นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนคติ พฤติกรรมและการใช้จ่ายช่วงวันวาเลนไทน์ปี 54 พบว่า เทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดถึง 2,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.38% จากช่วงวาเลนไทน์ปีก่อนที่มีเงินสะพัด 2,450 ล้านบาท โดยถือว่าเป็นการใช้จ่ายสูงสุดรอบ 4 ปี นับจากปี 50 ที่มียอดใช้จ่าย 1,870 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่วาเลนไทน์ปีนี้ยังคึกคักแม้ว่าตัวเลขการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะมีเพียง 1,288 บาท เมื่อเทียบกับระดับปกติที่ควรมีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 1,400 บาทนั้น เป็นเพราะเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวไม่นาน อีกทั้งการใช้จ่ายช่วงวาเลนไทน์จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีกำลังซื้อไม่มากพอเท่ากับผู้ใหญ่ ส่วนปัจจัยเสี่ยง เช่น ปัญหาการเมืองภายในประเทศ การปะทะระหว่างไทยและกัมพูชา แทบจะไม่มีผลต่อบรรยากาศการใช้จ่ายเลย
จากผลการสำรวจยังพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์เพิ่มขึ้นจากในอดีต 5-10 ปีที่ผ่านมา และสถานะของผู้ตอบที่จะไปฉลองวาเลนไทน์ส่วนใหญ่มีคนรู้ใจ แต่ไม่ถึงขั้นเป็นแฟน ส่วนบรรยากาศวันวาเลนไทน์ ผู้ตอบส่วนใหญ่ 42.6% มองว่าปีนี้คึกคัก เพราะเศรษฐกิจดีขึ้น มีสถานที่เที่ยวมากขึ้น เป็นต้น ส่วนผู้ตอบ 24.6% ที่ตอบว่าคึกคักน้อยลง เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น เศรษฐกิจแย่ลง และปัญหาเกี่ยวกับการชุมนุม
ส่วนเมื่อสอบถามทัศนะต่อคู่รักกลุ่มที่มีการฉลองวาเลนไทน์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ พบว่าอายุระหว่าง 23-29 ปี สถานะโสด เป็นกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์มากสุด ส่วนสถานที่ที่วัยรุ่นอาจมีการฉลองวาเลนไทน์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่ยังเป็นโรงแรมม่านรูด รองลงมาเป็นห้องพักรายวัน อพาร์ทเมนต์ บ้าน และสวนสาธารณะ เมื่อถามถึงทัศนะคติการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน ส่วนใหญ่ 43% ตอบว่าแล้วแต่มุมมอง ส่วน 29% ตอบไม่ควร และอีก 28% ตอบว่าเป็นเรื่องธรรมดา