นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เปิดเผยวานนี้ (23 ต.ค.) ถึงสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในขณะนี้ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอุทิศเวลาทั้งหมดเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ โดยเฉพาะเรื่องน้ำที่คนไทยได้รับผลกระทบทั้งจากภัยน้ำท่วม ภัยแล้ง ทั้งหมดอยู่ในความสนพระราชหฤทัยของพระองค์ และจะเห็นได้ว่าแต่ละจุดแต่ละพื้นที่ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จฯ ประทับโรงพยาบาลศิริราช ทรงสั่งลงมายังหน่วยงานต่างๆ พยายามพระราชทานคำเสนอแนะต่างๆ และกลไกต่างๆ ก็เดินไปได้ด้วยดี มีการประสานงานกันทุกหน่วยราชการ เพราะน้ำเกี่ยวข้องกับองค์กรจำนวนมาก น้ำก้อนเดียวอาจจะผ่านเหนือจรดใต้ ฉะนั้นการประสานงานเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่มีความสำคัญมาก
"ที่ผ่านมาหลายปีก่อนที่มีน้ำทะลักเข้ามาก้อนใหญ่ทุกคนก็เฉย แต่เมื่อพระองค์ท่านอดทนไม่ไหวก็เลยรับสั่งเรียกหน่วยงานต่างๆ มาประชุม และทรงถามว่าน้ำเดินทางเท่าไหร่ ระยะเวลาเท่าไหร่ แต่ละชั่วโมงมาถึงไหน เพื่อวางระบบการเตือนภัยให้ทันท่วงที แต่ครั้งนี้ความรู้สึกของผม รัฐบาลอาจจะทำอยู่แล้ว แต่จุดศูนย์กลางมองไม่ค่อยออก แม้ว่าแต่ละหน่วยจะพยายามทำเต็มที่ตามที่เห็น"
นายสุเมธ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจะต้องประสานความร่วมมือหลายหน่วย ถ้าวางแผนดีๆ และใช้ข้อมูลที่ดีจัดการบริหาร ปัญหาก็จะทุเลา ทั้งนี้ต้องเรียนให้ทราบว่าเท่าที่ติดตามมานาน แม้ว่าตนจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ แต่เรื่องธรรมชาติเรามีความเป็นห่วงไม่รู้จะสู้อย่างไร เพียงแต่จะต้องปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ และบริหารทำให้กระทบกระเทือนน้อยที่สุด และพร้อมกันนั้นก็มีประโยชน์ให้แก่เรา แม้ว่าจะทำร้ายเรา หรือทำความยากลำบากให้เรา แต่ก็เป็นประโยชน์ ดังนั้นจุดกลางที่จะต้องเก็บไว้เท่าไหร่ ปล่อยเท่าไหร่ จะต้องคำนวณให้ละเอียด และจะต้องฝากไปอีกจุดหนึ่งส่วนของธรรมชาติที่จะต้องซึมซับเอาไว้คือป่าและพื้นที่โดยธรรมชาติ โดยระบบที่มีอยู่แล้ว และรู้กันว่าเราทำลายกันอยู่ทุกวัน ทั้งเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าทำให้ฟองน้ำธรรมชาติหดหายไป และปล่อยให้น้ำไหลมาเป็นจำนวนมาก และเก็บไว้ไม่ไหว
"การแก้ไขปัญหาจะต้องมีศูนย์เผชิญวิกฤติ ไม่ว่าจะวิกฤติทางด้านสังคม การเมือง หรือ เศรษฐกิจ จะต้องระดมกำลังและมีศูนย์กลางประสานงาน อย่างไรก็ตาม การที่มีศูนย์กลางตรงนี้ขึ้นมามันไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย แต่จะช้าหรือเร็วมันก็ดีกว่า ตอนนี้ก็มีการประสานงานกันของแต่ละหน่วยงานตามส่วนราชการต่างๆ เหมือนกับยามศึกก็จะต้องมีกองบัญชาการรวมตั้งขึ้นมาแก้ไขปัญหา โดยมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ละจุดจะต้องบูรณาการ"นายสุเมธ กล่าว
นายสุเมธ กล่าวว่า ตอนผมไปถวายงานกับพระองค์ท่านหลายสิบปีแล้ว พระองค์ท่านทรงเตือนพวกเราว่าระวังนะ อย่าไปรังแกธรรมชาติ หากไปรังแกมากๆ เขาจะโกรธเอาและเขาจะทำร้ายเรา ซึ่งก็เป็นจริงตลอด เรื่องพวกนี้เราถูกเตือนหมดแล้ว น้ำ ลม พายุ เฉียดบ้านเราไป เหลือเพียงแต่ไฟยังไม่เกิดขึ้น แต่ประเทศที่มีภูเขาไฟถูกเตือนหมดแล้ว สิ่งที่เราเรียกร้องให้รักษาแผ่นดิน ให้รักษาชาติบ้านเมือง สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของดิน น้ำ ลม ไฟ ทั้งนี้พระราชกรณียกิจ 60 กว่าปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับดิน น้ำ ลม ไฟทั้งนั้น คือรักษาแผ่นดินเพื่อให้พวกเรามีชีวิตอย่างผาสุก ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็คือชีวิตเราที่จะต้องรักษา หากไม่รักษาก็จะส่งผลกระทบ
"พระองค์ทรงติดตามและดูแผนที่อยู่ทุกวันแทนที่จะมองไปที่พระองค์ท่าน อย่าเอาภาระไปใส่พระองค์ เราจะต้องเหลียวกลับมาดูว่าเราแต่ละคนควรทำอย่างไร การรักษาแผ่นดินเป็นหน้าที่ของทุกคนไม่ใช่พระองค์อย่างเดียว"นายสุเมธ กล่าว