ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ล่าสุด (11 พ.ย. 53) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน ณ จุดสำคัญ ดังนี้ จังหวัดนครสวรรค์ 1,948 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(ลดลงจากวานนี้ 71 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) เขื่อนเจ้าพระยา 1,911 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(ลดลงจากวานนี้ 186 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ส่วนที่เขื่อนพระรามหกได้ปิดการระบายน้ำแล้ว ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2,570 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(ลดลงจากวานนี้ 91 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) แนวโน้มปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้ได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทยได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ซึ่งกรมชลประทานจะได้อาศัยจังหวะนี้เร่งระบายน้ำที่ท่วมอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในเขตพื้นที่ลุ่มภาคกลาง ซึ่งหลายแห่งยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ โดยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดัน และการเปิดทางให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้สะดวกขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดกระแสข่าวว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะสูงขึ้นอีก 1 เมตร ทำให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชนเป็นอย่างมาก กรมชลประทาน ชี้แจงว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ทางตอนบนได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ยังคงเหลือแต่น้ำที่ท่วมขังอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำและทุ่งต่างๆ ซึ่งกรมชลประทาน ได้เร่งดำเนินการสูบน้ำออกจากพื้นที่เหล่านั้น ให้ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยปริมาณน้ำที่จะระบายหรือสูบลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยานี้ จะไม่ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างใด กระแสข่าวที่เกิดขึ้นจึงเป็นความเข้าใจผิด