สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศที่มีต่อ คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องการยุบพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 2 คดี คือ การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง จำนวน 29 ล้านบาท และเงินบริจาค 258 ล้านบาท ส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์รอดพ้นจากการยุบพรรค และสามารถดำเนินงานบริหารบ้านเมืองต่อไปได้ด้วยความมั่นใจมากขึ้น ในขณะที่อดีตนายกฯ ทักษิณมีข่าวว่าจะเดินทางไปให้ข้อมูล ที่สหรัฐอเมริกาตามคำเชิญจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือ ซีเอสซีอี โดยสำรวจความเห็นจากประชาชนจำนวนทั้งสิ้น 2,434 คน ระหว่างวันที่ 9-11 ธ.ค.53 พบว่า
กรณีศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องการยุบพรรคปชป.ในคดี 29 ล้านบาท และ 258 ล้านบาท ส่วนใหญ่เห็นว่า ผลการตัดสินทั้ง 2 คดี ย่อมมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย /แต่สุดท้ายก็ต้องเคารพในคำตัดสินของศาล 44.26% รองลงมา เหตุผลที่ศาลยกคำร้องของทั้ง 2 คดี ไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควร เป็นประเด็นให้สังคมตั้งข้อสงสัย 29.06% คดี 258 ล้านบาท ผลเป็นไปตามที่คาด /ประชาชนไม่กระตือรือร้น ไม่สนใจที่จะติดตามเหมือนกับคดี 29 ล้านบาท 13.78% และ พรรค ปชป.มีโอกาสที่จะเดินหน้าทำงานต่อไปอย่างเต็มที่ /ไม่จำเป็นต้องรีบเลือกตั้งใหม่ 12.90%
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีทั้ง 2 คดีเสร็จสิ้นลง ประชาชนคิดว่าสถานการณ์การเมืองไทยต่อไปนี้จะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ เห็นว่าเหมือนเดิม 58.84% เพราะ ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ,การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ ฯลฯ รองลงมาเห็นว่าแย่ลง 23.22% เพราะ อาจเป็นสาเหตุให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยใช้เป็นประเด็นในการโจมตีพรรคปชป.และนำไปสู่ความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่ม ฯลฯ และเห็นว่าดีขึ้น 17.94% เพราะ พรรคปชป.จะได้สานต่องานเดิมและบริหารบ้านเมืองต่อไปได้อย่างเต็มที่ / อยากเห็นบ้านเมืองเกิดการปรองดอง ฯลฯ
จากกรณีการตัดสินไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นอย่างไร อันดับ 1 มองว่าขัดแย้งเพิ่มขึ้น 47.92% เพราะ มองว่าเป็นการตัดสินแบบ 2 มาตรฐาน ไม่มีความยุติธรรม, เป็นสาเหตุให้สถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวายมากขึ้น ฯลฯ อันดับ 2 ขัดแย้งเหมือนเดิม 45.15% เพราะ ความขัดแย้ง ความแตกแยกทางการเมืองไทยมีมานาน ยากที่จะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ ฯลฯ อันดับ 3 ขัดแย้งลดลง 6.93% เพราะ ศาลได้ตัดสินคดีเสร็จสิ้นไปแล้ว ต่างฝ่ายควรทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองจะดีกว่า ฯลฯ
หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์รอดพ้นจากการยุบพรรคแล้ว ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลจะเป็นอย่างไร อันดับ 1 เชื่อมั่นเหมือนเดิม 41.88% เพราะ จากผลคำตัดสินพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพรรคปชป.ไม่มีความผิด ,อาจเป็นแค่เกมการเมืองมากกว่า ฯลฯ อันดับ 2 เชื่อมั่นมากขึ้น 30.14% เพราะ หลังจากนี้เชื่อว่ารัฐบาลคงจะต้องเดินหน้าบริหารบ้านเมืองอย่างเต็มที่เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของพรรคในฐานะที่เป็นฝ่ายรัฐบาล ฯลฯ อันดับ 3 เชื่อมั่นน้อยลง 27.98% เพราะ เหตุผลที่ศาลใช้ในการตัดสินไม่มีน้ำหนักพอ ,การชี้แจงและเอกสารหลักฐานต่างๆที่พรรคปชป.นำมายังไม่ชัดเจน ฯลฯ
หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกยุบ ประชาชนคิดว่าการดำเนินการทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ควรเป็นอย่างไร
ฝ่ายรัฐบาล ควรดำเนินการดังนี้ คือ
อันดับ 1 ต้องทำงานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจเพื่อพิสูจน์ฝีมือให้ประชาชนได้เห็น 60.08% อันดับ 2 เร่งสานต่องานเดิม /นโยบายต่างๆที่ได้ประกาศไว้ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมชัดเจนโดยเร็ว 25.64% อันดับ 3 ต้องเรียกความเชื่อมั่น ศรัทธาจากประชาชนกลับคืนมาเหมือนเดิม /สร้างภาพลักษณ์ ความเข้าใจที่ดีในสายตาของชาวต่างชาติ 14.28%
ฝ่ายค้าน ควรดำเนินการดังนี้ คือ
อันดับ 1 ควรเดินหน้าทำงานต่อไปด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ /เห็นแก่ประโยชน์สุขของบ้านเมือง 59.31% อันดับ 2 ทำหน้าที่คอยตรวจสอบ คานอำนาจฝ่ายรัฐบาลตามความเหมาะสม 32.58% อันดับ 3 ให้การสนับสนุน ร่วมมือกับรัฐบาลในเรื่องที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม 8.11%
ประชาชนคิดอย่างไร กรณีที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปให้ข้อมูลที่สหรัฐอเมริกาตามคำเชิญจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือ ซีเอสซีอี อันดับ 1 ไม่มั่นใจว่าทางสหรัฐฯ จะออกวีซ่าให้อดีตนายกฯทักษิณเดินทางเข้าประเทศได้หรือไม่ 57.94% อันดับ 2 อาจเป็นเพียงกระแสข่าวทางการเมืองเพื่อเรียกร้องความสนใจ /ควรรอดูท่าทีของทางการสหรัฐฯ ก่อนจะดีกว่า 28.24% อันดับ 3 แสดงให้เห็นถึงความสามารถและเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง /เป็นบุคคลที่ต่างชาติต่างให้ความสนใจ 13.82%
ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปจริงจะมีผลต่อประเทศไทยในสายตาชาวโลกอย่างไร อันดับ 1 มีทั้งผลดีและผลเสียพอๆกัน 47.74% เพราะยังไม่รู้ว่าประเด็นที่อดีตนายกฯทักษิณจะพูดมีเรื่องอะไรบ้าง ขึ้นอยู่กับการตีความและเจตนารมณ์ของการสื่อความหมายในเรื่องที่จะพูด ฯลฯ อันดับ 2 ผลเสียมากกว่า 35.39% เพราะ อาจใช้เวทีนี้ในการกล่าวหา พาดพิงรัฐบาล และขอความชอบธรรมจากต่างประเทศ ฯลฯ อันดับ 3 ผลดีมากกว่า 16.87% เพราะ หากมองในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นตัวแทนคนไทยที่มีความรู้ ความสามารถและมีประสบการณ์สูง ฯลฯ