ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 6 — 11 พฤศจิกายน 2553 จะเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้มีผลกระทบกับสองฝั่งลำน้ำในเขตจังหวัด ที่ได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
กรมชลประทาน ได้วางมาตรการ เพื่อเตรียมรับมือกับภาวะน้ำทะเลหนุนสูง โดยการควบคุมให้น้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาต่ำกว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมกับรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยไม่ให้มีผลกระทบกับพื้นที่ริมคลอง และลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ไม่เกิน 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านเขื่อนพระรามหกให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งมาตรการทั้งหมดนี้ จะทำให้ปริมาณน้ำที่จะไหลผ่าน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
นอกจากนี้ ยังได้เร่งระบายน้ำผ่านระบบชลประทานฝั่งตะวันออกตอนล่าง ด้วยการสูบออกลงสู่แม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง และทะเลอ่าวไทย รวมกันประมาณวันละ 22 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งใช้ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงจังหวะน้ำทะเลลงออกสู่อ่าวไทยประมาณวันละ 47 ล้านบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตจังหวัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด