นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ผ่านเครือข่ายของช่อง 11 ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่ประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก ประกอบด้วย จ.ลพบุรี, นครราชสีมา, ชัยภูมิ, พระนครศรีอยุธยา, ปราจีนบุรี และสระแก้ว เพื่อรับฟังการรายงานสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ รวมทั้งรับฟังความต้องการจากแต่ละจังหวัดถึงการขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากส่วนกลาง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี รายงานว่าไม่มีปัญหาเขื่อนแตกใน จ.ลพบุรี แต่เป็นเพียงการระบายน้ำผ่านสปริงเวย์ ส่วนพื้นที่ที่น้ำท่วมหนัก คือ อ.เมือง และ อ.บ้านหมี่ โดยปริมาณอาหารและน้ำดื่มไม่เพียงพอ แต่ขณะนี้การให้ความช่วยเหลือได้เข้าไปถึงทุกพื้นที่แล้ว
ทั้งนี้ จ.ลพบุรี มียอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยรวมทั้งสิ้น 7 คน และได้รับการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมให้แก่ทางจังหวัดอีก 50 ล้านบาท รวมเป็น 100 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้
นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า ในพื้นที่ อ.ปักธงชัย นั้นการให้ความช่วยเหลือสามารถเข้าถึงแล้ว ขณะที่ อ.ด่านขุนทด ปริมาณน้ำเริ่มลดลงแล้ว ส่วนในเขตเทศบาลเมืองนั้น มีประชาชนอาศัยอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก ทำให้ต้องมีการจัดระเบียบการเข้าไปช่วยเหลือ
โดยความช่วยเหลือที่ต้องการขอเพิ่มเติม คือ รถน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และรถสุขา ซึ่งล่าสุด จ.ศรีสะเกษ และ กทม.ได้จัดส่งไปช่วยในบางส่วนแล้ว ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ รพ.มหาราช ได้ดำเนินการอพยพผู้ป่วยหนัก และการจัดระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ไปบางส่วนแล้ว
อย่างไรก็ดี จ.นครราชสีมา เป็นอีกจังหวัดที่ได้รับการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจากคณะรัฐมนตรีอีก 50 ล้านบาท รวมเป็น 100 ล้านบาท
นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ชลประทานจังหวัดได้แจ้งเตือนประชาชนให้ระวังปริมาณน้ำที่จะล้นออกจากเขื่อนลำปะทาว แต่ยืนยันว่าขณะนี้เขื่อนสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ พร้อมประสานขอความร่วมมือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ช่วยดูแลประชาชนในพื้นที่ ขณะเดียวกันทางจังหวัดได้เร่งน้ำข้าวกล่องและน้ำดื่มไปมอบให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยแล้ว และคิดว่างบของจังหวัดจำนวน 50 ล้านบาทยังเพียงพอต่อการให้ความช่วยเหลือ โดยไม่จำเป็นต้องขออนุมัติเพิ่มเติม
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รายงานว่า อยุธยาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว 12 อำเภอ ซึ่งประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ อีกทั้งเป็นพื้นที่ที่ต้องรับน้ำจากเขื่อนป่าสักที่จะไหลลงมาในพื้นที่ ขณะที่กังวลว่าน้ำบางส่วนจากชัยนาทน่าจะไหลเข้ามาถึงอยุธยาในอีก 2-3 วันนี้
สำหรับการขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากส่วนกลาง คือ บ้านหรือเต้นท์ชั่วคราว 500 หลัง ห้องน้ำชั่วคราว 500 หลัง และเรือ 500 ลำ
ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ผู้ว่าฯ อยุธยา ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นจังหวัดที่รับน้ำจากหลายพื้นที่
นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี รายงานว่า จากสถานการณ์น้ำท่วม มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 25 ตำบล คิดเป็นจำนวน 3,500 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายราว 20,000 ไร่ ขณะที่ทหารและเจ้าหน้าที่จากหน่วยกาชาดได้เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบน้ำท่วมแล้ว
นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว รายงานว่า ในพื้นที่ จ.สระแก้ว มี 2 อำเภอที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด คือ อ.อรัญประเทศ และ อ.โคกสูง โดย อ.อรัญประเทศ ถือว่าประสบปัญหาน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 13 ปี ล่าสุดในเขตเทศบาลยังมีน้ำท่วมขังสูง 30-50 ซม. ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำกระสอบทรายไปวางเป็นคันกั้นน้ำ พร้อมกับให้ความช่วยเหลือในเรื่องของถุงยังชีพแล้ว
ขณะที่สถานการณ์ในตลาดโรงเกลือนั้น ได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้เป็นมูลค่าราว 100 ล้านบาท หลังจากที่น้ำเข้าท่วมตลาดโรงเกลือทำให้ไม่สามารถเปิดการค้าขายได้ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา แต่ล่าสุดสามารถเปิดการค้าขายได้ปกติแล้ว
ส่วน อ.โคกสูง มีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 3,800 คน จากประมาณ 1,000 ครัวเรือน ซึ่งทุกหน่วยงานของจังหวัดได้เร่งบูรณาการความช่วยเหลือแล้ว และคาดว่าถ้าภายใน 3 วันนี้ไม่มีฝนตกลงมาอีกปริมาณน้ำที่ท่วมขังจะเริ่มลดระดับลงเข้าสู่ปกติ ทั้งนี้ จ.สระแก้ว ประเมินเบื้องต้นว่างบประมาณ 50 ล้านบาท อาจจะไม่เพียงพอต่อความช่วยเหลือในครั้งนี้