นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงกรณีปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชาว่า ในเรื่องปัญหาป้ายที่ทางกัมพูชาได้ติดตั้งบนพื้นที่ของไทยนั้น ขณะนี้ก็ไม่มีการประสานให้ทำลายเรียบร้อยแล้ว ขณะที่มีรายงานว่ากัมพูชานำธงชาติมาติดในพื้นที่ ก็กำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งหากพบก็ต้องเอาธงลง เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่พื้นทื่ของกัมพูชา ตามหลักสันปันน้ำ ทั้งนี้ได้สั่งกระทรวงการต่างประเทศทำการตอบโต้แถลงการณ์ของทางกัมพูชาแล้ว
ส่วนข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องที่ให้ยกเลิก บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ปี 2543 หรือ เอ็มโอยู 43 ตนเห็นว่าหลายคนมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเพราะคิดว่าเอ็มโอยูทำให้กัมพูชารุกล้ำแดนได้ ซึ่งที่จริงไม่ใช่ เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน แต่เอ็มโอยู ได้กำหนดเตือนไว้ไม่ให้มีการรุกล้ำเพิ่มเติม และยังไม่ได้มีการกำหนดว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตแดนจนกว่าจะมีการเจรจาปักปันเขตแดนขึ้น และต้องมีการนำเข้าสภา เอ็มโอยูไม่ได้ทำให้ไทยเสียเปรียบ ส่วนที่บอกว่าเป็นการรับแผนที่ 1:200,000 ของทางกัมพูชานั้นก็ไม่จริง เพราะแผนที่ระวางดงรักไม่ใช่แผนที่ที่ยอมรับตามเอ็มโอยู
"ตนยืนยันว่าการทำเอ็มโอยูเป็นไปตามหลักสากล เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะและสงครามขึ้น"
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเรียกร้องให้ถอนตัวออกจากมรดกโลกนั้น รัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้ไปเจรจากับกัมพูชาให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเมื่อตนเป็นรัฐบาลก็คัดค้านมาตลอดจนทำให้กัมพูชาไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้
อย่างไรก็ตามการทำความเข้าใจกับนานาชาติในเรื่องดังกล่าว ก็เป็นเรื่องไม่ง่าย ซึ่งรัฐบาลก็พยายามทำอยู่ โดยหลายชาติก็เริ่มมีความเข้าใจที่ดีขึ้น ขณะที่สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เองก็ได้บอกให้มีการพูดคุยกับไทยนอกรอบ ทั้งนี้หากไทยถอนตัวจากมรดกโลก ก็จะทำให้กัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นผลสำเร็จ อย่างไรก็ตามตนได้สั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม ให้เตรียมหลักฐานเพื่อคัดค้านทางเทคนิคเอาไว้แล้ว