณีที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้มีการโทรศัพท์มาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบ พร้อมกับสื่อมวลชน แสดงให้เห็นว่าคนร้ายมีเจตนาที่จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าเหตุร้ายยังคงมีอยู่ จึงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในการทำงานให้มากขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด และไม่มีใครทราบว่าระยะที่ปลอดภัยควรจะอยู่ระยะแค่ไหน ปริมาณของระเบิดที่จะทำให้เกิดการระเบิดขึ้นมาจะครอบคลุมบริเวณกว้างแค่ไหน เพราะฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือจะต้องอยู่ให้ไกล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจริง ๆ คงจะต้องเข้าไปดูแล
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้จะร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติที่สามารถใช้ในการกู้ภัยได้ ซึ่งทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องต่อยอดทางความคิดของเยาวชน ในการที่จะใช้อุปกรณ์ทางเทคนิคเหล่านี้เข้ามาช่วยในเรื่องการกู้ภัย เพื่อจะช่วยให้ชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเข้าไปเก็บกู้วัตถุระเบิดมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยภาครัฐจะนำมาทำเองและจะสามารถนำไปใช้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับรายงานหรือไม่ว่าผู้ก่อการครั้งนี้เป็นกลุ่มใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางหน่วยปฏิบัติงานได้รายงานมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าสถานการณ์ความไม่สงบจะทวีความรุนแรงเพื่อเป็นการตอบโต้ฝ่ายรัฐที่ได้ทำการกวาดล้างจนเหลือพื้นที่น้อยลงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องคอยติดตาม ซึ่งขึ้นอยู่กับการดำเนินการว่าของฝ่ายรัฐว่าจะสามารถควบคุมพื้นที่และทรัพยากรต่าง ๆ ได้มากน้อยเพียงใด ถ้าหากฝ่ายปฏิบัติสามารถเข้าดูแลพื้นที่ได้ดีขึ้น มีผู้ที่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น และเราสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการก่อการร้ายได้ดีขึ้น ก็จะเป็นคำตอบว่าเหตุการณ์รุนแรงจะลดลงหรือมีมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากแนวความคิดการนำหุ่นยนต์ติดกล้องมาใช้ จะมีการนำเทคโนโลยีอื่น ๆ มาใช้อีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องของการกู้ภัยมีเครื่องมือที่เราสามารถนำไปใช้ได้อยู่มากพอสมควร เช่น การทำลายวัตถุระเบิดระยะไกล ซึ่งเป็นส่วนที่สามารถจะเพิ่มเติมและนำมาใช้ได้ แต่การเข้าไปตรวจสอบในเบื้องต้นเรายังไม่มีเครื่องมือ เพราะฉะนั้น หุ่นยนต์บังคับที่มีกล้องขนาดเล็กติดไว้ด้วย จะสามารถมองภาพจากกล้องได้ว่ารถที่นำมาจอดมีอะไรที่ผิดสังเกตบ้าง เพื่อเป็นการลดการสูญเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะพยายามหาวิธีช่วยในการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--