นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดงาน”มหกรรมประชาธิปไตย”ปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 โดยมี หัวหน้าส่วนราชการระดับสูง ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้แทนพรรคการเมือง/กลุ่มการเมือง นักศึกษา ตลอดจนประชาชนและสื่อมวลชน เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดงาน”มหกรรมประชาธิปไตย”ปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 โดยมี พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการกองทัพบกและประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) รองศาสตราจารย์ นรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พลเอกจรัล กุลละวานิชย์ รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่หนึ่ง (สนช.) รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทูตานุทูต หัวหน้าส่วนราชการระดับสูง ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้แทนพรรคการเมือง/กลุ่มการเมือง นักศึกษา ตลอดจนประชาชนและสื่อมวลชน เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน “มหกรรมประชาธิปไตย:ปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 “ ว่ามีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการได้แก่ 1. เพื่อเผยแพร่การดำเนินงานตามนโยบายการปฏิรูปการเมืองการปกครอง และการบริหาร เพื่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตลอดจนสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสื่อเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยแก่ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง 2. เพื่อเสริมให้เกิดการรวมพลังในการมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนในสังคมมีความตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิรูปการเมืองและการปฏิรูปสื่อซึ่งจะเป็นการส่งเสริม สิทธิเสรีภาพทางการเมือง ของประชาชนทุกเชื้อชาติ ทุกหมู่เหล่า ทุกศาสนา ทุกอาชีพ และทั่วทุกภูมิภาค โดยการจัดทำ “ปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 “ ขึ้น และ3.เพื่อร่วมรณรงค์ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับถาวร และเข้ามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อนำไปสู่การสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้กำหนดให้มีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ด้วยการจัดให้มีการประชุมประชาคมจากระดับหมู่บ้าน ไปสู่ประชาคมตำบล ประชาคมอำเภอ และประชาคมจังหวัดทั้งประเทศ เพื่อจัดทำ “ปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 ของประชาชนชาวไทย “ และให้มีการแสดงพลังแห่งประชาชนด้วยการวิ่งธงสัญลักษณ์พัฒนาการเมืองไทย 2550 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง “การรู้รัก สามัคคี” ของคนในชาติ ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพิธีการวิ่งธงและขบวนปฏิญญาดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา และได้มีการส่งมอบให้กับนายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากนั้นนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่หนึ่ง (สนช.) ได้ลงนามในประกาศปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวประกาศปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 ซึ่งเป็นหลักการสูงสุดทางการเมืองที่ปวงชนชาวไทยจะต้องยึดถือเป็นเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาการเมืองไทยสรุปว่า
หนึ่ง ปวงชนชาวไทยมีสิทธิความเป็นชาติไทย สิทธิขั้นมูลฐาน ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิอยู่ภายใต้ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิทธิในครอบครัวและการดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศแห่งวงศ์ตระกูล สิทธิที่มีโอกาสประกอบอาชีพสุจริต สิทธิ ในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิในการรักษาขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ตลอดจนสิทธิในการปกครองตนเองในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สอง ปวงชนชาวไทยมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้มีการบริหารแผ่นดินที่ยึดหลักนิติธรรม ภายใต้นิติรัฐ พัฒนาประชาธิปไตยบนพื้นฐานความเชื่อมั่นที่ว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองอย่างเสมอภาคกันและยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตย ด้วยหลักแห่งอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนและมีกระบวนการยุติธรรมอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ใช้ครรลองแห่งหลักการบริหารโดยยึดหลักธรรมรัฐาภิบาล หลักการถ่วงดุลอำนาจระหว่างนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ ตลอดจนการยอมรับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนอย่างสร้างสรรค์ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความสามัคคีของคนในชาติ
สาม ปวงชนชาวไทยจะร่วมแรงร่วมใจตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ส่งเสริมวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้เกิด ความถูกต้อง เป็นธรรม เป็นไทย โดยสันติวิธี เน้นกระบวน การการเรียนรู้ร่วมกันทุกภาคส่วน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนทุกระดับ และมีแผนพัฒนาการเมืองที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
จากนั้น พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงาน “มหกรรมประชาธิปไตย” สรุปว่า การที่จะสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้แก่ประชาชนในภาคส่วนต่างๆ เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการปฏิรูปการเมืองการปกครองและการบริหาร ที่ได้แถลงไว้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ด้วยเหตุที่การเมืองเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องโดยตรงกับวิถีชีวิตของปวงชนชาวไทยทุกคน รัฐบาลชุดนี้เมื่อได้เข้ามาบริหารประเทศจึงได้ตระหนักถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่อยู่ในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย จึงถือเป็นภารกิจหลักสำคัญที่รัฐบาลจะต้องพัฒนาการเมืองไทย โดยสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองให้กับปวงชนชาวไทย โดยการส่งเสริมให้ปวงชนชาวไทยได้มีเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็น ตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคลจนถึงประชาคม และระดับประเทศต่อกันมาจนกลายเป็นความงดงามแห่งครรลองประชาธิปไตย ซึ่งได้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของประเทศในระบอบประชาธิปไตย และมีความหมายอย่างสำคัญยิ่งยวดถึงความเจริญ และการพัฒนาทางการเมืองของประชาชนชาวไทย
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่าความสำเร็จในการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยู่ที่ความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายอย่างสร้างสรรค์ และภารกิจนี้ถือได้ว่ามีความสำคัญและเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะทำงานร่วมกันกับทุกๆ ฝ่ายต่อไป โดยยึดหลักการสำคัญแห่งคำประกาศปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะทูตานุทูต และผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคนไทยทั่วประเทศ ที่เป็นกำลังสำคัญในการทำให้การพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง และก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า รวมทั้งสามารถคาดหวังผลลัพธ์ได้ว่า จะดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จตามปฏิญญาดังกล่าว รัฐบาลชุดนี้ถือเป็นความสำคัญสูงสุดทางการเมือง ที่จะต้องส่งเสริมให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง และถือได้ว่าเป็น “วาระเร่งด่วนแห่งชาติ” ของรัฐบาลชุดนี้ และจะส่งมอบภารกิจนี้ให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนต่อไปและในวโรกาสแห่งปีมหามงคล 80 พรรษาของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในนามของรัฐบาล ขอเชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขอเชิญชวนคนไทยทุกคนผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติได้ไปลงประชามติ ในวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2550 โดยพร้อมเพรียงกัน
โอกาสนี้ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์สนับสนุนปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 พร้อมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนชาวไทยไปใช้สิทธิลงประชามติ ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดงาน”มหกรรมประชาธิปไตย”ปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 โดยมี พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการกองทัพบกและประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) รองศาสตราจารย์ นรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พลเอกจรัล กุลละวานิชย์ รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่หนึ่ง (สนช.) รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทูตานุทูต หัวหน้าส่วนราชการระดับสูง ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้แทนพรรคการเมือง/กลุ่มการเมือง นักศึกษา ตลอดจนประชาชนและสื่อมวลชน เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน “มหกรรมประชาธิปไตย:ปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 “ ว่ามีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการได้แก่ 1. เพื่อเผยแพร่การดำเนินงานตามนโยบายการปฏิรูปการเมืองการปกครอง และการบริหาร เพื่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตลอดจนสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสื่อเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยแก่ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง 2. เพื่อเสริมให้เกิดการรวมพลังในการมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนในสังคมมีความตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิรูปการเมืองและการปฏิรูปสื่อซึ่งจะเป็นการส่งเสริม สิทธิเสรีภาพทางการเมือง ของประชาชนทุกเชื้อชาติ ทุกหมู่เหล่า ทุกศาสนา ทุกอาชีพ และทั่วทุกภูมิภาค โดยการจัดทำ “ปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 “ ขึ้น และ3.เพื่อร่วมรณรงค์ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับถาวร และเข้ามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อนำไปสู่การสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้กำหนดให้มีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ด้วยการจัดให้มีการประชุมประชาคมจากระดับหมู่บ้าน ไปสู่ประชาคมตำบล ประชาคมอำเภอ และประชาคมจังหวัดทั้งประเทศ เพื่อจัดทำ “ปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 ของประชาชนชาวไทย “ และให้มีการแสดงพลังแห่งประชาชนด้วยการวิ่งธงสัญลักษณ์พัฒนาการเมืองไทย 2550 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง “การรู้รัก สามัคคี” ของคนในชาติ ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพิธีการวิ่งธงและขบวนปฏิญญาดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา และได้มีการส่งมอบให้กับนายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากนั้นนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่หนึ่ง (สนช.) ได้ลงนามในประกาศปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวประกาศปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 ซึ่งเป็นหลักการสูงสุดทางการเมืองที่ปวงชนชาวไทยจะต้องยึดถือเป็นเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาการเมืองไทยสรุปว่า
หนึ่ง ปวงชนชาวไทยมีสิทธิความเป็นชาติไทย สิทธิขั้นมูลฐาน ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิอยู่ภายใต้ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิทธิในครอบครัวและการดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศแห่งวงศ์ตระกูล สิทธิที่มีโอกาสประกอบอาชีพสุจริต สิทธิ ในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิในการรักษาขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ตลอดจนสิทธิในการปกครองตนเองในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สอง ปวงชนชาวไทยมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้มีการบริหารแผ่นดินที่ยึดหลักนิติธรรม ภายใต้นิติรัฐ พัฒนาประชาธิปไตยบนพื้นฐานความเชื่อมั่นที่ว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองอย่างเสมอภาคกันและยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตย ด้วยหลักแห่งอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนและมีกระบวนการยุติธรรมอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ใช้ครรลองแห่งหลักการบริหารโดยยึดหลักธรรมรัฐาภิบาล หลักการถ่วงดุลอำนาจระหว่างนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ ตลอดจนการยอมรับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนอย่างสร้างสรรค์ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความสามัคคีของคนในชาติ
สาม ปวงชนชาวไทยจะร่วมแรงร่วมใจตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ส่งเสริมวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้เกิด ความถูกต้อง เป็นธรรม เป็นไทย โดยสันติวิธี เน้นกระบวน การการเรียนรู้ร่วมกันทุกภาคส่วน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนทุกระดับ และมีแผนพัฒนาการเมืองที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
จากนั้น พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงาน “มหกรรมประชาธิปไตย” สรุปว่า การที่จะสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้แก่ประชาชนในภาคส่วนต่างๆ เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการปฏิรูปการเมืองการปกครองและการบริหาร ที่ได้แถลงไว้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ด้วยเหตุที่การเมืองเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องโดยตรงกับวิถีชีวิตของปวงชนชาวไทยทุกคน รัฐบาลชุดนี้เมื่อได้เข้ามาบริหารประเทศจึงได้ตระหนักถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่อยู่ในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย จึงถือเป็นภารกิจหลักสำคัญที่รัฐบาลจะต้องพัฒนาการเมืองไทย โดยสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองให้กับปวงชนชาวไทย โดยการส่งเสริมให้ปวงชนชาวไทยได้มีเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็น ตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคลจนถึงประชาคม และระดับประเทศต่อกันมาจนกลายเป็นความงดงามแห่งครรลองประชาธิปไตย ซึ่งได้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของประเทศในระบอบประชาธิปไตย และมีความหมายอย่างสำคัญยิ่งยวดถึงความเจริญ และการพัฒนาทางการเมืองของประชาชนชาวไทย
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่าความสำเร็จในการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยู่ที่ความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายอย่างสร้างสรรค์ และภารกิจนี้ถือได้ว่ามีความสำคัญและเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะทำงานร่วมกันกับทุกๆ ฝ่ายต่อไป โดยยึดหลักการสำคัญแห่งคำประกาศปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะทูตานุทูต และผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคนไทยทั่วประเทศ ที่เป็นกำลังสำคัญในการทำให้การพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง และก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า รวมทั้งสามารถคาดหวังผลลัพธ์ได้ว่า จะดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จตามปฏิญญาดังกล่าว รัฐบาลชุดนี้ถือเป็นความสำคัญสูงสุดทางการเมือง ที่จะต้องส่งเสริมให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง และถือได้ว่าเป็น “วาระเร่งด่วนแห่งชาติ” ของรัฐบาลชุดนี้ และจะส่งมอบภารกิจนี้ให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนต่อไปและในวโรกาสแห่งปีมหามงคล 80 พรรษาของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในนามของรัฐบาล ขอเชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขอเชิญชวนคนไทยทุกคนผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติได้ไปลงประชามติ ในวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2550 โดยพร้อมเพรียงกัน
โอกาสนี้ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์สนับสนุนปฏิญญาพัฒนาการเมืองไทย 2550 พร้อมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนชาวไทยไปใช้สิทธิลงประชามติ ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--