วันนี้ เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในช่วงแรกของการประชุมได้หารือในเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากบางกระทรวงมีงานค่อนข้างมากและกว้างขวางจึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น ส่วนรายละเอียดขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ เพราะต้องรอให้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยให้เรียบร้อยก่อนจึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้
“ส่วนจะมีการปรับเพิ่มในกระทรวงใดบ้างนั้น ยังไม่พูดถึง คงต้องรอให้ถึงวาระที่เหมาะสมก่อน สำหรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีจะไม่มีการปรับเพิ่มแน่นอน และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะปรับเพิ่มจนครบ 36 คนหรือไม่ ขอพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ทั้งนี้จะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีคนใดออกไป แต่มีการปรับหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า งานด้านความมั่นคงยังให้ พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) ดูแลอยู่ต่อไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องของความมั่นคงอย่างที่เคยเรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่าทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติจะทำหน้าที่ดูแลในเรื่องดังกล่าว
ส่วนการปรับเพิ่มคณะรัฐมนตรีครั้งนี้มีความมั่นใจแค่ไหนว่าประสิทธิภาพการทำงานของคณะรัฐมนตรีจะดีขึ้นและประชาชนจะพอใจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่ทั้งกับ 2 ประการ คือ คนที่ปรับเพิ่มเข้ามาจะมีคุณภาพแค่ไหน และการติดตามกำกับดูแลการปฏิบัติงานของแต่ละกระทรวงเองและตนเองด้วย คงจะต้องติดตามกันต่อไป ส่วนความพอใจของประชาชนคงจะต้องคอยดูจากประชาชนเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลายฝ่ายวิจารณ์ว่าการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นการปรับเพื่อรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่าง ๆ มากกว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าคงไม่ใช่อย่างนั้น แต่พิจารณาที่การทำงานมากกว่าอย่างอื่น ดูเรื่องของการทำงานที่ต้องการให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ หรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา อย่างที่ตนเองได้เรียนแล้วคือได้หารือกับคณะรัฐมนตรีเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่แปลก เพราะแต่เดิมการปรับคณะรัฐมนตรีนั้นถือว่าเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว แต่ว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมือง เพราะฉะนั้นการทำงานจึงอาจมีข้อแตกต่างจากรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองอยู่บ้าง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คือ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการปรับปรุงการทำงานของคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้มองในภาพกว้างหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการทำงานเพื่อร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ คณะรัฐบาล และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะต้องเร่งรัดการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อที่จะให้การปฏิบัติงาน การออกกฎหมายสามารถที่จะไปสู่เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลได้เร่งรัดในเรื่องของการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลทั้ง 5 ประการ ที่ได้แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปแล้ว ซึ่งจะต้องมีการติดตามและประเมินผล โดยจะให้คณะทำงานหรือคณะกรรมการในส่วนย่อย ๆ ได้ดำเนินการในส่วนเหล่านั้นกันต่อไป รวมทั้งจะต้องเร่งทำความเข้าใจให้กับประชาชนได้รับทราบว่ารัฐบาลได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง อย่างไร โดยรัฐบาลจะได้มีการแถลงผลงานในรอบ 6 เดือน ให้ประชาชนได้รับทราบ คาดว่าประมาณช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
“ส่วนจะมีการปรับเพิ่มในกระทรวงใดบ้างนั้น ยังไม่พูดถึง คงต้องรอให้ถึงวาระที่เหมาะสมก่อน สำหรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีจะไม่มีการปรับเพิ่มแน่นอน และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะปรับเพิ่มจนครบ 36 คนหรือไม่ ขอพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ทั้งนี้จะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีคนใดออกไป แต่มีการปรับหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า งานด้านความมั่นคงยังให้ พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) ดูแลอยู่ต่อไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องของความมั่นคงอย่างที่เคยเรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่าทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติจะทำหน้าที่ดูแลในเรื่องดังกล่าว
ส่วนการปรับเพิ่มคณะรัฐมนตรีครั้งนี้มีความมั่นใจแค่ไหนว่าประสิทธิภาพการทำงานของคณะรัฐมนตรีจะดีขึ้นและประชาชนจะพอใจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่ทั้งกับ 2 ประการ คือ คนที่ปรับเพิ่มเข้ามาจะมีคุณภาพแค่ไหน และการติดตามกำกับดูแลการปฏิบัติงานของแต่ละกระทรวงเองและตนเองด้วย คงจะต้องติดตามกันต่อไป ส่วนความพอใจของประชาชนคงจะต้องคอยดูจากประชาชนเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลายฝ่ายวิจารณ์ว่าการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นการปรับเพื่อรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่าง ๆ มากกว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าคงไม่ใช่อย่างนั้น แต่พิจารณาที่การทำงานมากกว่าอย่างอื่น ดูเรื่องของการทำงานที่ต้องการให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ หรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา อย่างที่ตนเองได้เรียนแล้วคือได้หารือกับคณะรัฐมนตรีเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่แปลก เพราะแต่เดิมการปรับคณะรัฐมนตรีนั้นถือว่าเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว แต่ว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมือง เพราะฉะนั้นการทำงานจึงอาจมีข้อแตกต่างจากรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองอยู่บ้าง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คือ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการปรับปรุงการทำงานของคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้มองในภาพกว้างหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการทำงานเพื่อร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ คณะรัฐบาล และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะต้องเร่งรัดการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อที่จะให้การปฏิบัติงาน การออกกฎหมายสามารถที่จะไปสู่เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลได้เร่งรัดในเรื่องของการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลทั้ง 5 ประการ ที่ได้แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปแล้ว ซึ่งจะต้องมีการติดตามและประเมินผล โดยจะให้คณะทำงานหรือคณะกรรมการในส่วนย่อย ๆ ได้ดำเนินการในส่วนเหล่านั้นกันต่อไป รวมทั้งจะต้องเร่งทำความเข้าใจให้กับประชาชนได้รับทราบว่ารัฐบาลได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง อย่างไร โดยรัฐบาลจะได้มีการแถลงผลงานในรอบ 6 เดือน ให้ประชาชนได้รับทราบ คาดว่าประมาณช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--