โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) เผยจัดกำลังกว่า 5 พันนายเตรียมรับมือการชุมนุมของกลุ่มการเมืองต่างๆ ในช่วงเดือน ต.ค.นี้ โดยยืนยันยึดแนวทางปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมทุกกลุ่มภายใต้มาตรฐานเดียวกัน
"การบริหารเหตุการณ์จะวิเคราะห์ถึงกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมเป็นหลัก และต้องยึดถือว่าพื้นที่ กทม.ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้อยู่ ข้อกำหนด หรือข้อห้ามต่างๆ ยังคงบังคับใช้ตามปกติ และไม่มีข้อยกเว้นให้กับกลุ่มใดๆ ทั้งสิ้น ตำรวจจะปฏิบัติเพียง 1 มาตรฐานเท่านั้น หากฝ่าฝืนก็ต้องเข้าไปดำเนินการ" พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผู้บังคับการประจำ บช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าว
โฆษก บช.น.กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วเพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที โดยนอกเหนือจากนโยบายของ ศอฉ.และ ผบ.ตร.แล้ว ทาง บช.น.ได้ฝึกแผนรับมือไว้ด้วย โดยทุกกองบังคับการของตำรวจนครบาลจะร่วมฝึกซ้อมแผนปฏิบัติการในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ซึ่งจะปฏิบัติตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
สำหรับการชุมนุมในช่วงเดือน ต.ค.นี้เบื้องต้นจะมี 6 ครั้ง โดยวันนี้เป็นการจัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์ 6 ต.ค.19 ที่มหาวิทยาลับธรรมศาสตร์ ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อยดี
ครั้งต่อไปวันพรุ่งนี้(7 ต.ค.) ตั้งแต่เวลา 04.00 น.ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะจัดพิธีทำบุญเพื่อรำลึกถึงการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เป็นผู้ดูแลเหตุการณ์ในพื้นที่ นอกเหนือจากภารกิจหลักที่เป็นหัวหน้าชุดในการเจรจาต่อรอง
เบื้องต้นแกนนำฯ แจ้งว่า งานจะเสร็จสิ้นในเวลา 10.00 น. หลังจากนั้นผู้ชุมนุมจะเคลื่อนไปยังบริเวณบ้านเจ้าพระยาเพื่อจัดกิจกรรมต่อตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.ซึ่ง บก.น.1 ยังเป็นหน่วยหลักในการดูแล คาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมกิจกรรมประมาณ 2,000-3,000 คนในช่วงเช้า และจะมีกิจกรรมต่อเนื่องในช่วงบ่ายอีกประมาณ 1,000-2,000 คน ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ดูแลประมาณ 1,700 นาย
"ลานพระบรมรูปทรงม้าถือเป็นพื้นที่สัญจรตามปกติ เราอนุญาตให้ทำพิธีสงฆ์ได้ แต่ขอให้ผู้มาร่วมกิจกรรมอยู่บนทางเท้าเท่านั้น รวมถึงกิจกรรมในช่วงบ่ายที่บ้านเจ้าพระยาที่ขอร้องอย่าลงมาบนผิวจราจร เพราะยังเป็นพื้นที่ใช้สัญจรตามปกติของประชาชน" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ส่วนวันที่ 10 ต.ค.53 ทางกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จะจัดกิจกรรมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีผู้ชุมนุมประมาณ 5,000 คน จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ดูแลประมาณ 3,300 นาย โดยมอบหมายให้ บก.น.6 เป็นหน่วยรับผิดชอบดูแล และหลังจากนั้นก็จะย้ายไปทำกิจกรรมที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 เพื่อระลึกถึงการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง และต่อเนื่องไปยังถนนสีลม ซึ่งอยู่ในพื้นที่ บก.น.5 ซึ่งจะมอบหมายให้ดูแลต่อไป
และการจัดงานระลึกถึงการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค.19 ที่ลานอนุสรณ์สถานบริเวณสี่แยกคอกวัว ซึ่งคาดว่าจะมีคนประมาณ 400-500 คน ใช้เจ้าหน้าที่ดูแลประมาณ 250 นาย
"เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถส่งกำลังเสริมเข้าไปได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง 30 นาที" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
โฆษก บช.น.กล่าวว่า สำหรับการชุมนุมของทุกกลุ่ม เจ้าหน้าที่ที่เข้ามาดูแลจะยึดมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และห้ามปิดกั้นเส้นทางจราจร ห้ามปิดกั้นทางเข้า-ออกอาคาร หรือห้ามใช้เครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ รวมถึงการตั้งเวที โดย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ในฐานะหัวหน้าชุดเจรจา จะแจ้งให้กับแกนนำกลุ่มต่างๆ ได้รับทราบถึงแนวทางปฏิบัติแล้ว หากฝ่าฝืนต้องดำเนินการตามกฎหมาย
นอกจากนี้จะมีการประสานงานกันระหว่างเจ้หาน้าที่ตำรวจ ทหาร และ กทม.ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่เพียงแต่พื้นที่การชุมนุมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพื้นที่ทั้งหมดของ กทม.และปริมณฑล โดยตั้งด่านตรวจเพื่อสกัดอาวุธ วัตถุระเบิด หรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆ และ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รักษาราชการแทน ผบช.น.ได้กำชับว่า ทุกเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น และเป็นเหตุน่าสนใจ ผกก.สน.ทุกพื้นที่รับผิดชอบ จะต้องถึงที่เกิดเหตุทันที และเพิ่มเติมให้ ผกก.สส.ของทุกกองบังคับการเข้าไปช่วยเหลือ
"การชุมนุมหรือการทำกิจกรรมทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนนี้ถือเป็นสิทธิที่ประชาชนสามารถกระทำได้ แต่ขอให้อยู่บนหลักการตามข้อกฎหมายต่างๆ แต่อย่าลืมว่า กทม.ยังประกาศเป็นพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ ข้อห้ามต่างๆ ยังคงอยู่ และขอให้แกนนำแต่ละกลุ่มดูแลมวลชนของตนเองด้วย" พล.ต.ต.วิชัย กล่าว
โฆษก บช.น. กล่าวว่า ขณะนี้ทาง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ได้ประสานไปยังกองทัพภาคที่ 1 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีแจ้งเตือนหากมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ต้องขอความร่วมมือและกำลังสนับสนุนแล้ว และทางกองทัพภาคที่ 1 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พร้อมสนับสนุนหากมีการร้องขอ ทั้งนี้ด้านการข่าวยังไม่มีอะไรเป็นพิเศษที่จะระบุว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง แต่ก็ไม่ประมาท ยังคงพื้นที่การดูแลโดยรอบไว้เช่นเดิม ส่วนการเฝ้าระวังมือที่ 3 ที่อาจจะลักลอบก่อเหตุนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทางตำรวจเตรียมการรับมือไว้ คือ จำกัดพื้นที่การชุมนุมไว้ และระมัดระวังผู้ที่จะก่อเหตุการณ์ ซึ่งทุกอย่างเตรียมการไว้หมดแล้ว
ส่วนการดูแลด้านการจราจรได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.เป็นผู้ดูแล ด้านการมั่นคงมอบให้ พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.เป็นผู้ดูแล และด้านกฎหมายมอบให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.เป็นผู้ดูแล