แท็ก
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
สุรยุทธ์ จุลานนท์
สนธิ บุญยรัตกลิน
กระทรวงการคลัง
กระทรวงกลาโหม
ทำเนียบรัฐบาล
วันนี้ เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อล้างทุจริตให้สิ้นแผ่นดินไทย เพื่อเทิดไท้องค์ราชัน พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและและประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พลเอก บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายนิตย์ พิบูลย์สงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือร่วมกันประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังมูลนิธิ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อร่วมประชุมกรรมการ
ต่อมาเวลา 11.30 น.ที่มูลนิธิ พลเอก เปรม ฯ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับประธาน คมช. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในช่วงเช้าว่า ได้มีการหารือกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะด้านการต่างประเทศ ซึ่งมีข้อห่วงใยที่เราจะต้องทำงานร่วมกัน แต่คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องทำต่อไปในอนาคต ทั้งเรื่องของประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในพื้นที่ห่างไกล
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่มสมัชชาประชาชนอีสาน 19 จังหวัด ยื่นหนังสือถึงประธาน คมช.ให้ปลดนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นแรงกดดันในการทำงาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ได้เป็นแรงกดดันอะไร เป็นเรื่องที่ตนเองรับฟังและพิจารณา โดยปกติก็พิจารณาตนเองอยู่ทุกวัน ในช่วงเช้าจะพิจารณาว่าอะไรบ้างที่ทำไม่ดี และหาทางแก้ไข ซึ่งพิจารณาตัวเองอยู่ตลอดเวลา และพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์หรือให้ข้อคิดเห็นต่างๆ
ต่อข้อถามว่า กลุ่มสมัชชาประชาชนอีสาน 19 จังหวัด ระบุว่าหาก ประธาน คมช.ไม่พิจารณาปลดนายกรัฐมนตรีภายใน 15 วัน จะมีการชุมนุมครั้งใหญ่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ ตรงนั้นเป็นเรื่องของประธาน คมช. ซึ่งในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับประธาน คมช.ซึ่งประธาน คมช.บอกว่ายังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกหนักใจหรือไม่ที่กลุ่มต่างๆ ออกมากดดันในช่วงเวลาที่เหลือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจ อย่างที่เรียนแล้วว่าจะพยายามทำความเข้าใจ และพยายามทำหน้าที่ให้ผ่านช่วงเวลาซึ่งเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้ไปให้ได้ อยากจะเรียนประชาชนคนไทยว่าการที่จะทำอะไรให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ ไปคงต้องมีความอดทนและความพยายามที่จะร่วมมือกันให้มากขึ้น มากกว่าที่จะใช้วิธีการที่เคยพูดไว้ว่าใช้อารมณ์ หรือใช้แนวคิดที่ไม่รับฟังข้อคิดเห็นของคนอื่น
ต่อข้อถามว่า ขณะนี้มีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการจัดการกับระบอบทักษิณ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะทำหน้าที่โดยอาศัยหลักนิติธรรมในการทำงานทุกอย่าง และในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างหนึ่งคือการทำงานซึ่งจะต้องมีหลักธรรมาภิบาล ยึดหลักความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น
ต่อข้อถามว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องครั้งนี้จะส่งผลให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจอย่างไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอรับฟังจากทุกๆ ส่วนก่อนว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่อยู่ในขั้นตอนที่จะรับฟังความคิดเห็นและพิจารณา
ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าการที่นายกรัฐมนตรีเคยบอกว่าจะตัดสินใจ หากมีการปะทะกันนั้น เหตุการณ์จะรุนแรงเกินไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึงว่าจะให้มีการปะทะกัน ไม่เคยเลย มีแต่บอกว่าไม่อยากให้สถานการณ์ไปถึงขั้นปะทะกัน และจะไม่ให้ไปถึงตรงจุดนั้นอยู่ตลอดเวลา ในทุก ๆ ครั้งที่มีการตัดสินใจก็ได้เรียนไปอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ผ่อนปรนประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และ 27 ได้มีการพิจารณาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ได้หารือกับพลเอก สนธิฯ แล้วเช่นกัน คงจะต้องมีเวลาใช้ประกาศ คปค. ไปอีกระยะหนึ่ง คงไม่นาน อย่างที่ได้เรียนให้หัวหน้าพรรคการเมืองได้รับทราบไปแล้วเมื่อวานนี้
ต่อข้อถามว่า แสดงว่า คมช. ยังเห็นว่าจำเป็นต้องใช้ประกาศ คปค.ฉบับดังกล่าวต่อไปใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ได้มีการพูดคุยและหารือกันแล้วว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง
ต่อข้อถามว่า คมช.ให้เหตุผลอย่างไรที่ยังไม่ยกเลิกประกาศ คปค. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ยังไม่ยกเลิกในทันทีเพราะยังมีเรื่องที่จะต้องฟังในส่วนของศาล ส่วนที่ว่าต้องรอคำวินิจฉัยคดียุบพรรคจากศาลรัฐธรรมนูญก่อนหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงจะเป็นลักษณะที่จะต้องรอฟังทางศาลก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางการพิจารณาจะมีการยกเลิกประกาศ คปค. ทั้งฉบับ หรือยกเลิกบางส่วน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รอขั้นตอนตรงนั้นก่อน ซึ่งได้หารือกันแล้วว่าหลังจากที่มีความชัดเจนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดียุบพรรคเสร็จ คงจะทำรายละเอียดกันได้ต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
ต่อมาเวลา 11.30 น.ที่มูลนิธิ พลเอก เปรม ฯ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับประธาน คมช. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในช่วงเช้าว่า ได้มีการหารือกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะด้านการต่างประเทศ ซึ่งมีข้อห่วงใยที่เราจะต้องทำงานร่วมกัน แต่คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องทำต่อไปในอนาคต ทั้งเรื่องของประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในพื้นที่ห่างไกล
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่มสมัชชาประชาชนอีสาน 19 จังหวัด ยื่นหนังสือถึงประธาน คมช.ให้ปลดนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นแรงกดดันในการทำงาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ได้เป็นแรงกดดันอะไร เป็นเรื่องที่ตนเองรับฟังและพิจารณา โดยปกติก็พิจารณาตนเองอยู่ทุกวัน ในช่วงเช้าจะพิจารณาว่าอะไรบ้างที่ทำไม่ดี และหาทางแก้ไข ซึ่งพิจารณาตัวเองอยู่ตลอดเวลา และพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์หรือให้ข้อคิดเห็นต่างๆ
ต่อข้อถามว่า กลุ่มสมัชชาประชาชนอีสาน 19 จังหวัด ระบุว่าหาก ประธาน คมช.ไม่พิจารณาปลดนายกรัฐมนตรีภายใน 15 วัน จะมีการชุมนุมครั้งใหญ่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ ตรงนั้นเป็นเรื่องของประธาน คมช. ซึ่งในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับประธาน คมช.ซึ่งประธาน คมช.บอกว่ายังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกหนักใจหรือไม่ที่กลุ่มต่างๆ ออกมากดดันในช่วงเวลาที่เหลือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจ อย่างที่เรียนแล้วว่าจะพยายามทำความเข้าใจ และพยายามทำหน้าที่ให้ผ่านช่วงเวลาซึ่งเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้ไปให้ได้ อยากจะเรียนประชาชนคนไทยว่าการที่จะทำอะไรให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ ไปคงต้องมีความอดทนและความพยายามที่จะร่วมมือกันให้มากขึ้น มากกว่าที่จะใช้วิธีการที่เคยพูดไว้ว่าใช้อารมณ์ หรือใช้แนวคิดที่ไม่รับฟังข้อคิดเห็นของคนอื่น
ต่อข้อถามว่า ขณะนี้มีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการจัดการกับระบอบทักษิณ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะทำหน้าที่โดยอาศัยหลักนิติธรรมในการทำงานทุกอย่าง และในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างหนึ่งคือการทำงานซึ่งจะต้องมีหลักธรรมาภิบาล ยึดหลักความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น
ต่อข้อถามว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องครั้งนี้จะส่งผลให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจอย่างไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอรับฟังจากทุกๆ ส่วนก่อนว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่อยู่ในขั้นตอนที่จะรับฟังความคิดเห็นและพิจารณา
ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าการที่นายกรัฐมนตรีเคยบอกว่าจะตัดสินใจ หากมีการปะทะกันนั้น เหตุการณ์จะรุนแรงเกินไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึงว่าจะให้มีการปะทะกัน ไม่เคยเลย มีแต่บอกว่าไม่อยากให้สถานการณ์ไปถึงขั้นปะทะกัน และจะไม่ให้ไปถึงตรงจุดนั้นอยู่ตลอดเวลา ในทุก ๆ ครั้งที่มีการตัดสินใจก็ได้เรียนไปอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ผ่อนปรนประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และ 27 ได้มีการพิจารณาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ได้หารือกับพลเอก สนธิฯ แล้วเช่นกัน คงจะต้องมีเวลาใช้ประกาศ คปค. ไปอีกระยะหนึ่ง คงไม่นาน อย่างที่ได้เรียนให้หัวหน้าพรรคการเมืองได้รับทราบไปแล้วเมื่อวานนี้
ต่อข้อถามว่า แสดงว่า คมช. ยังเห็นว่าจำเป็นต้องใช้ประกาศ คปค.ฉบับดังกล่าวต่อไปใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ได้มีการพูดคุยและหารือกันแล้วว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง
ต่อข้อถามว่า คมช.ให้เหตุผลอย่างไรที่ยังไม่ยกเลิกประกาศ คปค. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ยังไม่ยกเลิกในทันทีเพราะยังมีเรื่องที่จะต้องฟังในส่วนของศาล ส่วนที่ว่าต้องรอคำวินิจฉัยคดียุบพรรคจากศาลรัฐธรรมนูญก่อนหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงจะเป็นลักษณะที่จะต้องรอฟังทางศาลก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางการพิจารณาจะมีการยกเลิกประกาศ คปค. ทั้งฉบับ หรือยกเลิกบางส่วน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รอขั้นตอนตรงนั้นก่อน ซึ่งได้หารือกันแล้วว่าหลังจากที่มีความชัดเจนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดียุบพรรคเสร็จ คงจะทำรายละเอียดกันได้ต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--