นายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังข้อมูลจากฮิวแมนไรท์ส วอท์ช ระบุขณะนี้ประชาชนให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐมากขึ้น และการติดตั้งระบบซีซีทีวีจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้
วันนี้ เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มสิทธิมนุษยชน (ฮิวแมนไรท์ส วอท์ช) ออกมาระบุว่ากลุ่มโจรใต้จะไม่ขอเจรจากับทางรัฐบาล และมีเป้าหมายที่จะฆ่าผู้บริสุทธิ์ให้ครบ 20,000 คน ว่า เป็นเรื่องที่เราต้องรับฟัง เพราะหลายๆ อย่างที่ฮิวแมนไรท์ส วอท์ช ได้รับข้อมูลมาก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องพิจารณา อย่างที่ได้เคยเรียนไปแล้วคือเราคงอยู่ในฐานะที่ไม่ควรที่จะอยู่บนความประมาท ต้องนำทุกอย่างเข้ามาพิจารณา แต่ในความตั้งใจของรัฐบาลคือเรายืนยันการแก้ไขปัญหาภาคใต้โดยสันติวิธี ด้วยการสร้างความเข้าใจ ส่วนความร่วมมือของประชาชนก็เป็นส่วนที่สำคัญ ซึ่งขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือมากขึ้น ถึงแม้ว่าประชาชนบางคนอาจต้องสูญเสียชีวิต แต่ก็เป็นสิ่งที่ยิ่งจะทำให้ผู้ก่อการร้ายต้องถูกโดดเดี่ยวจากประชาชนมากขึ้น ผู้ที่สูญเสียชีวิตนั้นส่วนมากเป็นคนมุสลิมที่อาจถูกสังหาร เพราะต้องสงสัยว่าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ผู้ก่อการร้ายยิ่งใช้ความรุนแรง และจะถูกโดดเดี่ยวจากประชาชนมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการปรับปรุงแผนปฏิบัติงานอย่างไรเพื่อรับมือบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องปรับปรุงและเตรียมการที่จะป้องกันเหตุร้ายต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และการนำเทคโนโลยี เช่น การติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) จะดำเนินการพัฒนาระบบให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สามารถที่จะตรวจสอบ ค้นหาภาพผู้ต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น คิดว่าภายในสิ้นปีนี้ระบบซีซีทีวีจะเสร็จสมบูรณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาภาคใต้ถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ จะมีการวางตัวผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คนใหม่อย่างไรให้เกิดความสอดคล้องกับสถานการณ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กระทรวงกลาโหมและกองทัพจะต้องพิจารณา เพราะผู้ที่จะมาเป็น ผบ.ทบ. นั้น คิดว่าต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในแนวทางเข้าใจในสถานการณ์ได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่ส่วนสำคัญที่สุดคือแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จริงๆ ถ้าหากแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้ที่มีความรู้มีความเข้าใจ สามารถทำงานร่วมกับส่วนราชการอื่นๆ ได้ และร่วมมือกับประชาชนได้อย่างเต็มที่ ส่วนนี้จะมีความสำคัญมากกว่าตำแหน่งของ ผบ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะขอข้อมูลจากฮิวแมนไรท์ส วอท์ช หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาทางกลุ่มก่อการร้ายไม่ยอมเปิดเผยตัว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราคงรอจนถึงเวลานั้น เพราะฝ่ายผู้ก่อการร้ายมีการติดตามความเคลื่อนไหวของทั้งภาครัฐและเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา อย่างที่ได้พูดขณะนี้ก็คิดว่าผู้ที่ทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายนั้นจะฟังอยู่โดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการติดต่อเจรจาระหว่างผู้ก่อการร้ายกับรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มี ซึ่งการเจรจาต้องเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายต้องเห็นพ้องต้องกัน จะไปบังคับคงไม่ได้ และยังไม่มีการหารือเพื่อตั้งโต๊ะเจรจา เป็นเพียงข่าวที่ออกมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าสาเหตุอะไรที่กลุ่มก่อการร้ายมีเป้าหมายสังหารประชาชนถึง 20,000 คน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นความคิดของกลุ่มก่อการร้าย แต่คิดว่าสิ่งที่กลุ่มคนดังกล่าวจะทำจะยิ่งทำให้เขาตกอยู่ในฐานะที่ลำบากมากขึ้น แต่จะทำเพื่ออะไรคงตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งรัฐบาลก็เตรียมป้องกันทุกๆ ด้านเท่าที่สามารถจะทำได้ โดยต้องไม่ประมาท และเตรียมการป้องกันระวังให้มากยิ่งขึ้น และขณะนี้ยังไม่มีการเพิ่มกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มสิทธิมนุษยชน (ฮิวแมนไรท์ส วอท์ช) ออกมาระบุว่ากลุ่มโจรใต้จะไม่ขอเจรจากับทางรัฐบาล และมีเป้าหมายที่จะฆ่าผู้บริสุทธิ์ให้ครบ 20,000 คน ว่า เป็นเรื่องที่เราต้องรับฟัง เพราะหลายๆ อย่างที่ฮิวแมนไรท์ส วอท์ช ได้รับข้อมูลมาก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องพิจารณา อย่างที่ได้เคยเรียนไปแล้วคือเราคงอยู่ในฐานะที่ไม่ควรที่จะอยู่บนความประมาท ต้องนำทุกอย่างเข้ามาพิจารณา แต่ในความตั้งใจของรัฐบาลคือเรายืนยันการแก้ไขปัญหาภาคใต้โดยสันติวิธี ด้วยการสร้างความเข้าใจ ส่วนความร่วมมือของประชาชนก็เป็นส่วนที่สำคัญ ซึ่งขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือมากขึ้น ถึงแม้ว่าประชาชนบางคนอาจต้องสูญเสียชีวิต แต่ก็เป็นสิ่งที่ยิ่งจะทำให้ผู้ก่อการร้ายต้องถูกโดดเดี่ยวจากประชาชนมากขึ้น ผู้ที่สูญเสียชีวิตนั้นส่วนมากเป็นคนมุสลิมที่อาจถูกสังหาร เพราะต้องสงสัยว่าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ผู้ก่อการร้ายยิ่งใช้ความรุนแรง และจะถูกโดดเดี่ยวจากประชาชนมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการปรับปรุงแผนปฏิบัติงานอย่างไรเพื่อรับมือบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องปรับปรุงและเตรียมการที่จะป้องกันเหตุร้ายต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และการนำเทคโนโลยี เช่น การติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) จะดำเนินการพัฒนาระบบให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สามารถที่จะตรวจสอบ ค้นหาภาพผู้ต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น คิดว่าภายในสิ้นปีนี้ระบบซีซีทีวีจะเสร็จสมบูรณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาภาคใต้ถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ จะมีการวางตัวผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คนใหม่อย่างไรให้เกิดความสอดคล้องกับสถานการณ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กระทรวงกลาโหมและกองทัพจะต้องพิจารณา เพราะผู้ที่จะมาเป็น ผบ.ทบ. นั้น คิดว่าต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในแนวทางเข้าใจในสถานการณ์ได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่ส่วนสำคัญที่สุดคือแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จริงๆ ถ้าหากแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้ที่มีความรู้มีความเข้าใจ สามารถทำงานร่วมกับส่วนราชการอื่นๆ ได้ และร่วมมือกับประชาชนได้อย่างเต็มที่ ส่วนนี้จะมีความสำคัญมากกว่าตำแหน่งของ ผบ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะขอข้อมูลจากฮิวแมนไรท์ส วอท์ช หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาทางกลุ่มก่อการร้ายไม่ยอมเปิดเผยตัว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราคงรอจนถึงเวลานั้น เพราะฝ่ายผู้ก่อการร้ายมีการติดตามความเคลื่อนไหวของทั้งภาครัฐและเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา อย่างที่ได้พูดขณะนี้ก็คิดว่าผู้ที่ทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายนั้นจะฟังอยู่โดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการติดต่อเจรจาระหว่างผู้ก่อการร้ายกับรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มี ซึ่งการเจรจาต้องเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายต้องเห็นพ้องต้องกัน จะไปบังคับคงไม่ได้ และยังไม่มีการหารือเพื่อตั้งโต๊ะเจรจา เป็นเพียงข่าวที่ออกมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าสาเหตุอะไรที่กลุ่มก่อการร้ายมีเป้าหมายสังหารประชาชนถึง 20,000 คน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นความคิดของกลุ่มก่อการร้าย แต่คิดว่าสิ่งที่กลุ่มคนดังกล่าวจะทำจะยิ่งทำให้เขาตกอยู่ในฐานะที่ลำบากมากขึ้น แต่จะทำเพื่ออะไรคงตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งรัฐบาลก็เตรียมป้องกันทุกๆ ด้านเท่าที่สามารถจะทำได้ โดยต้องไม่ประมาท และเตรียมการป้องกันระวังให้มากยิ่งขึ้น และขณะนี้ยังไม่มีการเพิ่มกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--