ดุสิตโพลเผยคนหนุนปราบทุจริตเป็นวาระชาติ ชี้สำเร็จได้บทลงโทษต้องเด็ดขาด

ข่าวทั่วไป Sunday October 17, 2010 14:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "ปราบคอรัปชั่นอย่างไรให้สำเร็จ" ซึ่งจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกส่วนราชการเสนอมาตรการคุมทุจริตอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 60 วันนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ 45.14% เห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญของประเทศที่แต่ละกระทรวงควรให้ความร่วมมือและให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่

รองลงมา 30.13% มองว่าเป็นแนวคิดที่ดีแต่ในทางปฏิบัติคงเป็นไปได้ยาก เพราะระบบราชการไทยมีการทุจริตมานาน อันดับสาม 16.09% มองว่าเป็นการกระตุ้นให้ทุกส่วนราชการเกิดการตื่นตัวและน่าจะมีบางมาตรการที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ปัญหาการทุจริตได้จริง และอันดับสี่ 8.64% มองว่าเป็นการสร้างภาพ สร้างกระแสนิยมให้กับรัฐบาล

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนกับราชการไทย ณ วันนี้ หากมองในส่วนของระบบราชการไทยนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ 47.40% มองว่าเป็นระบบอุปถัมภ์ ใช้เส้นสาย เป็นระบบพวกพ้อง ขณะที่ข้าราชการไทย หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น ประชาชนส่วนใหญ่34.51% มองว่าขาดความเป็นอิสระ ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ทุกเรื่องต้องอาศัยการตัดสินใจจากผู้บังคับบัญชา

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) เสนอให้มีเครื่องชี้วัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของส่วนราชการ โดยนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมและเป็นไปด้วยความสมัครใจของส่วนราชการนั้นๆ ประชาชนส่วนใหญ่ 45.47% ระบุว่าไม่แน่ใจ เพราะเป็นเพียงการนำเสนอให้แต่ละส่วนราชการสามารถนำไปใช้ได้แต่ไม่มีการบังคับอย่างจริงจัง รองลงมา 31.80% คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะระบบราชการไทยมีการทุจริต คอรัปชั่นมานาน,ข้าราชการบางคนอาจไม่ให้ความร่วมมือ และที่เหลือ 22.73% คิดว่าเป็นไปได้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อระบบราชการไทย มั่นใจว่าเป็นเครื่องมือที่มีคุณภาพเพราะผ่านการพิจารณาตรวจสอบจาก ก.พ.และ ก.พ.ร.แล้ว

สำหรับ 3 แนวทางที่ประชาชนมองว่าจะปราบคอรัปชั่นให้สำเร็จได้นั้น อันดับแรก ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มีบทลงโทษที่เด็ดขาด ชัดเจน มีมาตรการเข้มงวด เอาจริงจัง อันดับสอง การปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้กับข้าราชการไทย ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ใช้หลักธรรมาภิบาลในการทำงาน และอันดับสาม คิดว่าการปราบคอรัปชั่นของระบบราชการไทยไม่น่าจะสำเร็จได้แต่อาจจะลดลงได้

ส่วนการที่คณะรัฐมนตรีเสนอให้เรื่องการรณรงค์เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ สุจริตของส่วนราชการ และมียุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาตินั้น ประชาชนส่วนใหญ่ 80.39% เห็นด้วย เพราะเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ควรได้รับการแก้ไข, เป็นอีกหนทางหนึ่งที่อาจช่วยให้การคอรัปชั่นในบ้านเมืองลดลง ประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้าถ้าไม่มีการคอรัปชั่น

ขณะที่ประชาชน 13.73% ไม่แน่ใจ เพราะไม่มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำสำเร็จได้ทันก่อนหมดวาระหรือไม่, กลัวว่าจะไม่มีการสานต่อในเรื่องนี้ ส่วนที่เหลือ 5.88% ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยมีการคอรัปชั่นอย่างรุนแรงจนถึงขั้นต้องประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ, ควรแก้ไขอย่างค่อยเป็นค่อยไป

อนึ่ง ผลการสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นของข้าราชการและประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 2,326 คน ระหว่างวันที่ 12-16 ตุลาคม 2553


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ