ก.เกษตรฯ คาดแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น,เตรียมชดเชยความเสียหายผู้ที่ขึ้นทะเบียน

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ได้รับรายงานตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมจนถึงปัจจุบัน มีพื้นที่ในภาคการเกษตรที่ประสบภัยน้ำท่วมประมาณ 1.7 ล้านไร่ อย่างไรก็ตามภายหลังน้ำลดกระทรวงเกษตรฯ จะมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งดำเนินการสำรวจอีกครั้งว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่การเกษตรที่เสียหายจริงจำนวนเท่าใด คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานนักเพราะกระทรวงเกษตรฯ ได้มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและพื้นที่ทำการเกษตรแล้วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้การจ่ายเงินช่วยเหลือหรือชดเชยทำได้เร็วขึ้นและถึงตัวเกษตรกรอย่างแท้จริง

สำหรับแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรคาดว่าจะสูงขึ้น ซึ่งพื้นที่น้ำท่วมส่วนใหญ่เป็นพื้นที่นาข้าว อย่างไรก็ดี เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อผู้บริโภคมากนัก ในส่วนของมันสำปะหลังที่เกษตรกรได้เร่งขุดขึ้นมาจำหน่ายเพราะกังวลกับสถานการณ์ น้ำท่วมนั้น ในระยะต่อไปอาจทำให้มันสำปะหลังขาดตลาดได้และมีราคาสูงขึ้น

ผลกระทบด้านการเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ด้านพืช (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ต.ค.53) แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงภัย เดือนสิงหาคม — กันยายน 2553 ประสบภัยจำนวน 53จังหวัด เกษตรกร 293,947 ราย พื้นที่ 2,757,236 ไร่ แยกเป็น ข้าว 2,441,369 พืชไร่ 283,617 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 32,250 ไร่

สำรวจแล้วพบพื้นที่เสียหายทั้งสิ้น 470,462 ไร่ แบ่งเป็นข้าว 413,116 ไร่ พืชไร่ 47,211 ไร่ พืชสวน 10,475 ไร่ วงเงินทั้งหมด 300.56 ล้านบาท เกษตรกร 60,654 ราย

ช่วงภัย เดือนตุลาคม 2553 — ปัจจุบัน ประสบภัยจำนวน 26 จังหวัด ได้แก่จังหวัดตาก ลำพูน นครสวรรค์ อุทัยธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ หนองคาย กรุงเทพฯ สิงห์บุรี สระบุรี ลพบุรี อ่างทอง ชลบุรี ระยอง ตราด ปราจีนบุรี สระแก้ว กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เกษตรกร 151,108 ราย พื้นที่ 2,426,124 ไร่

ด้านปศุสัตว์ ช่วงภัยระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม — ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ต.ค. 53) ประสบภัยจำนวน 34 จังหวัด เกษตรกร 50,744 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 4.63 ล้านตัว แปลงหญ้า 30,552 ไร่

ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้เตรียมความพร้อมด้านเสบียงสัตว์ไว้ล่วงหน้า โดยการผลิตทั้งหญ้าแห้ง หญ้าสด และหญ้าหมักไว้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ /สถานีพัฒนาอาหารสัตว์ จำนวน 29 ศูนย์/สถานีสามารถบริการช่วยเหลือราษฎรได้ทันที (ณ วันที่ 18 ต.ค. 53) จำนวน 8,016 ตัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 2,676 ตัน และภาคตะวันออก จำนวน 191 ตัน