วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นาย Christopher Hill ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการสนทนา ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ นาย Christopher Hill ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในการมาเยือนไทยครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่นาย Hill จะได้เห็นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และพัฒนาการด้านการเมืองของประเทศไทยด้วยตัวเอง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการปฏิรูปการเมืองว่ามีความคืบหน้าตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีจะพยายามร่นระยะเวลาการทำประชามติให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ซึ่งผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชื่นชมความคืบหน้าดังกล่าวและกล่าวชื่นชมไทยที่มีแผนงานที่ชัดเจน สามารถปฏิบัติได้จริงและเป็นไปตามกำหนดเวลา ทั้งนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯได้แสดงความพอใจผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีไทย ณ กรุงฮานอย ระหว่างการประชุมเอเปคที่ผ่านมา และประธานาธิบดีฯยังได้รับรายงานเกี่ยวกับพัฒนาการที่ดีของไทย จากอดีตประธานาธิบดี จอร์จ บุช ( บิดาประธานาธิบดี บุช ปัจจุบัน) ที่เดินทางมาเยือนไทยในเดือนธันวาคม 2549 อีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวถึง การหารือกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันวันนี้ เกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือในภูมิภาคของไทยและชื่นชมบทบาทนำของไทยในภูมิภาคนี้
ในโอกาสนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความชื่นชมไทยในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวอย่างจริงจังและให้การช่วยเหลือผู้อพยพจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี ซึ่งในเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาสำคัญและผู้อพยพส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่มน้อยที่ยากต่อการพิสูจน์สัญชาติ อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ ไทยและพม่าได้ร่วมกันพิสูจน์สัญชาติเพื่อให้แรงงานที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นแรงงานที่ถูกกฏหมาย
ระหว่างการหารือ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้สอบถามนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในขณะนี้ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 4 แต่คาดว่า ในช่วงไตรมาส 3-4 ตัวเลขทางเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นอีก และอัตราการเติบโตตลอดทั้งปี คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.2-4.5 อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า หากประชาชนและนักธุรกิจมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเลือกตั้งในเดือนธันวาคมนี้ก็จะช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า สถานการณ์ในภาคใต้ขณะนี้ เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากพื้นที่ความรุนแรงเริ่มจำกัดลง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ใช้วิธีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนในพื้นที่มากขึ้น และได้รับความร่วมมือจากประเทศมาเลเซียเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ระหว่างการสนทนา ทั้งสองฝ่ายแสดงความยินดีกับผลสำเร็จของการฝึกซ้อมรบร่วมกัน Cobra Gold ในปีนี้ และถือว่าเป็นพัฒนาการเชิงบวกและแสดงถึงการเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นระหว่างไทย-สหรัฐฯ โดยในปีนี้ ประเทศสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการฝึกดังกล่าวด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ นาย Christopher Hill ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในการมาเยือนไทยครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่นาย Hill จะได้เห็นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และพัฒนาการด้านการเมืองของประเทศไทยด้วยตัวเอง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการปฏิรูปการเมืองว่ามีความคืบหน้าตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีจะพยายามร่นระยะเวลาการทำประชามติให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ซึ่งผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชื่นชมความคืบหน้าดังกล่าวและกล่าวชื่นชมไทยที่มีแผนงานที่ชัดเจน สามารถปฏิบัติได้จริงและเป็นไปตามกำหนดเวลา ทั้งนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯได้แสดงความพอใจผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีไทย ณ กรุงฮานอย ระหว่างการประชุมเอเปคที่ผ่านมา และประธานาธิบดีฯยังได้รับรายงานเกี่ยวกับพัฒนาการที่ดีของไทย จากอดีตประธานาธิบดี จอร์จ บุช ( บิดาประธานาธิบดี บุช ปัจจุบัน) ที่เดินทางมาเยือนไทยในเดือนธันวาคม 2549 อีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวถึง การหารือกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันวันนี้ เกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือในภูมิภาคของไทยและชื่นชมบทบาทนำของไทยในภูมิภาคนี้
ในโอกาสนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความชื่นชมไทยในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวอย่างจริงจังและให้การช่วยเหลือผู้อพยพจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี ซึ่งในเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาสำคัญและผู้อพยพส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่มน้อยที่ยากต่อการพิสูจน์สัญชาติ อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ ไทยและพม่าได้ร่วมกันพิสูจน์สัญชาติเพื่อให้แรงงานที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นแรงงานที่ถูกกฏหมาย
ระหว่างการหารือ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้สอบถามนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในขณะนี้ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 4 แต่คาดว่า ในช่วงไตรมาส 3-4 ตัวเลขทางเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นอีก และอัตราการเติบโตตลอดทั้งปี คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.2-4.5 อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า หากประชาชนและนักธุรกิจมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเลือกตั้งในเดือนธันวาคมนี้ก็จะช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า สถานการณ์ในภาคใต้ขณะนี้ เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากพื้นที่ความรุนแรงเริ่มจำกัดลง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ใช้วิธีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนในพื้นที่มากขึ้น และได้รับความร่วมมือจากประเทศมาเลเซียเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ระหว่างการสนทนา ทั้งสองฝ่ายแสดงความยินดีกับผลสำเร็จของการฝึกซ้อมรบร่วมกัน Cobra Gold ในปีนี้ และถือว่าเป็นพัฒนาการเชิงบวกและแสดงถึงการเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นระหว่างไทย-สหรัฐฯ โดยในปีนี้ ประเทศสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการฝึกดังกล่าวด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--