(เพิ่มเติม) กรมชลประทานให้จังหวัดแนวเจ้าพระยาเร่งเสริมคันกันน้ำให้สูงกว่า 2 ม.

ข่าวทั่วไป Friday October 22, 2010 13:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากผลการประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำล่าสุด พบว่าปริมาณน้ำเหนือที่จังหวัดนครสวรรค์จะอยู่เกณฑ์ระหว่าง 2,900 — 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประกอบกับจะมีปริมาณน้ำในลุ่มน้ำสะแกกรังไหลลงมาสมทบอีกประมาณ 450 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณเพิ่มมากขึ้น สถานการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา มีเป็นจำนวนมากในระยะนี้

ประกอบกับในช่วงวันที่ 25-27 ตุลาคม 2553 จะเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุด คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีปริมาณน้ำในเกณฑ์สูงถึง 3,500 - 4,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ดังนั้น เพื่อเตรียมการป้องกันล่วงหน้า เพื่อความปลอดภัยและป้องกันน้ำไหลเข้าพื้นที่ชุมชน จึงขอให้กรุงเทพมหานคร เสริมความแข็งแรงของกำแพงป้องกันตลิ่งให้สูงขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 1.00 เมตร ตลอดแนวลำน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง

พร้อมทั้ง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด หากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร กรมชลประทานจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆต่อไป

นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำเหนือทั้งหมดที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มมีมากขึ้น และปริมาณน้ำอาจยกตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษ ในช่วง 24-25 ตุลาคม ที่มีน้ำทะเลหนุน

"ในพื้นที่จังหวัดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ควรเสริมคันกั้นน้ำให้สูงขึ้น ถ้ามากกว่า 2 เมตรได้ยิ่งดี"

ขณะนี้ตัวเลขการปล่อยน้ำเหนือที่ บริเวณเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ยังอยู่ที่ปริมาณ 2,872 ลบ.ม. /วินาที และน้ำที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีการระบายที่ปริมาณ 1,200 ลบ.ม. / วินาที ทำให้ขณะนี้ มีปริมาณน้ำไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ บริเวณจุดวัดระดับน้ำบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ที่ 3,081 ลบ.ม. /วินาที


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ