โปรตุเกสช่วยไทยชี้แจ้งในเวทีสหภาพยุโรป

นายกรัฐมนตรีได้กล่างแสดงชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและโปรตุเกสที่มายาวนาน และทั้งสองประเทศจะได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 500 ปี ในปี พ.ศ. 2554 โดยในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอในหลักการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมไทย-โปรตุเกส ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์ยุคใหม่และเป็นกรอบในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นในทุกด้าน รวมทั้งขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ซึ่งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปตุเกสได้กล่าวว่า โปตุเกสตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันได้ให้ความสำคัญไทยในฐานะหุ้นส่วนพิเศษในการส่งเสริมเสถียรภาพและปัญญา เป็นเสาหลักในการคงไว้ซึ่งสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย เห็นได้จากสถานเอกอัครราชทูตโปรตุเกสประจำประเทศไทย เป็นหนึ่งในทำเนียบเอกอัครราชทูตที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในโลก นอกจากนี้ ชาวโปรตุเกสยังนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยนักท่องเที่ยวชาวโปรตุเกสมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปริมาณและมูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศยังไม่สูงมากนัก ดังนั้น จึงยังมีโอกาสเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมและขยายความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า การลงทุน นอกเหนือจากการกระชับความร่วมมือด้านศิปะ วัฒนธรรม
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาการเมืองไทยว่า การยกร่างรัฐบาลได้ดำเนินไปอย่างต่อเนือง และคาดว่าจะสามารถจัดให้มีการลงประชามติได้ตามกำหนดเวลา เชื่อว่า ภายหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ภาพการเมืองไทยจะยิ่งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และมีแนวโน้มที่การเลือกตั้งทั่วไปจะถูกเลื่อนกำหนดให้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมที่จะส่งต่ออำนาจให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อบริหารประเทศต่อไป อาจจะสังเกตเห็นแล้วว่า บรรยากาศการเมืองเริ่มปรากฎขึ้นทั่วไป เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทย ได้แสดงความพึงพอใจภายหลังรับทราบถึงความก้าวหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย และเมื่อโปรตุเกสจะเข้ารับตำแหน่งประธานสหภาพยุโรปในเดือนกรกฏาคม ก็พร้อมที่จะอธิบายให้กับสมาชิกสหภาพยุโรป เพื่อให้เกิคความเข้าใจที่ถูกต้องเช่นกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--