นายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยถึงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วม ว่า ตัวเลขพื้นที่นาข้าวที่ประสบภัยน้ำท่วมในขณะนี้มีรายงานว่าประมาณ 7 ล้านไร่ โดยตัวเลขความเสียหายที่แท้จริงกำลังอยู่ระหว่างการสำรวจของกรมส่งเสริมการเกษตร
ในส่วนของกรมการข้าวขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบทันทีภายหลังน้ำลด โดยได้จัดเตรียมเมล็ดพันธุ์ไว้แจกจ่ายให้กับเกษตรกรนำไปปลูก รวมจำนวน 2.5 หมื่นตัน คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 2 ล้านไร่ ทั้งนี้จะเป็นข้าวประเภทไม่ไวต่อช่วงแสง ซึ่งสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในเรื่องปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวมีเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรอย่างแน่นอน โดยได้ประสานกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ในการเตรียมความพร้อมเมล็ดพันธุ์ไว้ส่วนหนึ่งด้วย ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ศูนย์ข้าวชุมชนที่มีเมล็ดพันธุ์ข้าวได้เตรียมสำรองเมล็ดพันธุ์ไว้ให้กับเกษตรกรด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเกษตรกรเองนั้นได้มีการเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เองส่วนหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้เกษตรกรได้มีความ มั่นใจว่าภายหลังน้ำลดจะมีเมล็ดพันธุ์ข้าวเพียงพอต่อความต้องการแน่นอน
รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวต่อไปอีกว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ทำให้ปัญหาเรื่องการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเบาบางลง แต่กรมการข้าวยังมีความเป็นห่วงว่าจากนี้ไปจะเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วสภาพอากาศโดยทั่วไปจะหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกพื้นที่ เพราะฉะนั้นขอแนะนำเกษตรกรที่ปลูกข้าวว่าควรเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดี เช่น พันธุ์สุพรรณบุรี 1 สุพรรณบุรี 3 กข31(ปทุมธานี 80) และกข39
ขณะเดียวกันควรหลีกเลี่ยงการปลูกข้าวพันธุ์ชัยนาท 1 ปทุมธานี 1 พิษณุโลก 2 กข29 กข41 กข47 และ และข้าวอายุสั้นอีกหลายๆพันธุ์ ซึ่งพันธุ์เหล่านี้เป็นพันธุ์ข้าวที่ไม่ทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็น หากเกษตรกรปลูกจะมีผลกระทบต่อผลผลิตได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาข้าวกระทบหนาว กรมการข้าวขอแนะนำเกษตรกรให้เริ่มปลูกข้าวประมาณเดือนธันวาคม เพื่อให้ข้าวออกดอกในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งข้าวจะใช้ระยะเวลาเติบโตถึงช่วงออกดอกประมาณ 90 วัน โดยจะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาข้าวกระทบหนาวได้เกษตรกรที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน่วยงานของกรมการข้าวใกล้บ้าน หรือ ศูนย์บริการชาวนา 50 แห่งทั่วประเทศ ในวัน และเวลาราชการ