นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า รัฐบาลได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ด้วยยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน โดยเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงตั้งเป้าพยายามลดผู้เสพยารายใหม่ลงอย่างน้อย 10%
สำหรับปัจจุบันอยู่ในแผนงานระยะที่ 3 (พ.ย.53- ก.ย.54) ที่จะเน้นการป้องกันในกลุ่มเยาวชนที่มีอายุ 7-18 ปีเป็นหลัก พร้อมทั้งปรับเกณฑ์การประเมินการจับกุมคดียาเสพติดทุก 3 เดือน ซึ่งเชื่อมั่นว่าปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดจะลดน้อยลงได้
"ความเข้มข้นในการปราบปรามและจับกุม จะทำให้เห็น โดยจะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปจัดทำแผนให้ชัดเจน ต้องลดลงให้ประชาชนเห็น 3 เดือนนี้ ปัญหายาเสพติดต้องลดลง" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า จะส่งมอบแผนปฏิบัติงานระยะที่ 3 ให้แก่ สตช. และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) โดยสาระสำคัญ คือ จะให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการติดตามและป้องกันปัญหายาเสพติด
นอกจากนี้ จะเน้นการบูรณาการต่อยอดการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร รวมทั้งกำหนดพื้นที่ที่ต้องจับตาปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดเป็นพิเศษ ประกอบด้วย พื้นที่ภาคเหนือตอนบน คือ แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย 2. พื้นที่กรุงเทพฯ และ 3.พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่จะมีการระบุชัดลงไปในพื้นที่แต่ละอำเภออีก 175 อำเภอทั่วประเทศ
ทั้งนี้ นายสุเทพ จะเดินทางไปร่วมประชุมเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดนัดแรกร่วมกับ สตช. ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมฯ วันนี้ได้หารือกันถึงสถานะของผู้เสพยา โดยเห็นควรให้ผู้ที่ติดยาเสพติดต้องเข้ารับการบำบัดด้วยวิธีการบังคับตามข้อกฎหมาย จากในอดีตที่ใช้ความสมัครใจหรือความยินยอมจากครอบครัวก่อน