นายอีริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลดำเนินการยื่นเรื่องฟ้องร้อง บีพี บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษและบริษัทน้ำมันรายอื่นๆ อีก 8 แห่ง ต่อศาลรัฐบาลกลางในนิวออร์ลีนส์ กรณีแท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ระเบิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา จนเกิดน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกและส่งผลให้เกิดความเสียหายทางทะเลครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
นอกจากบีพีแล้ว บริษัทอื่นๆ ที่ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ ประกอบด้วยบริษัท อานาดาร์โก ปิโตรเลียม คอร์ป และ MOEX ซึ่งเป็นกิจการในเครือมิตซุย แอนด์ โค ลิมิเต็ด รวมทั้งลอยด์ส ออฟ ลอนดอน ผู้ค้ำประกันของบีพี
โดยรัฐบาลสหรัฐได้เรียกร้องให้บริษัทเหล่านี้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากเหตุน้ำมันรั่วไหลตามข้อกฎหมายว่าด้วยมลภาวะทางน้ำมัน (Oil Pollution Act) และกฎหมายว่าด้วยน้ำสะอาด (Clean Water Act)
โฮลเดอร์กล่าวว่า บริษัทที่เข้าข่ายฝ่าฝืนข้อบังคับด้านความปลอดภัยและการดำเนินงานถูกตรวจสอบแล้วว่าได้ทำกระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับดังกล่าวจนส่งผลให้เกิดน้ำมันรั่วไหลจำนวนมาก
นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่รัฐบาลสหรัฐจะยื่นฟ้องบีพี มีประชาชนหลายพันคนรวมถึงภาคธุรกิจขนาดเล็กได้ยื่นเอกสารฟ้องร้องบีพีต่อศาลรัฐบาลกลางในนิวออร์ลีนส์ด้วยเช่นกัน ขณะที่สื่อของสหรัฐรายงานการยื่นเอกสารฟ้องร้องกว่า 300 กรณีที่เกี่ยวข้องกับเหตุน้ำมันรั่วไหล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เหตุน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกที่เกิดขึ้นหลังการระเบิดของแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานมานาน 3 เดือนนั้นยังคงสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างภายหลังจากที่มีการอุดรอยรั่วที่บ่อน้ำมัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดความเสียหายทางทะเล รวมถึงแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและสัตว์ป่ารอบอ่าวเม็กซิโก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประมงและการท่องเที่ยว ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น รวมถึงภาคธุรกิจต่างสูญเงินไปหลายพันล้านเพื่อทำความสะอาดคราบน้ำมันและฟื้นฟูท้องทะเล