นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวในรายการ “สายตรงทำเนียบ” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยว่า ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้พยายามผลักดันวิธีการที่จะทำให้ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนหันมาสนใจวิทยาศาสตร์และมองวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ใช่เรื่องวิชาการที่เครียดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องยอมรับว่าศักยภาพของบุคลากรและงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ของไทยยังมีน้อย จึงต้องการส่งเสริมให้มากขึ้น ซึ่งจากการศึกษาตัวอย่างการนำเสนอรายการ “Mega Clever ฉลาดสุดสุด” ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี จะเห็นว่า การนำวิทยาศาสตร์มาผสมผสานระหว่างความบันเทิงกับสาระความรู้ทำให้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ จึงได้เพิ่มรายการในลักษณะดังกล่าว แต่บรรจุเนื้อหาวิทยาศาสตร์ที่เป็นฉบับของไทยเข้าไปแทน เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงวิทยาศาสตร์ของประชาชนทั่วไป
“นโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่เรียกว่าแผนโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา เป็นแผนแม่บทที่จะเชื่อมโยงระหว่างภาคการศึกษาที่จะผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ กับภาคของเกษตรกร นักอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการต่าง ๆ จะมีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งได้จัดทำเป็นกลุ่ม เช่น การเลี้ยงกุ้ง โดยจัดทำการพัฒนาแม่พันธุ์กุ้งขึ้นมาเองได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งสามารถแจกจ่ายไปยังเกษตรกรได้ ถือว่าเป็นการช่วยเหลือโดยที่ทำให้มีความยั่งยืนในการทำประมงกุ้ง เป็นต้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าว นอกจากนี้ กระทรวงจะเน้นแผนเชิงรุกที่จะให้ประชาชนเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดยภาคเกษตรจะประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการวิจัยพันธุ์พืชและสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญแบบครบวงจร เช่น ข้าว อ้อย กุ้ง เป็นต้น เพื่อเพิ่มยอดการจำหน่ายไปยังต่างประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวต่อว่า ในอนาคตจะนำเทคโนโลยีที่เป็นความถี่ของคลื่นวิทยุมาใช้แทนบาร์โค้ดในการส่งออกสินค้า โดยเทคโนโลยีนี้จะบอกประวัติสินค้าที่ส่งออก เช่น กุ้งแช่แข็ง ผลไม้ ข้าว ทำให้ผู้นำเข้าของประเทศคู่ค้าสามารถตรวจสอบดูข้อมูลย้อนหลังได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีหน่วยงานที่เรียกว่าศูนย์ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะทำเทคโนโลยีนี้ได้ และยังมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่จะติดฉลากเพื่อรู้ว่าสินค้ามีอายุเท่าไร และสามารถรักษาอุณหภูมิที่จะทำให้ผลไม้สดได้นานขึ้น เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาผลผลิตของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือ เอสเอ็มอี ด้วย นอกจากนี้ จะดึงแหล่งศูนย์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งมีอยู่ในมหาวิทยาลัย สถาบันอาชีวศึกษา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นคลินิกวิทยาศาสตร์ ที่ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาค้นคว้าได้ ไม่ให้เป็นเรื่องวิชาการหรือเรื่องไกลตัวอีก โดยต่อไปจะให้สถาบันศึกษาต่าง ๆ จัดทำกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์และประชาสัมพันธ์ดึงประชาชนให้เข้าถึงมากขึ้น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
“นโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่เรียกว่าแผนโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา เป็นแผนแม่บทที่จะเชื่อมโยงระหว่างภาคการศึกษาที่จะผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ กับภาคของเกษตรกร นักอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการต่าง ๆ จะมีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งได้จัดทำเป็นกลุ่ม เช่น การเลี้ยงกุ้ง โดยจัดทำการพัฒนาแม่พันธุ์กุ้งขึ้นมาเองได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งสามารถแจกจ่ายไปยังเกษตรกรได้ ถือว่าเป็นการช่วยเหลือโดยที่ทำให้มีความยั่งยืนในการทำประมงกุ้ง เป็นต้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าว นอกจากนี้ กระทรวงจะเน้นแผนเชิงรุกที่จะให้ประชาชนเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดยภาคเกษตรจะประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการวิจัยพันธุ์พืชและสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญแบบครบวงจร เช่น ข้าว อ้อย กุ้ง เป็นต้น เพื่อเพิ่มยอดการจำหน่ายไปยังต่างประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวต่อว่า ในอนาคตจะนำเทคโนโลยีที่เป็นความถี่ของคลื่นวิทยุมาใช้แทนบาร์โค้ดในการส่งออกสินค้า โดยเทคโนโลยีนี้จะบอกประวัติสินค้าที่ส่งออก เช่น กุ้งแช่แข็ง ผลไม้ ข้าว ทำให้ผู้นำเข้าของประเทศคู่ค้าสามารถตรวจสอบดูข้อมูลย้อนหลังได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีหน่วยงานที่เรียกว่าศูนย์ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะทำเทคโนโลยีนี้ได้ และยังมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่จะติดฉลากเพื่อรู้ว่าสินค้ามีอายุเท่าไร และสามารถรักษาอุณหภูมิที่จะทำให้ผลไม้สดได้นานขึ้น เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาผลผลิตของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือ เอสเอ็มอี ด้วย นอกจากนี้ จะดึงแหล่งศูนย์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งมีอยู่ในมหาวิทยาลัย สถาบันอาชีวศึกษา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นคลินิกวิทยาศาสตร์ ที่ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาค้นคว้าได้ ไม่ให้เป็นเรื่องวิชาการหรือเรื่องไกลตัวอีก โดยต่อไปจะให้สถาบันศึกษาต่าง ๆ จัดทำกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์และประชาสัมพันธ์ดึงประชาชนให้เข้าถึงมากขึ้น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--