ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เผยมีสัญญาณอันตรายแนวโน้มการกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งของโรคเอดส์ หลังพบวัยรุ่นติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวในรอบ 5 ปี เนื่องจากอัตราการใช้ถุงยางอนามัยมีเพียง 51% ทำให้มีความเสี่ยงที่จะติดโรคและตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
"อัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากเป็นโรคที่ติดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยเช่นเดียวกัน" นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กล่าว
ปลัด สธ.กล่าวว่า การระบาดของโรคเอดส์ระลอกใหม่กำลังเริ่มขึ้นในประเทศไทย หลังจากที่เคยประสบผลสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาด สัญญาณบ่งชี้ประเด็นแรกได้แก่ การติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในหญิงตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น 3.6 เท่าตัว จาก 0.05% ในปี 48 เป็น 0.18% ในปี 51 โดยพบสูงสุดในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุน้อย ประเด็นที่ 2 คือการติดเชื้อในกลุ่มทหารเกณฑ์ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มวัยรุ่นชาย สูงขึ้น 1.86 เท่าตัว จาก 0.14% ในปี 48 เป็น 0.26% ในปี 51 เช่นกัน และ 3.ผู้ที่ติดเชื้อกามโรคจะมีเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่าคนทั่วไป 2-9 เท่าตัว
สำหรับสถานการณ์โรคเอดส์นับถึง 31 ธ.ค.53 ประเทศไทยมีผู้ป่วยเอดส์ 372,202 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 98,589 ราย โดยผู้ป่วย 90% อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ อายุ 15-49 ปี ส่วนในกลุ่มวัยรุ่น 15-19 ปี เพศหญิงมีอัตราป่วยสูงกว่าเพศชาย 2 เท่าตัว สาเหตุการติดเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ 84%
ขณะที่สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคล่าสุดในปี 52 พบผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือที่เรียกว่ากามโรคทั่วประเทศ 23,622 ราย ซึ่งไม่รวมผู้ป่วยกามโรคที่ซื้อยากินเองหรือไปรับการรักษาที่คลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชน โรคที่พบมากคือหนองใน จำนวน 7,188 ราย รองลงมา หนองในเทียม ซิฟิลิส ฝีมะม่วง และแผลริมอ่อน โดยกลุ่มอายุ 15-24 ปี มีอัตราป่วยสูงสุด และแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน
สาเหตุที่กลุ่มวัยรุ่นติดโรคมากเกิดมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับแฟน คู่รัก หรือคู่นอนฉาบฉวย การติดเพิ่มขึ้น 3.5 เท่าตัว ชี้ให้เห็นว่าวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเสี่ยงทั้งติดโรคและตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ การติดเชื้อดังกล่าวสอดคล้องกับผลการศึกษาพฤติกรรมกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษา ในปี 52 พบว่าอายุเฉลี่ยการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 13 ปี และมีการใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเพียง 51% ผลที่ตามมาพบว่าระหว่างปี 2544-2552 ยอดวัยรุ่นหญิงตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว จาก 10% เป็น 40% และยังมีรายงานในช่วง พ.ศ.44-50 พบเด็กหญิงอายุ 10 ปี ตั้งครรภ์ 60 คน และมีวัยรุ่นหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปีคลอดบุตร จำนวนมากถึง 55,648 คน