นายกฯสั่งทุกกระทรวงปรับลดงบเพื่อนำไปช่วยฟื้นฟูน้ำท่วม หวังลดภาระงบกลาง

ข่าวทั่วไป Friday October 29, 2010 13:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 17 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามนั้น อาเซียนแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และขอให้คนไทยสบายใจว่ามิตรประเทศจะไม่ทอดทิ้งกัน

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มีแนวคิดที่จะขอกู้เงินสำหรับนำมาใช้ในการฟื้นฟูหรือช่วยเหลือเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ แต่ได้สั่งการให้ทุกกระทรวงไปพิจารณาปรับลดงบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการช่วยเหลือฟื้นฟูแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับงบกลางมากจนเกินไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันที่ 1 พ.ย.นี้

ส่วนสถานการณ์น้ำว่าในพื้นที่ภาคกลางขณะนี้ระดับน้ำเริ่มลดแล้ว ขณะที่บางพื้นที่ที่น้ำท่วมขังยังต้องเร่งให้ความช่วยเหลือต่อไป สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น มั่นใจได้ว่าระดับน้ำจะไม่เกินปริมาณที่เตรียมการรองรับไว้ ส่วนภาคใต้และภาคตะวันออกต้องติดตามเฝ้าระวังต่อไป

          สำหรับผลการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 17 ได้เน้นความสำคัญของการเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน โดยเห็นชอบแผนแม่บทการเชื่อมโยงทั้งโครงสร้างพื้นฐาน, การอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุนในอาเซียน ขณะเดียวกันภาคเอกชนได้ขอให้ความสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม(SMEs)ให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันได้เสนอให้อาเซียนเน้นความร่วมมือระหว่างกัน และภูมิภาคให้มากขึ้น เพื่อกำหนดจุดยืนในการนำเสนอต่อที่ประชุม G20 โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาเงินทุนไหลเข้าที่ส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประเทศอื่น เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์เป็นอย่างดี
          ทั้งนี้ ที่ประชุมอาเซียนได้หยิบยกสถานการณ์ในพม่าขึ้นมาหารือ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การเลือกตั้งในพม่าเป็นเพียงก้าวหนึ่งในกระบวนการประชาธิปไตย โดยจะต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดระบบการเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกันประชาคมโลกต้องมีปฏิสัมพันธ์กับพม่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นหลักประกันว่าพม่าจะเดินหน้าตามแนวทางที่ประกาศไว้ รวมทั้งต้องลดช่องว่างเรื่องความคาดหวังของประชาคมโลกกับสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะเฉพาะหน้าของพม่า

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการหารือทวิภาคีกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาวานนี้(28 ต.ค.) ว่าเป็นการรับทราบความก้าวหน้าหลังจากการพบปะกัน 2 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งทุกด้านมีความก้าวหน้าทั้งการแลกเปลี่ยนและการเยือนวัฒนธรรม, ความเป็นไปได้ในการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ยังทบทวนสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมด โดยเฉพาะการวางกำลังทหาร และการมีชุมชน ตลาด เพิ่มในพื้นที่ซึ่งมีข้อพิพาท โดยจะต้องคำนึงถึง MOU ปี 43 ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชามีความเข้าใจที่ดี ส่วนร่างบันทึกข้อตกลงกรรมาธิการเขตแดนไทย-กัมพูชา(เจบีซี) ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรนั้น สมเด็จฮุนเซนไม่ติดใจเรื่องนี้ เพราะมีความเข้าใจกระบวนการภายในของไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้มีการพูดคุยถึงกรณีกระแสข่าวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดงหลบหนีอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งสมเด็จฮุนเซน ยืนยันว่าพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการส่งตัวมาดำเนินคดี หากได้รับข้อมูลจากการประสานงานจากหน่วยงานของรัฐบาลไทย ทั้งนี้การพูดคุยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยการประสานงานภายใน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ